กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 151

บทที่ 151 เด็กหนุ่มมีกระบี่ฟันภูเขา
โดย
ProjectZyphon
ซิ่วไฉเฒ่ายืนอยู่บนหินยักษ์ก้อนหนึ่งเหนือยอดเขา ลมภูเขาพัดโชยให้ชายแขนเสื้อสองข้างของเขาปลิวสะบัดดังฟึ่บฟั่บ

ผู้เฒ่าผมขาวที่ยืนรับลมอยู่บนยอดเขาสูงเวลานี้ ไหนเลยจะยังเหลือกลิ่นอายของความยากจนข้นแค้นอยู่อีก?

ซิ่วไฉเฒ่ามองเห็นว่าจุดที่ห่างไปไกลแปดร้อยลี้พลันมีแสงสว่างเล็กๆ จุดหนึ่งเปล่งวาบขึ้นมา ต่อให้อยู่ไกลขนาดนี้ จุดแสงนั้นก็ยังคงทำให้ผู้เฒ่ารู้สึกแสบตาเล็กน้อย ผู้เฒ่าจึงพยักหน้าเบาๆ “เวลาผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้ แม้ว่าคมกระบี่จะทื่อกว่าในคำเล่าลืออยู่มาก แต่กำลังฮึกเหิมห้าวหาญที่ซุกซ่อนอยู่ด้านในกลับไม่ลดทอนลงไปมากนัก ร้ายกาจ ร้ายกาจจริงๆ เวลายาวนานนับหมื่นปี สรรพสิ่งแปรผัน มหาสมุทรเปลี่ยนเป็นผืนนา ยังสามารถรักษาจิงชี่เสินไว้ได้ในปริมาณเท่านี้ แต่ว่า…”

เพียงไม่นานซิ่วไฉเฒ่าก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “ข้าจะอาศัยภูเขาลูกนี้ ทำให้พวกเจ้าที่รู้ถึงความยากลำบากถอยร่นกลับไป จะอย่างไรซะเรื่องการต่อยตีกันนี้เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง มันทำลายความปรองดองนี่นะ”

ชื่อเสียงของภูเขาในนิมิตบนผืนภาพใต้ฝ่าเท้าของผู้เฒ่าลูกนี้โด่งดังจนไม่อาจจะโด่งดังไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว

ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางที่มีพื้นที่กว้างขวางที่สุดของเก้าทวีปใหญ่มีเทือกเขาใหญ่นามว่าสุ้ยซาน ยิ่งใหญ่ไพศาล เรียกได้ว่าผงาดเหนือผืนดินสูงใหญ่เทียมฟ้า บนยอดเขามีป้ายศิลาที่สลักด้วยมือของปรมาจารย์มหาปราชญ์ว่า “จ้าวแห่งใต้หล้า” หน้าผามีฝีมือแกะสลักของหลี่เซิ่งคำว่า “บรรพบุรุษแห่งห้าขุนเขา” มีถ้อยคำที่ลูกศิษย์คนแรกของมรรคาจารย์เต๋าทิ้งไว้ว่า “วายุพัดโชย” มีสี่ตัวอักษร “เพียงข้าบู๊ตึ๊ง”ที่อริยะสำนักการทหารใช้นิ้วแกะสลัก

ลำพังเพียงแค่หินแกะสลักอักษรใช้บวงสรวงซึ่งจักรพรรดิแต่ละยุคสมัยของแต่ละทวีปส่งมายังที่แห่งนี้ก็มีมากถึงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าก้อน ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรแบบหวัดหรือแบบบรรจงก็มีหมด หน้าผาและตัวอักษรที่เต็มไปด้วยความลี้ลับเหล่านี้มีมาตั้งแต่หอขึ้นฟ้าบนยอดเขาสุ้ยซานไล่ยาวลงมาถึงกึ่งกลางภูเขา ปูชนียสถานอันเลื่องชื่อลือนามมีให้เห็นแทบทั่วทุกหนแห่ง

ซิ่วไฉเฒ่ามองไปยังแสงกระบี่ที่เปล่งประกายพร่างพราวด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ตอนที่ปรากฏตัวครั้งตรงปากบ่อโบราณ เขาเคยเห็นท่าจับกระบี่ของเฉินผิงอันมาก่อน เป็นท่าทางที่แทบจะทนมองไม่ได้ ขนาดซิ่วไฉเฒ่าที่ไม่ถนัดด้านวรยุทธ์ก็ยังมองต่อไม่ไหว แต่บัดนี้เมื่อเห็นท่าจับกระบี่พาดขวางไว้ด้านหน้าตัวเองของเด็กหนุ่ม ซิ่วไฉเฒ่าก็มีเพียงความรู้สึกเดียว

มั่นคง

มือที่กุมกระบี่ของเด็กหนุ่มมั่นคงมาก ใจก็สงบนิ่ง เยือกเย็นอย่างมาก ดังนั้นปณิธานและจิตใจของเขาจึงยิ่งมั่นคง

หลังจากที่สตรีสูงใหญ่กรอกปณิธานแห่งกระบี่ทั้งหมดเข้าไปใน “กระบี่โบราณ” แล้ว นาทีถัดมานางก็มาปรากฎตัวอยู่เหนือทะเลสาบจิตใจของเด็กหนุ่มเฉินผิงอันด้วยเรือนกายที่เป็นภาพมายาล่องลอย แผ่กลิ่นอายที่ลี้ลับมหัศจรรย์ยิ่งกว่าเดิม ดวงตาสีทอง เท้าสีชาด เมื่อนางแตะปลายเท้าเบาๆ ลงบนผิวทะเลสาบจนเกิดเป็นริ้วคลื่นกระเพื่อม จึงเกิดเป็นเสียงที่ดังขึ้นในหัวใจของเด็กหนุ่ม

น้ำเสียงอ่อนโยนของนางดังก้องอยู่ในห้องหัวใจของเฉินผิงอัน “ไม่ต้องรีบร้อนลงมือ ปรับตัวเข้ากับความรู้สึกของผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสิบให้ได้เสียก่อน”

“กระบวนท่าวิชากระบี่ที่เรียกกันก็มีอยู่แค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้น ไม่อาจเล่นสรรหาลูกไม้อะไรได้มากมาย นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างยุทธภพกับตระกูลเซียนบนภูเขาในยุคหลัง ผู้ฝึกลมปราณหลอมรวมลมปราณให้เป็นหนึ่งเดียว ปณิธานกระบี่ที่ฟูมฟักออกมาได้มีมากนับพันนับหมื่น บ้างลึกซึ้งบ้างตื้นเขิน บ้างสูงบ้างต่ำ หากคนอื่นคือบ่อน้ำธารน้ำ เจ้าคือทะเลสาบคือแม่น้ำ แน่นอนว่ามีโอกาสชนะร้อยเท่าพันเท่า”

“ปราณกระบี่สั้นยาวขึ้นอยู่กับสภาพการบุกเบิกช่องโพรงลมปราณในร่างกาย ยิ่งบุกเบิกเปิดช่องโพรงลมปราณได้มากเท่าไหร่ พลังแฝงก็ถูกขุดลงไปอย่างลึกล้ำมากเท่านั้น คนอื่นมีแค่พื้นที่มงคลระดับล่างแห่งหนึ่ง แต่เจ้ากลับได้ครอบครองถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลทั้งหมด ความต่างของสองฝ่ายนี้ราวฟ้ากับดิน! เส้นชีพจรเหมือนเส้นทาง ยิ่งกว้างขวางแข็งแรงมากเท่าไหร่ คนอื่นได้แค่เดินบนสะพานไม้ทางไส้แกะ แต่เจ้ากลับได้เดินบนเส้นทางกว้างใหญ่ทอดยาวสู่สวรรค์ แล้วจะเอาชนะเจ้าได้อย่างไร?”

นางกวาดตามองไปรอบด้าน พอเห็นสภาพการณ์ของจิตใจเด็กหนุ่มแล้วก็คลี่ยิ้มเต็มใบหน้า เอ่ยเบาๆ “เข้าใจหรือไม่?”

เด็กหนุ่มกำลังปรับตัวเข้ากับความรู้สึกของตบะขอบเขตสิบอย่างยากลำบาก บวกกับที่กระแสลมรอบกายซัดตลบปั่นป่วนวุ่นวายอย่างถึงที่สุด แม้แต่ดวงตาก็ยังลืมไม่ขึ้น นั่นก็ยิ่งไม่ต้องหวังว่าจะอ้าปากพูดเลย ยังดีที่นางบอกกับเขาว่าแค่พูดในใจก็พอ เด็กหนุ่มจึงตอบนางไปตามตรงว่า “เข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร”

นางกลับไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังหัวเราะเสียงดังกังวาน

เฉินผิงอันไม่เข้าใจ จึงพยายามปรับตัวเข้ากับตัวเองที่กลายมาเป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสิบต่อไป

ความรู้สึกประหลาดเช่นนั้น เขาพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

เหมือนคนหิวโหยที่กระเพาะส่งเสียงร้องโครกคราก แล้วจู่ๆ ก็ถูกอัดแน่นด้วยเนื้อชิ้นใหญ่ ไม่เหลือช่องว่างไว้แม้แต่เสี้ยวเดียว ช่องโพรงลมปราณทั้งหมดถูกอัดจนพองแน่น

ลมปราณพลังต้นกำเนิดที่เดิมทีเป็นคล้ายมังกรไฟที่ว่ายวนพลันเปลี่ยนจากขนาดเท่าเส้นด้ายมาเป็นขนาดเท่าปลาหนีชิวอย่างน่าเหลือเชื่อ มันแหวกว่ายส่ายสะบัดไปทั่วเส้นชีพจรในร่างกาย พุ่งทะยานไปเบื้องหน้าอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค อีกทั้งยังคอยห่อหุ้มเอาลมปราณจากในช่องโพรงลมปราณต่างๆ ที่ผ่านระหว่างทาง เหมือนลูกหิมะที่กลิ้งไถลลื่น ท่าทางเช่นนั้นราวกับว่าหากไม่กลายเป็นเจียวหลงที่แท้จริงจะไม่ยอมเลิกราอย่างไรอย่างนั้น

ในร่างใสสะอาดดุจกระจก เส้นชีพจรในร่างแผ่ขยายดุจกิ่งทองใบหยก

ลมปราณที่แท้จริงไร้สิ่งเจือปน กลับคืนสู่สภาวะธรรมชาติดั้งเดิม อายุขัยยืนยาว

วิธีการแต่ละอย่างที่หลินโส่วอีเคยพูดถึงผุดขึ้นมาในใจของเฉินผิงอันตามลำดับ

เหนือทะเลสาบหัวใจ เสียงของนางเอ่ยขึ้นว่า “ยังขาดความน่าสนใจอีกเล็กน้อย จะอย่างไรซะผู้ฝึกกระบี่ก็ไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณทั่วไป”

จากนั้นนางเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศไกล ทะลุผ่านจิตใจห้องโอสถของเฉินผิงอัน มองตรงไปยังหินยักษ์ที่อยู่บนยอดเขาลูกนั้นแล้วถามยิ้มๆ “เจ้าว่าอย่างไร? หาไม่แล้วเจ้าทำหน้าหนาย้ายภูเขาสุ้ยซานลูกนี้มาต้านรับศัตรู หากชนะก็คงไม่สมเกียรติเท่าไหร่”

“แค่ให้พวกเจ้ายอมศิโรราบทั้งกายและใจก็พอ”

ซิ่วไฉเฒ่ารับรู้เสียงจากจิตนั้นก็พลันหัวเราะเสียงดังก้อง ลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ถอนสายตากลับมา ไล่มองขึ้นไปยังภูเขาทั้งลูก สุดท้ายจ้องนิ่งไปบนหน้าผาแห่งหนึ่งที่ด้านบนมี “แบบตัวอักษร” ประหลาดที่เซียนกระบี่บรรพกาลใช้ปราณกระบี่ที่เปี่ยมล้นเขียนเอาไว้ นั่นก็คือ “แบบกระบี่บิน” ที่ดึงดูดให้ผู้ฝึกกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมาเยี่ยมชม ถึงขั้นที่ว่าลงทุนสร้างกระท่อมหยาบๆ ไว้เบื้องล่างหน้าผาเพื่อทำความเข้าใจกับวิถีกระบี่จากแบบอักษรนี้ด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!