ซิ่วไฉเฒ่าเริ่มรอให้จิตวิญญาณกระบี่เผยกายอย่างอดทน ท่ามกลางการรอคอยที่ยาวนาน ผู้เฒ่ายืนอยู่ที่เดิม คิดพิจารณาปัญหายากข้อหนึ่ง ไม่มีท่าทีหงุดหงิดงุ่นง่าน
กลางอากาศเกิดริ้วกระเพื่อมเล็กๆ เห็นเพียงว่าสตรีร่างสูงใหญ่คว้าไหล่เฉินผิงอันเดินก้าวออกมาจากความว่างเปล่า
ซิ่วไฉเฒ่าคืนสติ ประโยคแรกที่เอ่ยคือ “ข้ายอมแพ้ ไม่สู้แล้ว จะอย่างไรซะไม่ว่าจะออกอีกสองกระบี่ที่เหลือหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ถูกไหม?”
วิญญาณกระบี่กึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “ถ้าอย่างนั้นการท้าทายสองครั้งของเจ้าล่ะ จะนับอย่างไร?”
ผู้เฒ่าหัวเราะร่า “เรื่องใดไม่เกินสามครั้งไงล่ะ”
นางทอดสายตามองไปยังทิศทางของภูเขาสุ้ยซาน “มหาเทพภูเขาสุ้ยซานองค์ใหม่หรือ? รับหน้าที่นี้มานานแค่ไหนแล้ว?”
ซิ่วไฉเฒ่าตอบ “หกพันปีเต็ม สามพันปีกว่าก่อนหน้านี้ เจ้าเพิ่งร้องเสร็จ ข้าก็ขึ้นเวที (เป็นคำเย้ยหยันถึงการสับเปลี่ยนหมุนเวียนทางอำนาจ เสียดสีการเมืองการปกครอง) เละเทะวุ่นวาย อำนาจบารมีหายสิ้น ขุนเขาบูรพาอย่างภูเขาสุ้ยซานนี้เปลี่ยนนายมาถึงสามคน ช่วงที่วุ่นวายที่สุดเคยถูกมองเป็นอำนาจสายหนึ่งของลัทธิมาร จึงถูกคนอื่นเข้ามายึดครองโดยตรง คือสถานการณ์ที่มารยาทและพิธีการพังทลายวุ่นวายอย่างแท้จริง มหาเทพภูเขาสุ้ยซานคนปัจจุบันสามารถครองตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงถึงหกพันปี แม้ว่าจะมีโชคช่วยด้วย แต่ที่มากกว่านั้นกลับยังอาศัยพลังการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวของตัวเขาเอง หมัดแข็งพอ อีกทั้งคนเท้าเปล่าย่อมไม่กลัวจะสวมรองเท้า ใครบ้างจะไม่กริ่งเกรง”
วิญญาณกระบี่เอ่ยเย้ยหยัน “มารยาทและพิธีการพังทลาย? เพราะพวกเจ้าสามลัทธิแบ่งของสินบนได้ไม่เท่าเทียม? หรือเป็นเพราะฝ่ายในของใต้หล้าไพศาลเกิดการคุมเชิงกันระหว่างธรรมะและอธรรม? แล้วหลี่เซิ่งผู้นั้นล่ะ ด้วยนิสัยของเขาจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?”
ซิ่วไฉเฒ่าถอนหายใจ “เรื่องมันยาว ไม่ต้องพูดถึงดีกว่า”
สตรีร่างสูงใหญ่เอาสองมือไพล่หลัง สีหน้าดูแคลนยิ่งเข้มข้น “สถานการณ์โดยรวมมั่นคงแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องมีการเลือกเป็นภายใน ฮ่าๆ ช่างเป็นการช่วงชิงบนมหามรรคาที่ยอดเยี่ยมนัก เมธีร้อยสำนักประชันกัน ครึกครื้นซะจริง แล้วผลล่ะเป็นอย่างไร? โลกเปลี่ยนมาดีขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
ซิ่วไฉเฒ่าปรายตามองวิญญาณกระบี่ชุดขาว ตัดบทด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างอย่างยิ่ง “ฝ่ายในของระบบลัทธิขงจื๊อย่อมไม่เรียกว่าใสสะอาดจนเห็นเบื้องล่าง ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นวิญญูชนผู้มีคุณธรรมและเมตตาธรรม แต่บรรพบุรุษของลัทธิขงจื๊อพวกเราต้องทุ่มเทสติปัญญาและแรงใจนับไม่ถ้วนเพื่อเรื่องนี้ จะบอกว่าควักหัวใจหลั่งเลือดก็ไม่เกินจริงเลย ด้วยเหตุนี้จึงยังคงรักษาต้นกำเนิดที่บริสุทธิ์เที่ยงตรงเอาไว้ได้ ไม่อาจถูกปฏิเสธได้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของเจ้า”
วิญญาณกระบี่กล่าวมีเลศนัย “นี่ถือเป็นครั้งที่สามหรือไม่?”
ซิ่วไฉเฒ่าที่นาทีก่อนหน้านี้ยังทำตัวไม่เอาไหนกลับไม่คิดจะยอมถอยให้แม้แต่น้อย เขาเอ่ยเรียบๆ ว่า “สำหรับเรื่องนี้ หากเจ้ารู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ข้าสามารถอธิบายเหตุผลให้เจ้าฟังร้อยปีพันปี เจ้าจะใช้กระบี่มาอธิบายเหตุผลของเจ้าก็ไม่เป็นไร”
นางมองประเมินผู้เฒ่าร่างผอมบางไม่สูงใหญ่อย่างตั้งใจ “เจ้าสูญเสียโชคชะตาของอริยะไปจนสิ้นแล้วจริงๆ เหลือแค่จิตวิญญาณเท่านั้น จึงมองโลกมนุษย์ของใต้หล้าแห่งนี้เป็นสถานที่พักพิง?”
ซิ่วไฉเฒ่าเงียบไปครู่ใหญ่ “ใช่”
นางเก็บจิตสังหารที่บังเกิดขึ้นมาตามธรรมชาตินั้นลงไป สายตาซับซ้อน “หลายปีที่ผ่านมานี้ก็มีแค่พวกเจ้าสองคนเท่านั้นที่ทำได้ แต่ข้าประหลาดใจมาก เจ้าเลื่อมใสในการเลือกของเจ้าหมอนั่น? หรือเป็นเพราะไม่มีทางเลือกอื่น? ความเป็นไปได้ข้อแรกน้อยมาก เกี่ยวพันกับมหามรรคาของเจ้าแล้ว ข้าคาดการณ์เอาว่า ต่อให้นี่จะไม่ใช่งานสบายที่งดงามอะไร แต่ตาเฒ่าในระบบของลัทธิขงจื๊อก็ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าทำสำเร็จแน่นอน”
ซิ่วไฉเฒ่าตอบอย่างสงบ “เอาอย่างผู้มีคุณธรรมและความสามารถ ถูกต้องตามหลักการฟ้าดิน”
นางหยุดคิดไปชั่วครู่ แล้วหันไปมองเฉินผิงอัน เอ่ยยิ้มๆ “ไม่เพียงแต่ความตั้งใจเดิมสำเร็จสมปรารถนา ยังเหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก เห็นแก่ที่เจ้าเลือกเช่นนี้ แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือเห็นแก่เจ้านายของข้า อีกสองกระบี่ที่เหลือก็ปล่อยค้างไว้ก่อน? วันหน้าหากจู่ๆ ข้าเห็นเจ้าเกะกะสายตาค่อยคิดบัญชีเก่าใหม่รวมกัน”
ซิ่วไฉเฒ่าที่ทำหน้าตึงอยู่ตลอดเวลาพลันมาดหลุด ตบขาตัวเองดังป้าบ กล่าวกลั้วหัวเราะ “ค้างไว้ก่อนๆ ค้างไว้ดีนัก วันสิ้นปีของพวกชาวบ้านมักจะทำแบบนี้ เหลืออาหารไว้ในจานเล็กน้อยเพื่อแสดงให้เห็นว่าปีถัดไปยังมีเหลือค้าง เป็นลางดี ความหมายก็ดี”
ไมว่าจะมองอย่างไรท่าทางของผู้เฒ่าก็เหมือนว่าอารมณ์ดีเพราะเอาชีวิตรอดมาได้
วิญญาณกระบี่ไม่สนใจ เพียงเอ่ยเสียงเย็น “เปิดประตู”
ผู้เฒ่าสะบัดชายแขนเสื้อหนึ่งที ก้าวยาวๆ นำไป เอ่ยเสียงดังกังวาน “แหงนหน้าหัวเราะร่าออกจากประตู”
เฉินผิงอันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงถามเสียงเบา “กระบี่นั้นที่ข้าปล่อยออกไปแย่มากเลยใช่ไหม? ดูเหมือนภูเขาลูกใหญ่นั้นจะไม่แม้แต่ขยับเขยื้อน ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสบอกว่าพรสวรรค์ในการฝึกกระบี่ดีหรือเลวต้องดูที่ว่าสามารถรับตัวอักษรไปได้กี่ตัว แม้เดิมทีข้าเองก็ไม่ได้เต็มใจยอมรับพวกมัน แต่พวกมันเองก็ไม่เต็มใจเข้าใกล้ข้าเหมือนกันนี่นา นี่จะเป็นการบอกว่าพรสวรรค์ในการฝึกกระบี่ของข้าธรรมดาเหมือนฝึกหมัดใช่หรือไม่?”
เฉินผิงอันยิ่งพูดก็ยิ่งเสียใจ “ผู้อาวุโสยังเคยบอกว่าหากข้าถ่วงแข้งถ่วงขา ต่อให้ตอนนั้นมีตบะขอบเขตสิบ กระบี่นั้นที่ฟันออกไปก็มีประสิทธิผลเท่าแค่ขอบเขตเจ็ด”
คำพูดอันเป็นวาทศิลป์แค่อ้าปากก็เอ่ยได้ ทว่าเรื่องยากใต้หล้านี้ก็ยากตรงที่จำเป็นต้องเดินทีละก้าว
เฉินผิงอันเด็กบ้านนอกตรอกหนีผิงเข้าใจหลักการนี้กระจ่างแจ้งยิ่งนัก
วิญญาณกระบี่ยื่นมือไปหยิกแก้มเด็กหนุ่ม ยิ้มตาหยี “วันหน้าเจ้าก็จะได้รู้เอง”
เฉินผิงอันหน้าแดงก่ำ เผยอปากจะพูดแต่ก็ไม่พูด
จิตของนางเชื่อมโยงเข้ากับเด็กหนุ่มนางแล้ว จึงจูงมือเด็กหนุ่มเดินช้าๆ ไปทางประตูใหญ่ของม้วนภาพภูเขาแม่น้ำบานนั้นพลางเอ่ยเสียงอ่อนโยน “นายท่าน รู้ไว้นะ วันหน้าเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่นางบางคน ข้าไม่มีทางปล่อยตัวตามสบายเช่นนี้ นางจะได้ไม่เข้าใจเจ้าผิด เห็นว่าเจ้าเป็นคนเสเพลจิตใจโลเล”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง ทั้งรู้สึกผ่อนคลายเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วก็รู้สึกดีใจเหมือนนางได้กลายมาเป็นสหายรู้ใจ
สตรีสูงใหญ่พลันหันหน้ากลับมา พูดเหมือนไม่พอใจ “แต่เจ้าไม่กลัวว่าพี่สาวเทพเซียนจะรู้สึกน้อยใจหรือ?”
เด็กหนุ่มคิดแล้วก็ตอบอย่างจริงจัง “ข้าจะขอโทษท่าน แต่เรื่องบางเรื่อง ข้ารู้สึกว่าก็ควรจะเป็นเช่นนั้น”
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ถึงขั้นน้ำตาคลอคล้ายจะร้องไห้
แม้ว่าเฉินผิงอันจะทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง แต่สายตากลับเด็ดเดี่ยว เม้มริมฝีปาก ไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจเดิม
วิญญาณกระบี่พลันยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ยกนิ้วโป้งให้เด็กหนุ่ม เอ่ยชื่นชม “เท่ห์มาก!”
เฉินผิงอันถามขลาดๆ “ไม่โกรธจริงๆ หรือ?”
นางจูงมือเฉินผิงอัน หยุดยืนตรงหน้าประตูบานใหญ่ แล้วพลันก้มตัวลงกอดเด็กหนุ่ม ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นคล้ายคนที่ชอบนอนมากที่สุดได้ขดตัวหลับสนิทอยู่ในผ้าห่มอันอบอุ่นท่ามกลางฤดูหนาว ความรู้สึกมีความสุขเช่นนั้นไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้จริงๆ นางไม่สนว่าเฉินผิงอันจะรู้สึกอย่างไร กล่าวร่าเริงว่า “หืมๆๆ ผิงอันน้อยของข้าน่ารักจริงๆ เลย!”
เด็กหนุ่มพลันรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนนิ่งไม่ขยับ ในสมองว่างเปล่า ไร้ซึ่งความคิดใดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!