กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 166

กระบี่จงมา – ตอนที่ 166.2 อาจารย์มีเรื่องควรทำอย่างไร
บทที่ 166.2 อาจารย์มีเรื่องควรทำอย่างไร
โดย
ProjectZyphon
อวี๋ลู่สะบัดข้อมือ ชายแขนเสื้อส่ายไหวเล็กน้อย ครั้นจึงเอามือสองข้างสอดเข้าไปในชายแขนเสื้ออีกครั้ง แล้วยิ้มบางๆ พลางก้าวเดินผ่านช่องทางระหว่างชั้นหนังสือด้วยฝีเท้ามาดมั่น “เหตุผลน่ะหรือ อยู่ที่หุ่นปั้นคนจิ๋วของหลี่ไหวที่ยังหาไม่เจอ อยู่ที่คำด่าเหยียดยามที่ดังเข้าหูหลี่เป่าผิง อยู่ที่คนที่ควรเอ่ยขอโทษกลับไม่ทำแม้แต่ผายลม”

อวี๋ลู่หยุดชะงักเล็กน้อย มองดูเหมือนฝีเท้าจะชะลอความเร็ว แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับดึงระยะห่างเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว “ไม่ได้อยู่คำพูดง่ายๆ เพียงคำเดียวว่านี่เป็นเพียงแค่การวิวาททางปณิธานจากเจ้าหลี่ฉางอิงผู้มีขอบเขตถ้ำสถิต แล้วก็ยิ่งไม่ได้อยู่ที่กระบี่บินของท่านผู้อาวุโสขอบเขตชมมหาสมุทรที่…มักจะมาสายไปก้าวหนึ่งเสมอ”

คำพูดยโสท้าทายเหล่านี้ของเด็กหนุ่มสูงใหญ่ทำเอาผู้เฒ่าโกรธจนหนวดกระดิก รีบป้อนยาเม็ดหนึ่งให้กับหลี่ฉางอิง แล้วเสร็จถึงได้ลุกขึ้นยืน เดือดจัดจนกลายเป็นขำ “ดีๆๆ ข้าผู้อาวุโสอยากจะเห็นนักว่าตอนที่เจ้านอนกองอยู่บนพื้นจะยังมีเหตุผลอะไรให้อธิบายอีกหรือไม่”

อวี๋ลู่ยิ้มตาหยีส่ายหน้าพูด “หากข้าแพ้ ย่อมไม่พูดอะไรไร้สาระแม้แต่ครึ่งคำ ถึงเวลานั้นก็ต้องมีคนมาช่วยอธิบายเหตุผลแทนข้าอยู่ดี อืม อาจจะช้าไปสักหน่อย ใครใช้ให้ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่ล่ะ”

เมื่อผู้เฒ่าลุกขึ้นยืน กระบี่บินเล่มนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนตัวขึ้นสูงตามมาหยุดอยู่ข้างไหล่ของผู้ฝึกกระบี่ที่มีชื่อเสียงแห่งต้าสุยท่านนี้

แต่ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าจะยังไม่หายห่วงหลี่ฉางอิง จึงก้มหน้ามองอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม

วิชาหมัดของเด็กหนุ่มแปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด ตอนแรกดูเหมือนหลี่ฉางอิงจะไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูกเส้นเอ็นและพลังต้นกำเนิด ต่อให้เป็นผู้เฒ่าก็ยังไม่รู้สึกว่าร้ายแรงอะไร ทว่าพอป้อนยาที่คุณภาพยอดเยี่ยมเม็ดนั้นลงไปถึงได้เห็นความลี้ลับที่แท้จริง มหาสมุทรลมปราณของหลี่ฉางอิงกลับยังไม่ลดระดับความรุนแรงลง กลับกลายเป็นว่ายิ่งนานก็ยิ่งควบคุมความพลุ่งพล่านคล้ายจะหลุดออกจากการควบคุมไม่ได้มากเท่านั้น

น้ำในมหาสมุทรไหลย้อนกลับ อันตรายอย่างถึงที่สุด!

จะฝึกบำเพ็ญตนในขอบเขตถ้ำสถิตของผู้ฝึกลมปราณให้สำเร็จนั้นลำบากยากยิ่ง การทำขอบเขตให้มั่นคงก็ยิ่งเป็นเรื่องยาก เพราะหากตัดสินใจที่จะเปิดช่องโพรงก็หมายความว่าช่องโพรงในร่างต้องรับปราณวิญญาณจากด้านนอก ขณะเดียวกันก็จะทำให้เกิดสถานการณ์สุ่มเสี่ยงอย่าง ‘น้ำทะเลไหลย้อนกลับ’ …เพราะการดึงเอาปราณวิญญาณมาจากนอกร่างจำเป็นต้องสกัดดึงมาจากปราณที่ปะปนกันนับไม่ถ้วนในฟ้าดิน ช่องโพรงที่เปิดอ้าจึงเป็นเหมือนสมรภูมิรบบนโลกมนุษย์ หากเมืองหน้าด่านละทิ้งข้อได้เปรียบอย่างเดียวที่มีอยู่ไป เปิดฝ่ายเปิดประตูรับศัตรู ก็ง่ายที่จะถูกศัตรูซึ่งแข็งแกร่งโจมตีให้แตกพ่ายในครั้งเดียว

หากเกิดเหตุการณ์น้ำในมหาสมุทรไหลย้อนกลับ ช่องโพรงและเส้นชีพจรในร่างมนุษย์ก็จะเหมือนเมืองและเส้นทางที่จมลึกอยู่ท่ามกลางอุทกภัย พื้นแผ่นดินว่างเปล่า ไม่อาจฟื้นคืนกลับมารุ่งโรจน์ได้อีกตลอดกาล ดังนั้นขอบเขตถ้ำสถิตคือธรณีประตูขั้นแรกบนเส้นทางของการฝึกตนอย่างแท้จริง ถึงขั้นที่ว่าได้มายากยิ่งกว่าการเลื่อนจากห้าขอบเขตล่างสู่ขอบเขตที่หกเสียอีก นักพรตหลายคน โดยเฉพาะนักพรตอิสระ รวมไปถึงผู้ฝึกลมปราณสำนักเล็กๆ ที่ไม่มีที่พึ่ง เพราะกลัวว่าเมื่อล้มเหลวในขอบเขตถ้ำสถิตแล้วจะสูญเสียฐานกระดูกในการกลายเป็นเซียนไปอย่างสิ้นเชิง จึงมักจะหยุดค้างอยู่ในขอบเขตสุดท้ายของห้าขอบเขตล่างเสมอ

การฝึกบำเพ็ญตนเป็นเรื่องที่ละเมิดวิถีสวรรค์ เป็นการเดินทวนกระแสขึ้นไป โดยเฉพาะคำว่าเดินทวนกระแสนี้ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบากอย่างแท้จริง

ในฐานะข้ารับใช้ประจำกายหลี่ฉางอิงที่ราชสำนักส่งมาอย่างลับๆ หากขอบเขตของหลี่ฉางอิงได้รับความเสียหาย อนาคตของมหามรรคาถูกทำลาย ผู้เฒ่าต้องประสบภัยเป็นคนแรก!

อวี๋ลู่ถามยิ้มๆ “ท่านผู้อาวุโสลำบากใจมากใช่หรือไม่? ไม่รู้ว่าควรจะช่วยหลี่ฉางอิงก่อน หรือซัดข้าให้หมอบก่อนดี?”

ผู้เฒ่าโมโหจนกัดฟันกรอดๆ คำถามนี้ของเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่เหมือนตีงูเจ็ดชุ่น (ตีงูต้องตีให้ตรงจุด งูถึงจะยอมสยบ หรือเปรียบเปรยถึงจุดบอด จุดตาย) ทำเอาผู้เฒ่าที่ผ่านฝนผ่านหนาวมามากอับอายจนพานเป็นความโกรธ

เขาคือผู้ฝึกลมปราณขอบเขตชมมหาสมุทร อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง คำว่าชมมหาสมุทรมาจากความหมายของประโยคที่ว่า ‘ข้าขึ้นหอสูงชมร้อยธารา กระแสน้ำไหลสู่มหาสมุทรได้ไหลสู่อ้อมอกข้า’ ปราณวิญญาณฟ้าดินเริ่มทำให้เส้นชีพจรในร่างมนุษย์กว้างใหญ่ ประหนึ่งแม่น้ำที่สุดท้ายไหลรวมกับมหาสมุทร แล้วก็เหมือนทางหลวงจุดพักม้าที่ถูกบุกเบิกไปทั่วโลกมนุษย์ ปราณวิญญาณเริ่มมารวมตัวกัน ยกระดับขึ้นสูง จากนั้นก็เริ่มหันมาป้อนสารอาหารให้กับเรือนกาย เป็นเหตุให้นักพรตมีอายุขัยยืนยาว

ผู้ฝึกลมปราณทั่วไปที่อยู่ในขอบเขตนี้จะสามารถมีอายุยืนยาวได้ถึงหนึ่งร้อยปี

เมื่ออยู่ในแจกันสมบัติทวีป ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตชมมหาสมุทรนับว่ามากพอที่จะได้รับคำเรียกขานอันมีเกียรติว่าปรมาจารย์วิถีกระบี่แล้ว

ในต้าสุย ต่อให้เป็นขุนนางระดับสูงของราชสำนักอย่างซือหลางหกกรม หากมีธุระให้ต้องออกนอกเมืองหลวงก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะมีผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตนี้คอยคุ้มกันไปส่ง

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง

ผู้เฒ่าตัดสินใจว่าต้องรีบสู้รีบจบ ภายในสามกระบวนท่าต้องรู้ผลแพ้ชนะ

“ในเมื่อผู้อาวุโสไม่รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไร ข้าจะช่วยเลือกให้ผู้อาวุโสเองก็แล้วกัน” ทว่าเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้นั้นกลับยิ่งจองหอง ยังคงเอ่ยกลั้วหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงกวนโอ้ย ก้าวออกมาสามก้าวในท่าเตรียมพร้อม แต่ละก้าวมาพร้อมอานุภาพที่น่าตะลึงยิ่งขึ้นทุกครั้ง ก้อนอิฐถูกเขาเหยียบจนเกิดเสียงปริแตก

เจ้าไม่รู้ว่าควรจะสู้ดีหรือไม่ ข้าอวี๋ลู่จึงบีบให้เจ้าจำเป็นต้องสู้อย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

ม่านตาดำของผู้เฒ่าหดตัวลงเล็กน้อย ทะเลสาบในใจเกิดคลื่นยักษ์ถาโถม เห็นเพียงว่าพลังอำนาจที่เดิมทีก็ไม่อ่อนด้อยของเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ่งรุดหน้ามาอีกขั้น ความแกร่งกร้าวของจิตวิญญาณประหนึ่งมีจิตวิญญาณแห่งวีรุบุรุษในสมรภูมิรบยุคบรรพกาลเฝ้าบัญชาการณ์

ต่อให้เป็นผู้เฒ่าก็ยังเผยความตะลึงพรึงเพริดออกมาทางสีหน้าอย่างอดไม่ได้ “ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตหก?”

ผู้ฝึกลมปราณสิบห้าขอบเขต วิถีวรยุทธ์เก้าขอบเขต การช่วงชิงใน “ขอบเขตเดียวกัน” ระหว่างผู้ฝึกลมปราณกับผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัว นอกจากตัวประหลาดสองชนิดในบรรดาผู้ฝึกลมปราณอย่างผู้ฝึกกระบี่และนักพรตสำนักการทหารแล้ว หากสามารถสกัดกั้นอาวุธอาคมสยบสวรรค์บางส่วนของผู้ฝึกลมปราณไปได้อีก ถ้าเช่นนั้นผลแพ้ชนะก็แทบจะไม่ต้องคิดให้มากความ ถึงขั้นที่ว่าหากผู้ฝึกยุทธ์ที่ขอบเขตต่ำกว่าระดับหนึ่งคิดจะทำร้ายผู้ฝึกลมปราณที่ระดับสูงกว่าขั้นหนึ่งให้บาดเจ็บสาหัส หรือเล่นงานจนตายทั้งเป็นก็เคยมีปรากฏ

ทว่าตะลึงก็ส่วนตะลึง เพราะหากจะพูดถึงความหวั่นกลัว ผู้เฒ่ากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น

เพราะเขาคือผู้ฝึกกระบี่ที่สั่งสมประสบการณ์และรากฐานมานานหลายปี คือผู้ฝึกลมปราณขอบเขตเจ็ดอย่างขอบเขตชมมหาสมุทร!

หากไม่เหลือทางถอย ดึงดันจะสังหารคน ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตหกคนหนึ่ง

ก็แค่ต้องใช้กระบวนท่าเดียวเท่านั้น

ดังนั้นผู้เฒ่าจึงแค่นเสียงเย็น “เจ้าอยากรนหาที่ตาย แต่ด้วยกฎของสำนักศึกษา ข้าจึงไม่อาจทำให้เจ้าตายจริงๆ ได้ แต่ทำให้เจ้าเหลือแค่ครึ่งชีวิตกลับไม่มีปัญหา!”

เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่กระโจนมาด้านหน้ามองดูคล้ายพร้อมสู้ตาย ทว่าสายตากลับฉายแววสนุกสนาน พูดกับตัวเองในใจว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะร้ายกาจสักหน่อย”

……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!