ชุยหมิงแห่งสำนักศึกษากวานหูที่ตบะต่ำสุดรู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าใคร อยู่ที่อื่น จะอย่างไรเขาวิญญูชนชุยฉานก็ต้องเป็นเทพเซียนอันดับหนึ่ง เป็นแขกผู้ทรงเกียรติ ถ้อยคำประจบยกยอก็ได้ฟังจนหูแฉะ น่าเสียดายที่มาอยู่ที่นี่ในค่ำคืนนี้ ชุยฉานกลับกลายมาเป็นมดตัวหนึ่งที่ไม่สะดุดตามากที่สุด หรืออาจถึงขั้นเทียบไม่ได้กับมดสักตัวเลยด้วยซ้ำ
ความรู้สึกย่ำแย่เช่นนี้ทำให้ชุยหมิงหวงผู้อยู่สูงส่งเหนือใครมาจนชินอัดอั้นตันใจยิ่งนัก จำต้องท่องคาถาของลัทธิขงจื้อเพื่อสยบความคิดวุ่นวายอยู่ในใจ
เขาเหลือบมองผู้เฒ่าที่โดยสารเรือกลับจากทางช้างเผือกมายังโลกมนุษย์ สถานะจอมปลอมที่เอาไว้บอกกับคนนอกของผู้เฒ่าในเวลานี้คืออดีตซือหลางของแคว้นหวงถิง แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากลับเป็นเจียวเฒ่าตัวหนึ่งที่อายุมากจนน่าตกใจ
ผู้เฒ่าในเวลานี้สุขุมเยือกเย็นกว่าชุยหมิงหวงอยู่มาก มือหนึ่งของเขาลูบเครา มองกรงขังปราณกระบี่ด้วยความสนใจพลางจุ๊ปากชื่นชมอยู่กับตัวเอง
การเดินทางในครั้งนี้ของชุยหมิงหวงเพราะได้รับคำสั่งจากราชครูให้มุ่งหน้าลงใต้เงียบๆ เพื่อมาปรึกษาเรื่องลับกับเจียวเฒ่าที่จำศีลอยู่ที่นี่ ราชครูต้าหลีต้องการให้ผู้เฒ่าที่จำแลงร่างกลายมาเป็นอดีตซือหลางกรมพิธีการของแคว้นหวงถิผู้นี้ออกไปรับตำแหน่งเจ้าขุนเขาคนแรกของสำนักศึกษาแห่งใหม่ที่สร้างขึ้นบนเขาพีอวิ๋น ส่วนเขาชุยหมิงหวงจะยังคงเป็นรองเจ้าขุนเขาตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ บวกกับเจ้าสำนักของวงการวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงมากพออีกคนหนึ่งของต้าหลี คนทั้งสามร่วมกันควบคุมดูแลสำนักศึกษาแห่งใหม่ที่เข้ามาแทนที่ตำแหน่งว่างของสำนักศึกษาซานหยา เชื่อว่าด้วยความทะเยอทะยานและจิตมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งของฮ่องเต้ต้าหลี สำนักศึกษาแห่งใหม่บนเขาพีอวิ๋นที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อจะต้องมีขนาดใหญ่ยิ่งกว่า และมีกลิ่นอายของการศึกษาเข้มข้นยิ่งกว่าสำนักซานหยาของฉีจิ้งชุนแน่นอน
ส่วนตำแหน่งเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาแห่งใหม่ที่รับปากกับสำนักศึกษากวานหูเอาไว้ ว่ากันว่าฮ่องเต้ต้าหลีจะทำการชดเชยให้เป็นการส่วนตัว
ก่อนหน้าที่ชุยหมิงหวงจะได้รับจดหมายลับจากราชครูชุยฉาน เขาไม่รู้เลยว่าในบ่อน้ำเล็กๆ ของแคว้นหวงถิงเล็กๆ แห่งนี้จะถึงขั้นซุกซ่อนเจียวตัวใหญ่ขนาดนี้เอาไว้ ด้วยเรือนกายที่แข็งแกร่งทนทานและเวทอภินิหารเกี่ยวกับน้ำที่ได้รับมาตั้งแต่เกิดของพวกเจียวและมังกร ต่อให้มีตบะเท่าขอบเขตที่สิบ พลังการต่อสู้ก็ไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับผู้ฝึกลมปราณขอบเขตที่สิบเอ็ดแน่นอน
ในจดหมายลับของราชครูต้าหลีเปิดเผยให้รู้ว่า นับตั้งแต่ศึกสังหารมังกรสะท้านฟ้าสะเทือนดินครั้งนั้นสิ้นสุดลง ท่ามกลางเทือกเขาและแม่น้ำของแคว้นสู่โบราณที่ถูกขนานนามว่ามีเจียวและมังกรอยู่มากมายนั้น เลือดไหลนองนับหมื่นลี้ ทุกหนทุกแห่งล้วนมีแต่เศษซากเจียวและมังกร ชวนสังเวชจนไม่อาจทนมองได้
จากนั้นท่ามกลางสายธารเวลาอันยาวนาน เจียวเฒ่าอายุมากตัวนี้หลบซ่อนตัวเป็นอย่างดี คอยเปลี่ยนแปลงรูปโฉมอยู่ตลอดเวลา เคยเป็นทั้งอัครเสนาบดี พ่อค้าแผงลอย พลทหาร แม่ทัพ จอมยุทธ์ผู้ผดุงคุณธรรม เรียกได้ว่ามีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ผกผันแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
เจียวเฒ่าไม่สนใจในการสืบพันธ์จึงมีลูกหลานน้อยมาก ทั่วทั้งภูเขาและแม่น้ำบริเวณโดยรอบแคว้นหวงถิง มีแค่หนึ่งบุตรสาวสองบุตรชายเท่านั้น หนึ่งในนั้นมีบุตรชายคนเล็กซึ่งก็คือเทพวารีแม่น้ำหันสือของจวนมหาวารี ส่วนบุตรสาวคนโตก็คือบุรพาจารย์บุกเบิกขุนเขาของทำเนียบตะวันม่วงที่หลิวฮุ่ยเจียโรงเตี๊ยมชิวหลูเป็นลูกศิษย์ เพียงแต่ว่านางไม่เคยเปิดเผยตัวตนกับคนนอก ต่อให้เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดรุ่นแรกของทำเนียบตะวันม่วงก็ยังรู้เรื่องของนางแค่เล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้เมื่อบรรพบุรุษของทำเนียบตะวันม่วงจากโลกนี้ไป ความจริงก็สูญสลายตามไปด้วย ส่วนบุตรชายคนโตของเจียวเฒ่านั้นมีจิตใจดีงาม ผิดแผกไปจากเจียวทั่วไป อีกทั้งยังชอบท่องเที่ยวไปทั่วสารทิศตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ไม่มีใครทราบข่าวคราว ยังอยู่ในแจกันสมบัติทวีปหรือไม่ก็ยังบอกได้ยาก
ซิ่วไฉเฒ่ายากจนที่สะพายสัมภาระไว้ด้านหลังเพิ่งจะใช้เวทคาถาย่อส่วนพื้นที่ของลัทธิเต๋าจากชายหาดมหาสมุทรมายังยอดเขาแห่งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนขัดขวาง ประเด็นสำคัญคือปัญหาไม่ใช่เล็กๆ นี่จึงทำให้ซิ่วไฉเฒ่ายิ่งขมวดคิ้วมุ่น เพราะกำแพงปราณกระบี่ที่พุ่งทะยานสู่ชั้นฟ้าสกัดกั้นลมปราณฟ้าดินเอาไว้ ต่อให้เป็นผู้เฒ่าเองก็ยังไม่อาจรับสัมผัสกับเหตุการณ์ภายนอกได้ชั่วคราว
ซิ่วไฉเฒ่านวดคลึงปลายคาง “คุณพระช่วย เดี๋ยวนี้สตรีด้านนอกร้ายกาจขนาดนี้แล้วหรือ?”
ผู้เฒ่าถอนหายใจ ชูมือขึ้น ปลายนิ้วเคาะลงบนความว่างเปล่าหนึ่งครั้ง เอ่ยเบาๆ “นิ่ง”
ฟ้าดินพลันเงียบสงัดในเสี้ยววินาที ไม่มีเสียงน้ำไหลเชี่ยวกราก แล้วก็ไม่มีเสียงแตกปะทุเบาๆ ยามลมโชยปะทะกำแพงกระบี่
กาลเวลาของเทือกเขาและแม่น้ำในรัศมีสิบลี้ไม่ไหลหายอีกต่อไป
ปรากฎการณ์จากอริยะขงจื๊อยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ชุยหมิงหวงเปลี่ยนจากตกตะลึงมาเป็นยินดีอย่างบ้าคลั่ง เริ่มท่องบทคำสอนของอริยะอยู่ในใจเสียงดังกังวาน เพื่อใช้สิ่งนี้มาเพิ่มกลิ่นอายของความยิ่งใหญ่เที่ยงธรรมให้แก่ตน
สำหรับวิญญูชนลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งที่มีปณิธานอยากกลายเป็นอริยะแล้ว นี่คือโอกาสที่พันปียากจะพานพบสักครั้ง
บัดนี้แม้แต่เจียวเฒ่าที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนก็ยังตกตะลึง ถอยกรูดไปด้านหลังหลายก้าว ทิ้งระยะห่างจากซิ่วไฉเฒ่าที่หน้าตาไม่โดดเด่นผู้นั้นตามจิตใต้สำนึก ต่อให้ระยะห่างเพียงเท่านี้จะไม่ช่วยอะไรเลยก็ตาม แต่เจียวเฒ่าก็ยังทำเพื่อแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน
ในยุคบรรพกาล ก่อนศึกสังหารมังกร ตอนที่เจียวผู้เฒ่ายังเป็นเด็กเคยได้ยินผู้อาวุโสในเผ่าเล่าให้ฟังว่า อริยะลัทธิขงจื๊อท่านหนึ่งที่ตำแหน่งเทพในศาลเจ้าบุ๋นเป็นรองแค่ปรมาจารย์มหาปราชญ์เคยตั้งกฎที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรข้อหนึ่งกับราชามังกรสี่ทิศว่า เมื่อเจียวและมังกรอยู่บนบก เมื่อเจอปราชญ์ต้องหลบเลี่ยง เจออริยะต้องซ่อนตัว
เคยมีมังกรใหญ่แห่งทะเลสาบที่เป็นรองแค่ราชามังกรสี่ทิศ อาศัยว่าตนพักอยู่ในทะเลสาบใหญ่ไปก่อความวุ่นวายต่อหน้าอริยะที่ท่องเที่ยวอยู่บนชายฝั่ง จงใจทำให้ยอดคลื่นสูงกว่าท้องฟ้าของกำแพงเมืองบนชายฝั่ง สร้างความตกตะลึงให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบ เพื่อท้าทายอริยะ ความหมายของการกระทำนี้ก็คือ ข้าไม่เคยขึ้นฝั่ง ไม่เคยทำผิดกฎ ต่อให้เจ้าเป็นอริยะลัทธิขงจื๊อแล้วจะทำอะไรข้าได้?
ตอนนั้นเจียวเฒ่าที่ยังเด็กเพิ่งจะรู้สึกว่าการกระทำนี้ช่างสาแก่ใจยิ่งนัก ผลกลับได้ยินผู้อาวุโสเล่าโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นภายหลังอย่างสะเทือนใจว่า อริยะลัทธิขงจื๊อท่านนั้นชี้นิ้วออกไปข้างหนึ่ง กล่าวด้วยถ้อยคำซึ่งคล้ายคลึงกับที่ซิ่วไฉเฒ่าเอ่ยในคืนนี้ ใช้เวทอภินิหารยิ่งใหญ่ที่แค่ปลายนิ้วก็สยบมรสุมให้หยุดนิ่ง กักร่างของเจินหลงตัวนั้นให้ชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ทำให้น้ำในทะเลสาบถอยกลับไปหลายสิบลี้ ดังนั้นจึงเท่ากับว่าเจินหลงขึ้นฝั่งโดยพลการ อีกทั้งพอเจออริยะยังไม่ยอมซ่อนตัว ดังนั้นอริยะจึงถลกหนังดึงเส้นเอ็นของมันออกมาแล้วสยบมันไว้ใต้ก้อนหินใต้ทะเลสาบที่ใหญ่โตดุจขุนเขา ลงโทษให้มันจำศีลอยู่ด้านใต้ไม่อาจออกมาพบเจอโลกภายนอกได้อีกพันปี
ครั้งนั้นผู้อาวุโสเอ่ยกำชับเด็กรุ่นเยาว์ด้วยความปรารถนาดีว่า นิสัยของอริยะลัทธิขงจื๊อเหล่านั้น โดยเฉพาะพวกที่มีเทวรูปตั้งอยู่บนแท่นบูชาในศาลเจ้าบุ๋นล้วนไม่ค่อยดีนัก หาไม่แล้วจะมีคำเรียกขานที่ฟังไปในทางลบอย่าง “แสร้งวางท่าภูมิฐาน” ได้อย่างไร?
ตอนนั้นเจียวเฒ่าถามด้วยความคลางแคลงใจว่า การกระทำนี้ของอริยะลัทธิขงจื๊อเท่ากับไม่รักษากฎไม่ใช่หรือ?
ผู้อาวุโสกลับตอบอย่างหงุดหงิดว่า เจ้าโง่ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าใครเป็นคนตั้งกฎเกณฑ์?
ไม่รู้ว่าเจียวเฒ่าที่อยู่บนยอดเขานึกถึงเรื่องอะไรในอดีตขึ้นมาได้ สีหน้าเขาถึงค่อนข้างจะเศร้าหมอง พูดพึมพำว่า “สิ่งมีชีวิตอย่างมังกรและเจียว ผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์ ประทานเมฆโปรยฝน สูงศักดิ์เกินจะเปรียบ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ครองแคว้นอิสระที่รับบัญชาเฉพาะการศึกไม่รับการแต่งตั้งหรือตบรางวัล สุดท้ายแทบจะสูญพันธ์ ต้องกลายมามีสภาพอย่างทุกวันนี้ จะโทษเหล่าอริยะก็ไม่ได้ ล้วนเป็นเพราะใจทะเยอทะยาน เป็นเพราะหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งสิ้น”
ซิ่วไฉเฒ่าร้องเอ๊ะหนึ่งที หันหน้ามามองเจียวเฒ่าที่อยู่ในสภาพของปัญญาชนวัยเจ็ดสิบปีแล้วยิ้มบางๆ พยักหน้าให้ “รู้แก้ไขเมื่อทำผิด ประเสริฐยิ่งแล้ว มิน่าเล่าครั้งก่อนที่ผ่านมายังที่แห่งนี้ ได้เห็นทัศนียภาพอันงดงาม แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ที่แท้สาเหตุก็เพราะเจ้านี่เอง อืม ยังมีวิญญูชนอีกคน วิญญูชนเชียวนะ ปีนั้นเสี่ยวฉี…เอาเถอะ ได้พบเจอถือเป็นวาสนา…น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจพวกเจ้า ไป”
ซิ่วไฉเฒ่าพึมพำกับตัวเองแล้วก็ปาดนิ้วไปทางด้านนอกเบาๆ หนึ่งครั้ง
เจียวเฒ่าและชุยหมิงหวงจึงถูกบังคับให้ย้ายออกไปจากยอดเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!