เด็กหนุ่มชุดขาวยังคงแย้มยิ้มเป็นปกติ ใช้สองนิ้วคีบจับตั๊กแตนแล้วกำมันไว้กลางฝ่ามือหลวมๆ ก่อนจับยัดเข้าไปในชายแขนเสื้อฝั่งซ้ายมือ
ภาพเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าเดิมพลันปรากฏขึ้น ตั๊กแตนสีขาวหิมะที่มีชีวิตชีวาตัวนั้นกลับเป็นเหมือนเกล็ดหิมะที่ละลายอยู่กลางฝ่ามือของเด็กหนุ่ม พริบตาเดียวก็กลายมาเป็นก้อนเงินก้อนหนึ่ง เพียงแต่ว่าเงินก้อนนี้กลับยังสามารถเคลื่อนไหวกระดุบกระดิบได้
หลังจากเก็บเงินก้อนหรือจะพูดให้ถูกคือตั๊กแตนตัวนั้นไว้ในชายแขนเสื้อแล้ว เด็กหนุ่มชุดขาวก็กวาดตามองไปรอบด้าน สีหน้าของอวี๋ลู่และเซี่ยเซี่ยเด็กหนุ่มเด็กสาวสองคนที่มาจากราชวงศ์สกุลหลูเรียบเฉยเป็นปกติ ทว่าพวกเด็กบ้านนอกที่มาจากถ้ำสวรรค์หลีจูอย่างพวกเฉินผิงอันกลับทำสีหน้าแตกตื่นตกตะลึงกันทุกคน
เห็นได้ชัดว่าชุยฉานไม่ต้องการจะอธิบายจึงหันหน้าไปพูดกับอวี๋ลู่ว่า “เจ้ากับแม่นางเซี่ยเซี่ยไปเชิญธูปมาหน่อย อีกเดี๋ยวเมื่อพวกเราเข้าไปในศาลเทพอภิบาลเมืองจะต้องใช้ ทางที่ดีที่สุดซื้อกระบอกใส่ธูปมาด้วย แน่นอนอย่าลืมว่าต้องซื้ออันที่มีรูปแบบสง่างามสักหน่อย หาไม่แล้วข้าจะไม่จ่ายเงินค่ากระบอกธูปให้เจ้า”
เด็กหนุ่มสูงใหญ่พาเด็กสาวผิวดำไปเชิญธูปด้วยกัน
เฉินผิงอันพูดโพล่งเปิดเผยความลับสวรรค์ด้วยประโยคเดียว “ชุยตงซาน เงินก้อนนี้คือเงินที่เจ้าใช้ซื้อของในห่อผ้าก่อนหน้านี้ใช่ไหม? ทำไมมันถึงกลายเป็นตั๊กแตนวิ่งกลับมาแล้วล่ะ?”
เด็กหนุ่มชุดขาวทำหน้าไร้เดียงสา “เห็นๆ กันอยู่ว่าข้าจ่ายเงินไปแล้ว จ่ายเงินก็ได้ของมา แต่ในเมื่อเงินมันมีขาเป็นของตัวเอง อยากจะวิ่งกลับมาหาข้า ข้าเองก็ลำบากใจมากเหมือนกัน”
หลี่ไหวยังนั่งยองอยู่บนพื้น จุ๊ปากพูดด้วยสีหน้าอิจฉา “เป็นของดีจริงๆ หากข้ามีเงินก้อนแบบนี้บ้าง ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ไม่ต้องลำบากแล้ว”
เด็กหนุ่มชุดขาวก้มหน้าถามยิ้มๆ “เจ้าชอบหรือ? อยากได้หรือไม่? เจ้าตัวน้อยนี่เรียกว่าแมลงเงิน ไม่มีประโยชน์อะไร แค่สร้างความบันเทิงเท่านั้น สาเหตุการถือกำเนิดของภูตประหลาดชนิดนี้ไม่เป็นที่ล่วงรู้ รู้เพียงว่าในคลังเงินขนาดใหญ่ของราชวงศ์มากมาย ต่อให้เวลาผ่านไปร้อยปีก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะมีแมลงเงินสักตัวปรากฏขึ้น อีกทั้งต่อให้มีปรากฎขึ้นจริงก็ตัวไม่ใหญ่ เวลาที่จำแลงร่างกลายเป็นเงิน อย่างมากก็ได้แค่เศษเม็ดเงินที่มีขนาดใหญ่หน่อยเท่านั้น ตัวใหญ่เท่าของข้านี้มีให้ได้เห็นน้อยมากๆ ดังนั้นข้าถึงได้ยอมพกติดตัวมาด้วย อีกอย่างมันไม่จมน้ำ โดนไฟก็ไม่ไหม้ ต่อให้ต้องแบกรับน้ำหนักนับหมื่นชั่งก็ยังไม่เกิดความเสียหายแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าเจ้าจะหั่นมันออกเป็นกี่สิบชิ้น ขอแค่วางไว้ด้วยกัน มันก็สามารถกลับคืนมาเป็นสภาพเดิมได้อย่างรวดเร็ว หลี่ไหว หากเจ้าต้องการ ข้ายกให้เจ้าเอาไหมล่ะ?”
หลี่ไหวลุกขึ้นยืน ตอบกลับอย่างจริงจัง “ข้ามีพี่สาวคนเดียว ชื่อว่าหลี่หลิ่ว แต่ตอนนี้นางยังเป็นภรรยาของอาเหลียงชั่วคราว”
เด็กหนุ่มชุดขาวเข้าใจวิธีการพูดของเจ้าลูกหมาคนนี้ดี “ยกให้ฟรีๆ เอาไหม? ข้าไม่คิดอะไรกับพี่สาวเจ้าหรอก”
หลี่ไหวถาม “ถ้าอย่างนั้นวันหน้าเวลาข้าจ่ายเงินหลังพาพวกเฉินผิงอันกินอาหารอร่อยแพงๆ ทุกมื้อ มันจะวิ่งกลับมาหาข้าเองทุกครั้งเลยหรือไม่?”
ชุยฉานยิ้มตาหยี สะบัดชายแขนเสื้อเขย่าเงินก้อนนั้นออกมายื่นส่งให้หลี่ไหว
หลี่ไหวเตรียมจะรับเงินก้อนนั้นมา แต่กลับหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหันหน้าไปมองเฉินผิงอันที่ยืนอยู่ด้านข้าง
เฉินผิงอันจึงกล่าวว่า “กินข้าวต้องจ่ายเงิน ไม่อาจเปลี่ยนวิธีไปชักดาบกินฟรีได้ ชุยตงซานเป็นอย่างไร ข้าไม่สน แต่เจ้าหลี่ไหวคือลูกศิษย์ของอาจารย์ฉี…”
หลี่ไหวรีบหุบมือสองข้างไปวางแนบไว้กับก้น ส่ายหน้าพูดกับเด็กหนุ่มชุดขาวว่า “เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ”
เฉินผิงอันกล่าวต่อว่า “หลี่ไหว ข้ายังพูดไม่จบ แต่แมลงเงินนี้สามารถรับไว้ได้ คนเขาอุตส่าห์หวังดีมอบของดีๆ ให้เจ้า เจ้ารับไว้ก่อนค่อยว่ากัน ส่วนหลังจากนี้จะเอาไปใช้อย่างไรก็ค่อยตั้งกฎเกณฑ์กันใหม่”
หลี่ไหวดวงตาเป็นประกาย รีบแย่งก้อนเงินในมือเด็กหนุ่มชุดขาวมาแล้วเตรียมจะยัดเข้าไปในสาบเสื้อของตัวเอง แต่พอคิดดูแล้วก็รีบหมุนตัวกลับ หันหลังให้ทุกคน เปิดหีบหนังสือใบเล็กแล้วโยนก้อนเงินลงไปข้างใน
เด็กหนุ่มชุยฉานหดมือกลับอย่างขุ่นเคือง กล่าวน้ำเสียงระอาใจ “ทุบตีอินทรีมานานปี ถูกอินทรีแว้งกลับมาจิกตาจริงๆ”
อวี๋ลู่ซื่อกระธูปไม้หวงหยางที่ทำอย่างประณีตมาได้อันหนึ่ง ด้านในบรรจุธูปไว้จนเต็ม มากพอจะให้ทุกคนเข้าไปจุดธูปในศาลได้พร้อมกันหลายครั้ง
นอกจากเซี่ยเซี่ยที่ต้องเฝ้าอยู่ข้างรถม้าแล้ว คนอื่นๆ ล้วนเดินเข้าไปในศาลเทพอภิบาลเมือง หลังจากต่างคนต่างจุดธูปไหว้เสร็จแล้วก็มองไปยังคำกลอนที่ติดอยู่บนเสาเอกของศาลหลัก
ก่อนตายเหลือเพียงตัวคนเดียวเดียวดาย ถามยมบาลว่าลูกหลานสบายดีหรือไม่ สุดท้ายแล้วทิ้งไว้เพียงชื่อเสียงฉาวโฉ่พันปี มาเยือนปรโลกถึงได้รู้ว่าทุกอย่างล้วนล้มเหลว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!