กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 150

กระบี่จงมา – ตอนที่ 150 ไปเปิดภูเขา
บทที่ 150 ไปเปิดภูเขา
โดย
ProjectZyphon
แม้ว่าแม่นางน้อยชุดผ้าฝ้ายบุนวมสีแดงจะเกิดความห่อเหี่ยวไปชั่วขณะ แต่นางคือหลี่เป่าผิงนะ เพียงแต่ไม่นานก็กลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง นางเคลื่อนเท้าอย่างไม่กระโตกกระตาก แอบมายืนอยู่ตรงฝั่งซ้ายมือของสตรีร่างสูงใหญ่ อ้อมทางด้านหลังนาง แล้วเดินไปทางฝั่งขวามือ เดี๋ยวก็มองอาภรณ์ของนาง เดี๋ยวก็เหลือบดูใบบัวใบใหญ่ ไม่ว่าจะมองอย่างไรหลี่เป่าผิงก็รู้สึกว่าน่ามอง งดงามจริงๆ

เมื่อได้ยินชุยฉานด่าพ่อล่อแม่และคำสั่งสอนของผู้เฒ่า เฉินผิงอันก็พอจะใคร่ครวญจนได้คำตอบบางอย่าง แต่กระนั้นก็ยังไม่กล้าเชื่อ เขากลืนน้ำลายลงคอ หันไปถามสตรีร่างสูงใหญ่เบาๆ “ผู้เฒ่าท่านนี้คืออาจารย์ของอาจารย์ฉีหรือ? คือเหวินเซิ่งอะไรนั่น? มหาอริยะของลัทธิขงจื๊อ?”

มิน่าเล่าตลอดทางที่ผ่านมานี้ถึงได้มีลุ่มๆ ดอนๆ ได้เจอทั้งอาเหลียงผู้สวมงอบ เซียนกระบี่พสุธาศาลลมหิมะ แน่นอนว่ายังมีคนแซ่ชุยผู้นี้ด้วย

สตรีร่างสูงใหญ่พยักหน้ารับยิ้มๆ “ใช่แล้ว”

ร่างจริงของสตรีคือจิตวิญญาณกระบี่ที่ฟูมฟักมาจากกระบี่โบราณที่แขวนไว้ใต้สะพานหินโค้ง ระหว่างช่วงเวลาของการรอคอยที่ยาวนานนับหมื่นปี นางเคยได้เป็นพยานในการตายของเจินหลงตัวสุดท้าย นั่นคือสงครามปิดฉากที่น่าสรรเสริญและสะเทือนใจชวนหลั่งน้ำตา ผู้ฝึกลมปราณคนสำคัญของสามลัทธิและเมธีร้อยสำนักจับมือกันลงมือ แต่กระนั้นก็ยังมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนนับไม่ถ้วน ซากศพของคนที่ตายในสงครามนอนกลาดเกลื่อนดุจเม็ดฝนพรมพื้นดิน จิตวิญญาณไม่สลาย แม้แต่โชคชะตาของเจินหลงที่ตายไปก็ยังปะปนรวมอยู่ด้วย สุดท้ายสร้างให้ถ้ำสวรรค์หลีจูก่อกำเนิด แต่กลับถูกนางมองเป็นการต่อยตีของเด็กน้อย เป็นการละเล่นของเด็กไม่รู้จักโต

ตั้งแต่ต้นจนจบวิญญาณกระบี่ตนนี้ทำเพียงแค่มองดูอยู่ห่างๆ บางครั้งที่ดวงตาเป็นประกายก็จะแอบขโมยเอาสิ่งของที่สวยงามน่ามองมาเก็บเอาไว้โดยที่ไม่มีใครรู้ใครเห็น

เดิมทีนางคิดว่าชีวิตที่เหลือหากไม่นอนหลับไปก็คงต้องได้แต่นั่งหาว นิมิตเห็นภาพที่ตัวเองต้องล่องลอยไปมาอยู่ท่ามกลางซากปรักโบราณยิ่งใหญ่อลังการ เทียบไม่ได้แม้แต่ผีเร่ร่อน ค่อยๆ สลายหายไปตามกาลเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งถึงวันที่ปราณวิญญาณเหือดหายไปสิ้น

แต่ในชั่วขณะที่ถ้ำสวรรค์หลีจูกำลังแตกสลาย นางได้เลือกเฉินผิงอันเป็นเจ้านายคนที่สอง ไม่ใช่หนิงเหยาที่เป็นตัวอ่อนเซียนกระบี่มาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่หม่าขู่เสวียนผู้มีที่มาไม่แน่ชัด ยิ่งไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ที่ถือกำเนิดและเติบโตมาในเมืองเล็กอย่างเซี่ยสือ เฉาซีพวกนั้น

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความดีความชอบของฉีจิ้งชุน

แรกเริ่มเลยคือคืนนั้นที่ฉีจิ้งชุนนั่งอยู่บนสะพานแบบคานเพียงลำพังจนฟ้าสาง เขาที่นั่งอยู่เบื้องใต้กรอบป้ายลมโชยน้ำขึ้นก็เพื่อเกลี้ยกล่อมให้นางลืมตามองเด็กหนุ่มตรอกหนีผิง ต่อให้จะมองแค่แวบเดียวก็ยังดี

อันที่จริงความรู้สึกแรกที่วิญญาณกระบี่มองไปคือ ไม่มีความรู้สึก

เพราะนางเคยพบเห็นเรื่องอัศจรรย์น่าตะลึงมามากมายเหลือเกินแล้ว

ดังนั้นนางจึงไร้ความรู้สึก สำหรับนางแล้ว ถ้ำสวรรค์หลีจูที่แตกสลายจะร่วงลงมาก็ดี มรรคาสวรรค์จะแว้งกลับมาสร้างหายนะให้แก่ชาวบ้านก็ช่าง ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อนาง

แต่นางมีความสนใจใคร่รู้อยู่บ้างเล็กน้อย เหตุใดบัณฑิตที่ถูกขนานนามว่ามีหวังจะก่อตั้งลัทธิเรียกตนเป็นบุรพาจารย์อย่างฉีจิ้งชุนถึงได้เลือกเด็กคนหนึ่งที่แม้แต่หนังสือก็ไม่เคยเรียนมาก่อน

ดังนั้นหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา นางจึงคอยมองเด็กหนุ่มอยู่บ่อยๆ แต่กระนั้นก็ยังไม่รู้สึกอะไรอยู่ดี

ภายหลังนางรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนที่ฉีจิ้งชุนจะจากไปได้อาศัยสถานะอริยะของเมืองเล็กกอบ “น้ำสองฝ่ามือ” จากแม่น้ำแห่งกาลเวลาในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาของถ้ำสวรรค์หลีจูเอาไว้ มันถูกฉีจิ้งชุนตักมาด้วยวิชาอภินิหารแล้ววางไว้ใต้สะพานแบบคาน

วันหนึ่งที่นางว่างไม่มีอะไรทำจึงรู้สึกว่าควรต้องหาอะไรทำสักหน่อยดีไหม? จึงเริ่มเผยร่างจริง ลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำเบื้องล่างสะพานแบบคาน นางหวีผมพลางมองน้ำไปด้วย

ภาพที่เห็นล้วนเป็นสิ่งละอันพันละน้อยของเด็กหนุ่มตรอกหนีผิง

บ้างก็เป็นแผนการเบื้องหลังที่อำพรางไว้ยาวไกลเป็นพันลี้ บ้างก็เป็นเรื่องหยุมหยิมของชาวบ้านร้านตลาด บ้างก็เป็นการทำดีที่แฝงเจตนาชั่วร้าย บ้างก็เป็นเรื่องร้ายที่ไม่เจตนา บ้างก็เป็นการพบเจอแสนสุขและการจากลาแสนเศร้าที่มีในครอบครัวของแต่ละคน มีทั้งความเสียใจ มีทั้งความจริงใจ มีคนตายแล้วก็มีคนตาย

นางรู้สึกว่าน่าสนใจมาก น่าสนใจกว่ากลุ่มเด็กน้อยต่อยตีกัน ล้อมวงทุบตีแมลงตัวหนึ่งมากนัก

ยกตัวอย่างเช่นเด็กตัวกะเปี๊ยกคนหนึ่ง แบกตะกร้าไม้ไผ่ที่สูงเกินครึ่งตัวของเขา บอกว่าจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร แต่ยังไม่ทันได้ขึ้นไปบนภูเขาก็ร้องไห้จนฟ้าสะท้านดินสะเทือนถึงเพียงนั้น

ยกตัวอย่างเช่นเด็กชายยืนอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก มือถือตะหลิวปากก็ท่องพึมพำว่าวันนี้จะต้องทำกับข้าวให้อร่อยให้ได้ ไม่เค็มไม่จืด กำลังพอดี

หรือยกตัวอย่างเช่นเด็กชายที่วิ่งออกห่างมาจากร้านขายพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาล วิ่งไปน้ำลายไหลไป ได้แต่พยายามจินตนาการถึงรถชาติที่เคยกินตอนเด็ก

สุดท้ายยกตัวอย่างเช่นเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป เด็กคนนั้นจึงไปตกปลาในน้ำลึกตอนเที่ยงวันอย่างไม่รู้หลักการที่ว่าว่าแม้แต่เทพเซียนก็ยากจะตกปลาตอนเที่ยงวันแม้แต่น้อย ทำเอาตัวเองถูกแดดเผาจนดำเสียยิ่งกว่าถ่าน

วิญญาณกระบี่รู้ว่าทุกอย่างนี้ล้วนเป็นความยากลำบาก แต่นางไม่เคยรู้สึกว่าความลำบากเหล่านี้จะยากเย็นแสนเข็ญใดๆ

เพราะวิญญาณกระบี่เคยติดตามเจ้านายของนางกรีฑาทัพไปสี่ทิศ ภูเขาศพมหาสมุทรโลหิต บนพื้นเต็มไปด้วยซากกองกระดูกของทวยเทพซึ่งหากเอามารวมกันก็คงกลายมาเป็นภูเขา โอสถปีศาจของจอมปีศาจสามารถเอามาเสียบเป็นพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลได้ในคราวเดียว กัดกินทีดังกร๊วมๆ กรุบกรอบ เงาร่างของปีศาจสวรรค์นอกอารยะมืดฟ้ามัวดิน หนึ่งกระบี่บุกทลายราบเป็นหน้ากลอง

ดังนั้นพอฉีจิ้งชุนมาหานางอีกครั้ง นางจึงยังไม่ยอมพยักหน้าตอบรับ ขนาดนักปราชญ์ที่รู้จักสรรหาหลักการและเหตุผลมาพูดอย่างฉีจิ้งชุนก็ยังมีช่วงเวลาที่รับมือไม่ถูก ฉีจิ้งชุนจึงเก็บน้ำแห่งกาลเวลาที่กอบมาด้วยสองมือนั้นกลับคืนไป แล้วจึงค่อยๆ เทกลับลงไปบนธารน้ำหลงซวีจากบนสะพานแบบคาน ภาพเหตุการณ์ไหลย้อนกลับอย่างเชื่องช้า จากเด็กหนุ่มเฉินผิงอันที่รีบร้อนเอาจดหมายไปส่ง สุดท้ายกลับไปยังเด็กชายเฉินผิงอันที่วิงวอนขอพรจากสุสานเทพเซียนให้มารดาของตนสุขภาพแข็งแรง นับตั้งแต่ที่ฉีจิ้งชุนเทน้ำลงไปก็ตัดสินใจว่าจะไม่เกลี้ยกล่อมวิญญาณกระบี่อีก

เขาเริ่มไปยังปลายสะพาน และในช่วงเวลาสุดท้ายที่เขากำลังผิดหวังอย่างหนัก ประโยคที่เอ่ยไปโดยไม่ตั้งใจกลับเป็นการไปกะเทาะจิตใจที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าของวิญญาณกระบี่ได้เล็กน้อย “พวกเราต่างก็ผิดหวังกับโลกใบนี้”

วิญญาณกระบี่ไม่เปลี่ยนสีหน้า ชั่วขณะที่น้ำหนึ่งมือกอบนั้นกำลังจะหลอมรวมเข้ากับน้ำในลำธารปราฎเป็นภาพสุดท้ายที่เด็กชายบอกลากับบิดาในตรอกหนีผิง “ท่านพ่อ ข้าห้าขวบ เป็นผู้ใหญ่แล้ว!”

วิญญาณกระบี่มองแผ่นหลังของฉีจิ้งชุนแล้วเอ่ยว่า “ให้เขาเดินผ่านสะพานหนึ่งรอบ หากเขาสามารถยืนหยัดเดินหน้าต่อไปได้ ข้าจะลองพิจารณาดู”

ฉีจิ้งชุนหันหน้ากลับมาด้วยความตกตะลึง จากนั้นเขาก็หัวเราะเสียงดังอย่างเบิกบาน พยักหน้ารับแรงๆ “ข้าเชื่อมั่นในตัวเฉินผิงอัน ขอให้เจ้าเชื่อมั่นในตัวข้าฉีจิ้งชุน!”

บุรุษก้าวยาวๆ ลงจากขั้นบันไดของสะพานแบบคาน ชายแขนเสื้อสองข้างโบกสะบัดเป็นวงกว้างราวกับด้านในบรรจุช่วงเวลาเยาว์วัยของฉีจิ้งชุนเอาไว้

วิญญาณกระบี่ถูกขัดจังหวะความคิดด้วยประโยคคำถามของเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มถามอย่างระมัดระวัง “ในเมื่อเป็นอาจารย์ของอาจารย์ฉี ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่ต้องสู้กับเขาได้ไหม?”

วิญญาณกระบี่ปล่อยใบบัวสีหิมะที่อยู่ในมือ มันลอยขึ้นไปกลางอากาศสูงก่อน จากนั้นก็พลันขยายใหญ่ในเสี้ยววินาที มากพอจะบดบังม่านฟ้ากว้างใหญ่ในรัศมีสิบลี้

นางส่ายหน้า “เพื่ออาจารย์ฉี ครั้งนี้เจ้าจำเป็นต้องสู้”

เฉินผิงอันเกาหัว “แม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ในเมื่อเกี่ยวข้องกับอาจารย์ฉี อีกทั้งท่านยังพูดแบบนี้ ข้าเชื่อท่าน…”

เด็กหนุ่มหยุดชะงักไปครู่ ดวงตาที่ฉายแววเด็ดเดี่ยวจ้องนิ่งไปยังสตรีร่างสูงใหญ่ ยิ้มกว้างพูดว่า “สู้ก็สู้!”

นางยิ้มอย่างรู้ใจ ย้ายสายตามองไปยังตาเฒ่าที่ยังพยายามถ่วงเวลา เพื่อแกะปมเชือกที่มัดตำราม้วนเล่มนั้นไว้ต้องใช้เวลานานเป็นครึ่งๆ วัน ตอนนี้ก็ยังพึมพำอะไรไม่เลิก

“ในอดีตข้ารู้จักแต่รวบรวมความรู้อยู่ในห้องหนังสือ พลาดอะไรไปมากมาย หลังเดินออกมาจากป่ากงเต๋อก็อยากจะลองใช้ชีวิตอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยกล้าจินตนาการถึง ยกตัวอย่างเช่นดื่มสุราให้เต็มคราบ ทะเลาะกับคนหยาบคาย กินอาหารรสเผ็ดจัดจ้าน ถอดเสื้อว่ายน้ำ ตลอดทางที่ผ่านมาเดินผ่านสถานที่มากมาย ได้เห็นเทือกเขาแม่น้ำที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง…”

นางเอ่ยหยอกล้อ “ท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่ง ยังไม่จบอีกหรือ มีดพาดอยู่ตรงคอ อืม ต้องเป็นกระบี่สิ เจ้าถ่วงเวลาไปก็ไร้ความหมาย”

ผู้เฒ่ากล่าวอย่างขุ่นเคือง “ข้าก็รอให้พวกเจ้าสองคนเปลี่ยนใจอยู่ไม่ใช่หรือไง”

นางหรี่ตาแค่นเสียงเย็น “ตาเฒ่า อย่าได้คืบแล้วจะเอาศอก!”

ซิ่วไฉเฒ่าหัวเราะเฮอๆ “ตาเฒ่า?”

รอยยิ้มของนางยิ่งอ่อนโยน “ข้าจำไว้แล้ว”

ผู้เฒ่าไม่มีอะไรจะเสียแล้วจึงกล่าวว่า “สู้ก็สู้สิ ใครกลัวกันล่ะ นึกว่าข้าสู้คนไม่เก่งหรือไง ที่ไม่เก่งก็เพราะเทียบกับความสามารถในการทะเลาะกับคนอื่นของข้าหรอก”

ในที่สุดผู้เฒ่าก็แกะปมเชือกได้สำเร็จ เขาสลัดข้อมือ ม้วนภาพนั้นก็สะบัดดังพรึ่บพร้อมกับคลี่ขยายลงไปยังพื้นเบื้องล่าง มือข้างหนึ่งของผู้เฒ่าจับปลายด้านหนึ่งไว้ ม้วนภาพภูเขาและแม่น้ำนี้ยาวจริงๆ เพียงชั่วพริบตาก็ปูแผ่ไปทั่วบริเวณโดยรอบของบ่อน้ำ เฉินผิงอันยากจะขยับเท้าหนี แต่ถูกสตรีร่างสูงใหญ่กดไหล่เอาไว้ไม่ให้เขาขยับตัว

หลี่เป่าผิงผู้ใจกล้าถือโอกาสนั่งยองลงบนพื้นเพื่อดูอย่างละเอียดเสียเลย แถมยังไม่ลืมชี้นิ้วจิ้มตรงโน้นทีตรงนี้ที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!