กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 146

กระบี่จงมา – ตอนที่ 146 ที่พึ่งและผู้ช่วย
บทที่ 146 ที่พึ่งและผู้ช่วย
โดย
ProjectZyphon
น้ำตกสายหนึ่งร่วงกระแทกลงบนศีรษะ

เนื่องด้วยอายุที่อยู่ในวัยเลือดลมพลุ่งพล่านของเนื้อหนังมังสาร่างนี้ นอกเหนือจากความตกตะลึงแล้ว เหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจส่วนหนึ่งของชุยฉานไม่มากก็น้อย บวกกับเพราะอยู่ในบ่อโบราณ ความเร็วในการร่วงดิ่งลงสู่ก้นบ่อจึงถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่อาจเร็วไปมากกว่าปราณกระบี่ ชุยฉานไม่เหลือทางให้ถอยนานแล้ว จึงไม่คิดจะถอยหนี มือข้างหนึ่งของเขาทำมุทราอยู่เบื้องหน้า ฝ่ามืออีกข้างหนึ่งชูขึ้นไปทางปากบ่อแล้วร่ายยันต์คุ้มกันชีวิตชิ้นหนึ่งที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นสมบัติก้นกรุออกมา

เห็นเพียงว่าฝ่ามือที่ขาวสะอาดดุจหยกของเด็กหนุ่มมีกระจกบานหนึ่งปรากฏขึ้น หน้ากระจกเล็กกว่าปากบ่อแค่หนึ่งรอบเล็กๆ เท่านั้น เหนือผิวกระจกแผ่แสงเหลืองขมุกขมัวบางๆ ชั้นหนึ่ง

มีปราณกระบี่สีขาวบางส่วนไหลผ่านริมขอบกระจกลงมาเบื้องล่าง น้ำในบ่อจึงระเหยเหือดหายไปเกลี้ยงในเสี้ยววินาที

กระจกทั้งบานต้านรับปราณกระบี่ส่วนใหญ่เอาไว้ เพียงพุ่งปะทะ ผิวกระจกก็ปลดปล่อยแสงสายฟ้าจ้าแสบตา

เสียงเพล้งดังหนึ่งครั้ง

ร่างของเด็กหนุ่มชุดขาวดิ่งฮวบลงไปด้านล่าง ขณะที่ร่วงลงไปได้ครึ่งจั้งกว่า แขนทั้งแขนก็สั่นสะท้านไม่หยุด จากนั้นจึงถูกปราณกระบี่กดทับจนร่างค่อยๆ งอลง สุดท้ายฝ่ามือก็ค่อยๆ ลดระดับลงจนเท่ากับศีรษะ

ศีรษะของเด็กหนุ่มชุยฉานเริ่มเอียง ต้องเปลี่ยนมาใช้ไหล่แบกกระจกโบราณแทน ขณะเดียวกันมือทั้งสองข้างก็พยายามยันด้านล่างของกระจก ศีรษะเอียงได้ แต่หากกระจกเอียงแล้วปราณกระบี่ราดรดบนร่างเมื่อไหร่ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่แค่เรือนกายไร้ตำหนิที่มีมูลค่าควรเมืองเรือนกายนี้เท่านั้นที่ต้องเผาไหม้ แต่ยังเป็นร่าง “เด็กหนุ่มชุยฉาน” ของตนที่ร่างดับสูญมรรคาสิ้นสลายไปด้วย และบนโลกนี้จะเหลือแค่ชุยฉานราชครูต้าหลีเพียงคนเดียวเท่านั้น

เรือนกายที่เกิดมาก็มีโครงร่างของ “กิ่งทองใบหยก” ชั้นยอด บัดนี้ข้อต่อกระดูกทุกชิ้นล้วนส่งเสียงอื้ออึงเหมือนถั่วเหลืองระเบิดแตก

สีหน้าของเด็กหนุ่มชุยฉานดุดัน ไหล่ถูกด้านล่างของกระจกเสียดสีจนห้อเลือด สีหน้าซีดขาวไร้สีเลือด เรือนกายที่อยู่ก้นบ่อถูกกดลงไปทีละชุ่น ทีละชุ่น แต่เขากลับยังคงกล่าวกลั้วหัวเราะเสียงแหบ “ข้าผู้อาวุโสก็มีวันนี้เหมือนกันหรือ? ซิ่วไฉเฒ่า ฉีจิ้งชุน เจ้าคนสารเลวทั้งสอง พวกเจ้าทำร้ายคนได้ลึกล้ำนัก! คนหนึ่งทำให้ข้าหล่นจากขอบเขตสิบสองสู่ขอบเขตสิบ อีกคนหนึ่งทำให้ข้าหล่นจากขอบเขตสิบสู่ขอบเขตห้า! แน่จริงก็ให้ลูกศิษย์และศิษย์น้องของพวกเจ้าทำให้ข้าชุยฉานกลายเป็นคนธรรมดาไปอย่างสิ้นเชิงเสียเลยสิ! แน่จริงก็มาสิ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าปราณกระบี่ที่เด็กหนุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสองร่ายใช้จะสามารถทำลายกระจกตราผนึกกองอสนีได้จริงๆ!”

หนึ่งกระบี่ที่เซียนกระบี่พสุธาปล่อยออกมา พลังอำนาจสะท้านฟ้า ผุดจากพื้นดิน ส่องสว่างพร่านภา

เนื่องด้วยการปล่อยกระบี่ครั้งนี้ของเฉินผิงอันเป็นการปล่อยลงไปในบ่อน้ำจึงไม่สะดุดตานัก ทว่าทางน้ำที่เชื่อมโยงกับก้นบ่อกับแม่น้ำใหญ่กลับได้รับหายนะครั้งใหญ่แล้ว แม้แต่จวนมหาวารีที่อยู่ห่างไกลออกไปก็ยังถูกลูกหลง โชคชะตาเริ่มสั่นคลอนไปด้วย

เดิมทีบุรุษชุดดำผู้เป็นเทพวารีแม่น้ำหันสือนึกว่าหายนะที่ได้รับในคืนนี้จะนำพาโชคดีมาให้ในภายหลัง เวลานี้จึงกำลังดื่มเหล้าฉลองอยู่กับบัณฑิตสุยปินพ่อเฒ่าลำคลองและคางคกสกัดนทีเทพลำคลอง ผลกลับกลายเป็นว่าจู่ๆ หายนะนี้ก็หล่นมาจากฟากฟ้า จนอักษรทองสามคำบนป้าย “จวนมหาวารี” เริ่มเกิดรอยแตกร้าวลามไปหลายเส้น ทำเอาบุรุษชุดดำรีบทะยานมาอยู่หน้าประตูใหญ่ ยื่นมือไปประคองสองมุมของกรอบป้าย หลีกเลี่ยงไม่ให้กรอบป้ายอักษรทองต้องแตกพัง จนเป็นเหตุให้โชคชะตาแห่งแม่น้ำบนร่างของตนต้องไหลหายไปทั้งอย่างนี้

ก้นบ่อ เด็กหนุ่มหล่อเหลาผู้มีไฝแดงกลางหว่างคิ้วใช้ไหล่ยันกระจก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “เฉินผิงอัน! หากครั้งนี้เจ้าฆ่าข้าไม่สำเร็จ ต่อให้ข้าชุยฉานต้องทุ่มครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ก็จะต้องขึ้นไปปลิดชีพเจ้ากับมือตัวเองให้ได้! ข้าจะดึงวิญญาณของเจ้าออกมาทีละนิด ให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตายนานนับร้อยปี!”

ตอนที่อยู่ในเมืองเล็ก คนแซ่ชุยเคยขโมยกลอนคู่บนกำแพงบ้านของซ่งจี๋ซิน ภายหลังเฉินผิงอันไปที่เรือนด้านหลังของร้านยาตระกูลหยาง เคยพูดถึงคำเรียกขานอย่างซิ่วหู่และอาจารย์อา แต่ผู้เฒ่ากลับไม่ได้พูดอะไร เฉินผิงอันจึงไม่ได้ซักไซ้ แค่คิดไปว่าหยางเหล่าโถวไม่เคยได้ยิน หรือไม่ก็ไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง

เพราะก่อนหน้านี้ตอนอยู่ใต้ซุ้มประตูหิน เด็กหนุ่มผู้มีไฝแดงกลางหว่างคิ้วเคยแนะนำชื่อแซ่ของตัวเอง ตอนนั้นเด็กหนุ่มพูดชื่อที่มีสองพยางค์ ตัวเขาเองยังบอกด้วยว่าตัวอักษรที่สองของชื่อตัวเองค่อนข้างจะเข้าใจยากและไม่ค่อยมีคนใช้ ดังนั้นเฉินผิงอันจึงแน่ใจแค่ตัวอักษรเดียวคือคำว่าชุยเท่านั้น

ภายหลังเฉินผิงอันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ แม่นางหนิงเคยพูดถึงโดยบังเอิญว่า ต้าหลีมีคนผู้หนึ่งที่ใช้ฉายาว่าซิ่วหู่ เล่นหมากล้อมเก่งมาก เป็นบุคคลเดียวที่ทำให้นักเล่นหมากล้อมของต้าสุยมองเป็นศัตรูตัวฉกาจได้

เฉินผิงอันเคยถามพวกหลี่เป่าผิงสามคนว่าเคยได้ยินชื่อ “ซิ่วหู่” หรือไม่ เด็กทั้งสามที่เติบโตขึ้นมาในเมืองเล็กเหมือนกับเขาต่างก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้จัก ภายหลังเฉินผิงอันยังเคยถามคำถามนี้กับเทพหยิน เห็นได้ชัดว่าเทพหยินรู้คำตอบ แต่กลับบอกว่าตนมีกฎให้ต้องรักษา ไม่อาจพูดได้ หากละเมิดข้อสัญญาเหล่านั้นจะต้องโดนทัณฑ์สายฟ้าทำให้จิตวิญญาณของเขาแหลกสลาย เฉินผิงอันย่อมไม่คิดจะสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่นจึงวางคำถามนี้ไว้ก่อนชั่วคราว

เฉินผิงอันสังเกตท่าทีที่เทพหยินมีต่อเด็กหนุ่มแซ่ชุยซึ่งตั้งแต่ต้นจนจบมีเพียงความห่างเหินแต่นิ่งเฉย อย่างน้อยก็ไม่ได้มองเด็กหนุ่มชุดขาวเป็นศัตรู เฉินผิงอันจึงพอจะวางใจได้บ้าง รู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นชุยตงซานก็ดี นักเล่นหมากล้อมซิ่วหู่ก็ช่าง ไม่ว่าเขาจะมีเจตนาอะไรต่อตนเอง สุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงแค่ “การเข่นฆ่าระหว่างคนสองคน” เท่านั้น ต่อให้ตน “เล่นหมากล้อม” แพ้ อย่างมากก็แค่เรียกปราณกระบี่ออกมาสู้ให้พินาศวอดวายกันไปทั้งคู่ หากปราณกระบี่หนึ่งเส้นยังไม่พอก็ใช้อีกเส้น และหากใช้ปราณกระบี่หมดสองเส้นแล้วก็ยังสังหารเด็กหนุ่มชุดขาวไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเฉินผิงอันก็ได้แต่ยอมเชื่อฟังลิขิตสวรรค์

แต่หลังจากที่เฉินผิงอันมองเส้นทางนั้นบนแผนที่ออก ความกระวนกระวายในใจก็ยิ่งทบทวี หวาดกลัวอย่างยิ่งว่าเส้นทางที่เริ่มต้นจากที่ว่าการอำเภอเส้นนี้ แท้จริงแล้วยังมีต้นกำเนิดที่ห่างไกลไปยิ่งกว่านั้น มีแผนการชั่วร้ายที่เฉินผิงอันไม่อาจจินตนาการได้ถึงซุกซ่อนอยู่ ยกตัวอย่างเช่นอาจารย์ฉีที่อยู่ดีๆ ก็จากโลกนี้ไป หลังจากนั้นท่านหม่าของโรงเรียนก็ตายเฉียบพลันระหว่างที่พาพวกหลี่เป่าผิงเดินทางไปยังสำนักศึกษาซานหยา ส่วนเขาเฉินผิงอันกลับกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองเล็ก ได้ครอบครองภูเขาถึงห้าลูกในท้ายที่สุด!

คืนนี้ก่อนที่จะเข้าไปในบ่อน้ำ ตอนอยู่ในห้องของเขา เด็กหนุ่มชุดขาวแซ่ชุยเป็นคนพูดถึงตราประทับ “ใต้หล้ารับวสันต์” (เทียนเซี่ยอิ๋งชุน) กับปากตัวเอง และในมือเฉินผิงอันก็มีตราประทับ “สงบใจสมปรารถนา” (จิ้งซินเต๋ออี้) ที่อาจารย์ฉีมอบให้อยู่ชิ้นหนึ่งพอดี (ตราประทับทั้งสองมีคำว่าจิ้งและชุนเหมือนชื่อของฉีจิ้งชุน)

จะต้องเกี่ยวข้องกับอาจารย์ฉี

จะต้องเกี่ยวข้องกับพวกหลี่เป่าผิงสามคนแน่นอน!

ไม่แน่ว่าอาจเป็นสถานการณ์ที่ต้องมีคนตาย

ตอนที่อยู่ในเมืองเล็ก เฉินผิงอันก็เคยได้สัมผัสกับความโหดเหี้ยมไร้ปราณีของผู้ฝึกตนกับตัวเองมาแล้ว

เฉินผิงอันไม่อาจจินตนาการได้ว่าหากหลี่เป่าผิงที่น่ารัก หลี่ไหวเด็กขี้ขลาดและหลินโส่วอีที่ฉลาดเฉลียวตายอยู่ตรงหน้าตัวเอง โดยที่ตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงให้ช่วยเหลือ ถึงเวลานั้นในใจของตนจะรู้สึกผิดและเจ็บแค้นมากแค่ไหน?

เวลาที่เฉินผิงอันเล่นหมากล้อม เขาวางหมากทั้งช้าทั้งไม่คล่องแคล่ว ไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นคนถือรองเท้าให้หลินโส่วอีเลยด้วยซ้ำ

แม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะไม่สามารถจัดระเบียบต้นสายปลายเหตุได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในเมื่อรู้ถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่อาจปล่อยให้ซิ่วหู่ผู้มีฝีมือในการเล่นหมากล้อมที่ร้ายกาจวางแผนทีละก้าวอีกต่อไป ถึงเวลาที่คนผู้นี้รวบแห เฉินผิงอันกลัวว่าต่อให้เขาจะมีปราณกระบี่สองเส้นก็ยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงจุดจบได้

หากอีกฝ่ายวางแผนคาดหวังกับสิ่งของที่เขาเฉินผิงอันได้ครอบครอง หรือมหามรรคาที่เลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ของหลินโส่วอี เฉินผิงอันไม่มีทางตัดสินใจลงมือชิงความได้เปรียบอย่างรุนแรงเช่นนี้!

เวลานี้หลังจากที่เฉินผิงอันปล่อยปราณกระบี่ออกไปเส้นหนึ่ง ช่องโพรงอันเป็นที่พักพิงของปราณกระบี่เส้นนั้นก็ว่างเปล่า ไม่เหลืออะไรสักอย่าง ดังนั้นลมปราณที่ฟูมฟักออกมาจากเรือนกายจึงฉวยโอกาสลอดตามช่องว่างกรูกันเข้าไปภายในอย่างบ้าคลั่ง พาให้เลือดลมในช่องโพรงใกล้เคียงสั่นสะเทือนรุนแรงตามไปด้วย จนเป็นเหตุให้เฉินผิงอันรู้สึกราวหับใจถูกบีบเค้น เจ็บปวดจนเด็กหนุ่มเซล้มลงไปนั่งบนปากบ่อ ต้องรีบหอบหายใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!