ระหว่างที่ตามหาโรงเตี๊ยมชิวหลู พวกเขาเดินผ่านร้านขายหยกและหินอัญมณีแห่งหนึ่ง เดิมทีเฉินผิงอันแค่อยากจะเข้าไปดูเพื่อเปิดโลกทัศน์ให้ตัวเองสักเล็กน้อยเท่านั้น ผลกลับกลายเป็นว่าถูกใจพวกมันเพียงแค่มองปราดเดียว หยกทั้งสี่วางนอนอยู่ในกล่องไม้ที่เปิดอ้า น่ารักน่ามอง ทำให้คนเกิดความชื่นชอบ
เมื่อเฉินผิงอันได้ยินเจ้าของร้านบอกราคาที่ทำให้คนอ้าปากค้างแล้วก็ไม่คิดจะซื้อมา แต่ชุยฉานแอบส่งสัญญาณบอกเป็นนัยให้เฉินผิงอันซื้อปิ่นหยกกล่องนี้มาให้ได้อยู่หลายครั้ง สุดท้ายถึงกับพูดว่าหากเฉินผิงอันไม่ยอมซื้อ เขาชุยตงซานจะซื้อไว้เอง เฉินผิงอันกัดฟันปรึกษากับเจ้าหมอนั่นเรียบร้อย จึงตกลงกันว่าให้ลงบัญชีไว้ก่อนเหมือนเงินค่าที่พัก
ดังนั้นเฉินผิงอันจึงติดเงินเด็กหนุ่มชุดขาวก้อนแรก หนึ่งร้อยตำลึงเงิน ไม่มาก แต่ก็ไม่ถือว่าน้อยเด็ดขาด
เจ้าของร้านแถมมีดแกะสลักอันเล็กที่ใช้กับหยกโดยเฉพาะให้เฉินผิงอันหนึ่งเล่ม ขณะเดียวกันยังอธิบายให้เด็กหนุ่มฟังถึงความแข็งและอ่อนที่แตกต่างกันของเนื้อหยกสามชนิด เวลาที่ลงมีดควรรู้จังหวะหนักเบา เฉินผิงอันจดจำไว้ในใจเงียบๆ ไม่ให้พลาดไปแม้แต่คำเดียว
ตอนที่อยู่บนเรือข้ามแม่น้ำซิ่วฮวา ปิ่นหยกสีเขียวมรกตที่อาจารย์ฉีเคยมอบให้หายไปเหมือนมีปีกบินหนีเอง ตอนนั้นเฉินผิงอันก็บอกกับหลี่เป่าผิงแล้วว่า วันหน้าหากมีโอกาสตนจะซื้อปิ่นอันหนึ่งแล้วแกะสลักอักษรแปดคำนั้นลงไป
ตอนนี้เพียงแค่เปลี่ยนจากหยกหนึ่งอันเป็นสี่อันเท่านั้น
หลังจากวางหีบหนังสือใบเล็กลงตรงมุมกำแพงแล้ว หลี่ไหวก็ขึ้นไปนอนหงายผึ่งบนเตียง กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้มว่า “ช่างเป็นสถานที่ของเทพเซียนจริงๆ ท่านพ่อท่านแม่และพี่สาวไม่มีวาสนานี้”
เด็กชายนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงรีบลุกขึ้น เดินไปนั่งยองอยู่มุมกำแพง เปิดหีบหนังสือออกแล้วยื่นมือลงไปคลำพักหนึ่งก็เอาหุ่นไม้สีสันและหุ่นปั้นดินเผารูปคนออกมาวางไว้ข้างฝ่าเท้าทั้งหมด หลี่ไหวยื่นหน้ามองเข้าไปในหีบหนังสือที่ว่างเปล่า จากนั้นก็หันขวับไปมองแผ่นหลังของเฉินผิงอัน กล่าวด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า “ชุยตงซานไม่ใช่คนดีจริงๆ เงินก้อนนั้นหายไปแล้ว! เฉินผิงอัน จะทำยังไงดีล่ะ ข้าไปขอคืนมาได้ไหม?”
เฉินผิงอันวางกล่องไม้และมีดแกะสลักลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เริ่มเหม่อลอย สีหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเหมือนเจอกับศัตรูตัวฉกาจ
พอได้ยินเสียงบ่นของหลี่ไหว เฉินผิงอันก็หันหน้าไปพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้แมลงเงินเป็นของเจ้าแล้ว หากอยู่กับเขาจริงๆ เจ้าต้องไปเอาคืนมาได้อยู่แล้ว”
หลี่ไหลจึงรีบวิ่งออกไปจากห้อง “ข้าจะไปคิดบัญชีกับชุยตงซาน”
เฉินผิงอันเอ่ยเตือน “จำไว้ว่าต้องพูดกับเขาดีๆ”
เฉินผิงอันเดินไปปิดประตู กลับมานั่งข้างโต๊ะอีกครั้ง สองนิ้วหยิบมีดแกะสลักหยกเล่มเล็กที่ใบมีดแคบขึ้นมาชั่งน้ำหนักของมันอยู่เงียบๆ
ปิ่นหยกของเขาควรจะสลักคำว่าอะไรลงไป ง่ายมาก นั่นก็คือตัวอักษรเล็กๆ แปดตัวที่สลักบนปิ่นหยกชิ้นที่หายไป หวนคำนึงถึงวิญญูชน ผู้อ่อนโยนนุ่มนวลดุจหยก
แต่ปิ่นหยกที่เหลืออีกสามชิ้น เขาคิดว่าจะมอบให้พวกหลี่เป่าผิงสามคนถือเป็นของขวัญจากลาหลังไปถึงสำนักศึกษาต้าสุยในอนาคต
เป่าผิง (แจกันสมบัติ) โส่วอี (สมาธิมุ่งมั่น) ไหวอิน (ร่มเงาต้นไหว)
สุดท้ายเฉินผิงอันที่เกาหัวแรงๆ ก็คิดได้แค่สามคำนี้ แม้ว่าจะไม่สง่างามแม้แต่นิดเดียว แต่ก็รับประกันได้ว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาด
หลินโส่วอีพลันผลักประตูให้เปิดอ้า ตัวเขายืนอยู่นอกประตู สีหน้าเดือดดาล “เฉินผิงอัน เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไง? จ่ายเงินตั้งสองพันตำลึงเงินเพียงแค่เพื่อค้างคืนที่นี่คืนเดียวเนี่ยนะ?!”
เฉินผิงอันหันหน้าไปเด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยด้วยความงงงัน
ข้างกายหลินโส่วอีมีเด็กหนุ่มชุดขาวที่ยืนเอาสองมือสอดประสานอยู่ในชายแขนเสื้อ ใบหน้าฉีกยิ้มกวนอารมณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!