สตรีร่างสูงใหญ่บิดใบบัวขาวหิมะที่ไม่รู้ว่าไปเด็ดมาจากไหน ปราณสังหารแผ่ท่วมท้น แม้รอยยิ้มจะยังคงอยู่บนใบหน้าของนาง แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เต็มไปด้วยความเย็นชาอึมครึม “สู้ไม่ได้ก็ด่าแทน? เจ้าอยากโดนซ้อมหรือไง?!”
ค่ายกลกระบี่ทรงกลมที่เดิมทีกระจายอยู่ห่างไปสิบลี้พลันหดรวบเข้ามา กลายเป็นว่ากักกันอยู่แค่พื้นที่เล็กๆ ตรงหน้าผาติดริมแม่น้ำแห่งนี้ ขณะเดียวกันปราณกระบี่ก็ยิ่งเฉียบคมน่าตะลึง กำแพงค่ายกลกระบี่ที่เกิดจากการรวมตัวกันของปราณกระบี่ถึงกับบีบให้มหามรรคาไร้รูปลักษณ์ซึ่งเคลื่อนโคจรอยู่ในฟ้าดินเผยกาย แสงสีขาวและดำพุ่งชนปะทะกันอย่างรุนแรง สะเก็ดไฟกระจายไปสี่ทิศ สุดท้ายไปรวมตัวกันในความว่างเปล่าที่ขุ่นมัว
ซิ่วไฉเฒ่าย่นคอ ความคิดดีๆ ผุดวาบพลันเกิดความมั่นใจ ถามเสียงดัง “จะต่อสู้กันก็ได้ แต่พวกเรามาเปลี่ยนวิธีสู้ได้ไหม? เจ้าวางใจเถอะ คำร้องขอนี้ของข้าสามารถช่วยเฉินผิงอันได้ด้วย รับรองว่าสมเหตุสมผล สมกับความต้องการของเจ้า!”
สตรีร่างสูงใหญ่เงียบงันไม่พูดจา แล้วก็เห็นว่าผู้เฒ่ากำลังขยิบตาให้ตนแรงๆ
นางลังเลอยู่ชั่วครู่กว่าจะพยักหน้ารับ “ได้สิ”
……
เหนือปากบ่อในโรงเตี๊ยม สองนิ้วของเด็กหนุ่มประกบกันเป็นกระบี่ ชี้ไปยังก้นบ่อ
แสงรุ้งที่เกิดจากปราณกระบี่เส้นแรกซึ่งอยู่ในบ่อโบราณเริ่มหดหายไปเกินครึ่ง ไม่ส่องแสงจ้าพร่าตาจนคนไม่อาจเพ่งมองตรงๆ ได้อีก อาศัยแสงสว่างที่เหลืออยู่ เฉินผิงอันยังพอจะมองเห็นว่าหลังจากหลุดออกจากช่องโพรงลมปราณ ปราณกระบี่ถูกมองว่า “เล็กอย่างถึงที่สุด” เส้นนี้ได้ก่อตัวขึ้นเป็นของจริง เหมือนพายุฝนที่หล่นกระแทกลงบน “พื้นดิน” อย่างดุเดือดบ้าคลั่ง ส่วนพื้นดินที่ถูกพายุฝนพัดกระหน่ำโจมตีนี้ก็เป็นเหมือนกระจกกลมเกลี้ยงบานหนึ่ง
แน่นอนว่าเฉินผิงอันไม่มีทางรู้ว่า สิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นเหมือนกระจกนั้น แท้จริงแล้วเรียกว่ากระจกตราประทับกรมสายฟ้า ที่มีมาไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!
ในยุคบรรพกาล หลังจากที่จักพรรดิสวรรค์องค์หนึ่งที่ควบคุมคาถาสายฟ้าสิ้นชีพ องค์เทพทั้งหลายในกรมสายฟ้าต่างก็ถือโอกาสลุกผงาด แบ่งสรรอำนาจสายฟ้าที่เป็นบรรพบุรุษของหมื่นคาถา ต่างคนต่างครอบครองอำนาจสายฟ้าส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นมาก็ยิ่งตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ นอกจากเทพกรมสายฟ้าที่รับผิดชอบป่าวประกาศเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว องค์เทพมากมายที่เหลือต่างก็กลายมามีสภาพเป็นดั่งเทพภูเขาและแม่น้ำ หากไม่ถูกอริยะของสามลัทธิออกคำสั่งพันธนาการ ไม่อาจข้ามออกจาก “บ่อสายฟ้า” ไม่ก็มักจะถูกกองกำลังสำนักการทหารอย่างพวกศาลลมหิมะ เขาเจินอู่ หรือไม่ก็สำนักลัทธิเต๋าใช้ยันต์สายฟ้า คาถาอัญเชิญเทพมาเรียกใช้ตามใจปรารถนา
ส่วนกระจกตราประทับกรมสายฟ้าบานนี้ เจ้าของก็คือหนึ่งในอดีตเทพกรมสายฟ้า แม้ว่าจะประสบกับหายนะ ทำให้ตั้งแต่ผิวกระจกลามไปถึงด้านในตัวกระจกย่อยยับไม่เหลือดีนานแล้ว สายฟ้าด้านในก็สลายหายไปเกือบสิ้น แต่กระนั้นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่นักพรตห้าขอบเขตกลางจะสามารถทำลายลงได้
ร่างของเด็กหนุ่มชุดขาวที่อยู่ในบ่อโบราณถูกกดทับลงไปด้านล่างอีกหนึ่งจั้งกว่า ยังคงใช้สองมือและไหล่ทานรับเบื้องล่างของกระจกเอาไว้อย่างมั่นคง ถูกปราณกระบี่จู่โจมเข้ามา ผิวหน้ากระจกสั่นสะเทือนไม่หยุด ปริแตกร้าวลามไปต่อเน่อง แต่ไม่นานพลังสายฟ้าที่หลงเหลืออยู่ในกระจกก็ช่วยซ่อมแซมตัวมันให้กับคืนมาเป็นสภาพเดิมโดยอัตโนมัติอีกครั้ง
หากปราณกระบี่รุกโจมตีดั่งกองทัพม้าเหล็กที่เจาะทะลวงค่ายกล พื้นผิวของกระจกก็ต้องต้านทานขุนพลเดินเท้าเอาไว้อย่างแน่นหนา
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ลดทอนกำลังกันเอง อยู่แค่ว่าพลังอำนาจของใครจะแห้งเหือดก่อนกันก็เท่านั้น
เด็กหนุ่มชุยฉานกัดฟันแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดสดหลั่งรินจนใบหน้าที่หล่อเหลามองดูพร่าเลือน เวลานี้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงให้พูดอาฆาตอีกแล้ว ได้แต่พร่ำท่องในใจว่า “หากผ่านมรสุมปราณกระบี่ครั้งนี้ไปได้ ขึ้นไปแล้วข้าจะต้องให้เขาชดเชยคืนเป็นร้อยเท่า! ต้องทำได้แน่ พลังอำนาจของปราณฝนกระบี่นี้เริ่มถดถอยลงแล้ว ขอแค่ข้ายืนหยัดได้อีกสักครู่หนึ่ง เฉินผิงอันเจ้ารอก่อนเถอะ!”
แม้ว่าความมั่นใจของเด็กหนุ่มที่อยู่ก้นบ่อจะไม่ได้ลดน้อยลง แต่สภาพที่เลือดอาบไปทั่วทั้งตัวแบบนี้ก็ดูจะอเนจอนาถไปสักหน่อย
ต่อให้เป็นช่วงเวลารันทดหลังจากทรยศต่ออาจารย์และสำนัก ตลอดทางที่ท่องพเนจร ออกจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง มุ่งหน้าไปยังทวีปใหญ่ที่อยู่ทางทิศใต้ สุดท้ายเลือกลงหลักปักฐานอยู่ในบุรพแจกันสมบัติทวีปที่มีอาณาเขตเล็กที่สุด ชุยฉานลูกศิษย์คนแรกของเหวินเซิ่งในอดีตได้ออกเดินทางไกลไม่รู้กี่ล้านลี้แล้ว ตลอดทางมีหรือจะไม่อิสระเสรี ภูตผีปีศาจ สัตว์ประหลาดดุร้ายน่าเกลียดน่ากลัว เคยมีใครทำให้เขากระเซอะกระเซิงอย่างนี้ได้บ้าง?
ต้องรู้ว่านักพเนจรชุยฉานก่อนที่จะกลายมาเป็นราชครูต้าหลี เคยมีคำพูดติดปากว่ามีความสามารถน้อยยากจะเชิดหน้าชูตา อาศัยแค่การสังหารมารกำจัดปีศาจเป็นงานอดิเรกก็ชอบเอ่ยว่า “เพียงแค่ดีดนิ้วก็แหลกสลายเป็นฝุ่นผง แม้แต่มดก็ยังเทียบไม่ติด”
ร่างของเด็กหนุ่มชุยฉานที่แบกกระจลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง แต่รัศมีในการสั่นสะเทือนเริ่มลดน้อยลง
กระจกยังสามารถต้านทานได้ต่อ แต่รอบนอกของกระจกยังคงมีปราณกระบี่ไหลพรูลงมาไม่หยุด เมื่อถูกปราณกระบี่รุกรานเข้ามาไม่หยุดพัก ร่างของเด็กหนุ่มจึงส่ายโอนเอนจะล้มมิล้มแหล่
ทันใดนั้นเมื่อจิตของเขาขยับ ในชายแขนเสื้อก็มียันต์คุ้มกันชีวิตที่เป็นดั่งสมบัติก้นกรุแผ่นหนึ่งกลิ้งออกมา เก็บรักษาไว้มานานหลายปี ตอนนี้พอนำออกมาใช้ก็ให้เสียดายจนสีหน้าของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย
ยันต์สีทองแนบติดลงบนชายแขนเสื้อสีขาวของเขาก่อน จากนั้นก็หลอมละลายในทันที เพียงไม่นานพื้นผิวภายนอกของชุดสีขาวชุยฉานก็มีอักขระยันต์สีทองไหลริน หากฟังอย่างละเอียดจะได้ยินเสียงสวดมนต์ภาษาบาลีของศาสนาพุทธดังแว่วๆ อาภรณ์สีขาวเหมือนมีลายน้ำกระเพื่อมเป็นริ้วคลื่น ขับดันให้เด็กหนุ่มชุยฉานเคร่งขรึมดุจพระพุทธรูป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!