ชุยฉานกำลังจะเงื้อมือตบให้ตะพาบน้อยตัวนี้ให้ตาย ผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ก็มาปรากฏกายอยู่บนยอดเขา เด็กนักเรียนของสำนักศึกษาคนนั้นรีบหันไปทำความเคารพผู้เฒ่า แล้วลงจากเขาไปอย่างรวดเร็ว
ชุยฉานคำรามเดือดดาล “เจ้าคนแซ่เหมา เจ้าลูกหมาตัวนี้ชื่อแซ่อะไร บ้านอยู่ที่ไหน!”
เหมาเสี่ยวตงมองประเมินชุยฉาน มองบรรยากาศรอบกายอีกฝ่ายจนรู้ตื้นลึกหนาบางก็ตีหน้าเคร่งเดินลงเขาไป ตอนที่เดินสวนไหล่กับชุยฉาน เขาแค่นเสียงเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ทำตัวดีๆ อยู่ในสำนักศึกษาไปแล้วกัน ข้าเหมาเสี่ยวตงจะคิดซะว่ายอมบีบจมูกตัวเองก็เพื่อไม่ต้องทนดมกลิ่นอาจมเหม็นโฉ่ อย่าลืมว่าที่นี่คือเมืองหลวงต้าสุย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ควรคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนลงมือ!”
ชุยฉานเดินออกไปก้าวเดียว ร่างก็พุ่งวูบไปยังยอดไม้ของต้นอิ๋นซิ่งพันปี สอดส่ายสายตาไปรอบด้านพักหนึ่ง สุดท้ายเพ่งตามองไปยังที่พักเงียบสงบหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับภูเขาตงหัว แล้วแหกปากผรุสวาท “เจ้าตะพาบเฒ่าที่ชื่อว่าไช่จิงเสินนั่นน่ะ ใช่ เรียกเจ้านั่นแหละ รีบออกมาพบหน้าบรรพบุรุษเดี๋ยวนี้! วันนี้ข้าผู้เป็นบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเจ้าจะอธิบายคำสั่งสอนของบรรพชนกฎของบ้านให้เจ้าฟัง! รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมาโขกหัวรับคำสั่งสอน!”
เหมาเสี่ยวตงสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง รีบเพิ่มความเร็วเดินลงไปจากภูเขา
เด็กหนุ่มชุดขาวยังคงตะโกนดังลั่นไม่หยุด “หลานไช่จิงเสิน อย่าทำตัวเป็นเต่าหดหัวอยู่เลย รีบกลับบ้านไปเรียกลูกเรียกหลานของเจ้ามาคำนับบรรพบุรุษพร้อมกัน เร็วๆ เข้า บรรพบุรุษรอเจ้าอยู่ที่นี่นะ!”
แสงรุ้งเส้นหนึ่งระเบิดทะยานขึ้นมาจากบ้านหลังที่อยู่ใกล้ภูเขาตงหัว มาหยุดอยู่กลางอากาศสูงเท่าเทียมกับยอดเขาของภูเขาตงหัว แล้วเรือนกายแข็งแกร่งกำยำของคนผู้หนึ่งก็แผดเสียงเกรี้ยวกราด “รนหาที่ตาย!”
เด็กชายชุดขาวตะโกนตอบกลับด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม “บรรพบุรุษเฒ่ามาตามหาหลานตะพาบที่นี่ ไม่ใช่รนหาที่ตาย!”
ผู้เฒ่าร่างกำยำแผดเสียงคำรามกลับ “ไสหัวออกมา!”
หลังจากที่ผู้เฒ่าทะยานตัวขึ้นสูงกลางอากาศ บริเวณใกล้เคียงโดยรอบซึ่งมีภูเขาตงหัวเป็นจุดศูนย์กลางก็มีแสงไฟทยอยถูกจุดขึ้น จากใกล้ไปไกล ยิ่งนานก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ภายใต้สายตาของคนมากมายที่จับจ้องมองมา เด็กหนุ่มชุดขาวหัวเราะหึหึ “หลานคนดีเจ้ารีบไสหัวเข้ามาเร็วเข้าสิ!”
ดูเหมือนว่าคำพูดของเจ้าเด็กบ้าคนนั้นจะสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้เฒ่าจนถึงขั้นอึ้งค้างไปครู่หนึ่ง
เด็กหนุ่มชุดขาวรีบฉวยโอกาสโจมตีทันใด “ใครแม่งมอบดีสุนัข (ดีเปรียบเทียบถึงความกล้าหาญ) ให้เจ้า เจ้าถึงได้กล้าทำร้ายลูกศิษย์ของข้าผู้อาวุโส? ไช่จิงเสิน ขยับมือไม้ให้มันว่องไวหน่อย รีบหยิบมีดมาปาดคอตัวเองให้ตายซะ จำไว้ว่าตอนปาดต้องจริงใจด้วย เอาให้ได้มาดอย่างที่นักพรตขอบเขตสิบสมควรมี! แล้วบรรพบุรุษอย่างข้าจะถือว่าเจ้ายอมรับผิดแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะยังยอมละเว้นความผิดในอดีตของเจ้าด้วย…”
เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวของผู้เฒ่าร่างล่ำสันที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วต้าสุยดังก้องกังวานไปเกือบรอบรัศมีสิบลี้ “เหมาเสี่ยวตง! สำนักศึกษาของพวกเจ้าไม่จัดการกับเจ้าบ้าระยำผู้นี้ ข้าไช่จิงเสินจะช่วยจัดการแทนเจ้าเอง! เจ้าแค่ทำหน้าที่เก็บศพอย่างเดียวพอ ส่วนทางฝ่ายของฝ่าบาท ข้าพร้อมน้อมรับผลที่จะตามมา!”
ผู้เฒ่าบังคมลมยืนอยู่กลางอากาศ หันหน้าเข้าหาสำนักศึกษาซานหยา กระทืบเท้าแรงๆ หนึ่งครั้ง เหวี่ยงแขนขึ้นทำท่าเหมือนจะขว้างอะไรออกไป
ทวนยาวสีขาวหิมะที่รัดพันด้วยสายฟ้าแลบวูบวาบเล่มหนึ่งพุ่งฟิ้วตรงเข้าปักต้นอิ๋นซิ่งที่อยู่บนยอดเขาตงหัว
เด็กหนุ่มชุดขาวหัวเราะร่า “มาได้ดี หลานคนดีรู้จักกตัญญูต่อบรรพบุรุษเสียที! มาเยือนแล้วไม่ต้อนรับนับว่าไร้มารยาท บรรพบุรุษเฒ่าจะให้รางวัล หลานไช่จิงเสินจงรับไว้ให้ดี!”
ทวนสายฟ้าพุ่งเข้าหาต้นไม้ใหญ่ เพียงไม่นานก็บุกเข้าไปเหนือท้องฟ้าในบริเวณขอบเขตพื้นที่ของสำนักศึกษา
แม้ว่าสำนักศึกษาซานหยาแห่งใหม่ที่ผ่านอุปสรรคมาไม่น้อยแห่งนี้จะไม่ใช่หนึ่งในเจ็ดสิบสองสำนักศึกษาของลัทธิขงจื๊อ แต่จะอย่างไรซะก็มีเหมาเสี่ยวตงนั่งบัญชาการณ์ ถือว่ามีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์คล้ายเป็นฟ้าดินขนาดเล็กแห่งหนึ่งของอริยะ แต่ไม่รู้ว่าเพราะสำนักศึกษาคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด หรือเป็นเพราะเหมาเสี่ยวตงไม่ยินดีเป็นศัตรูกับไช่จิงเสิน ถึงได้ถอนการป้องกันในเขตแดนตัวเองออกอย่างไม่ลังเล ปล่อยให้สองคนที่หนึ่งอยู่บนภูเขา หนึ่งอยู่นอกภูเขาเปิดฉากเข่นฆ่ากันอย่างยุติธรรม
ทางฝ่ายของต้นอิ๋นซิ่งก็มีแสงสีทองอ่อนจางเส้นหนึ่งระเบิดจ้ากลางอากาศ เมื่อเทียบกับทวนสายฟ้าใหญ่ยักษ์ที่ยาวประมาณสองจั้ง เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจอันน่าเกรงขามแล้ว แสงทองเพียงแค่นั้นก็เล็กน้อยจนสามารถมองข้ามไปได้เลย
แต่คนนอกมองเห็นแค่ความสนุกสนาน คนในกลับมองเห็นสายสนกลใน
เมื่อแสงทองเส้นนั้นบินออกมาจากยอดเขา พุ่งเข้ารับหน้าทวนสายฟ้าเล่มนั้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่เดิมทียังมีใจนึกดูแคลนกลับเริ่มเพ่งมองอย่างตั้งใจ
บริเวณโดยรอบเส้นทางการโคจรที่แหวกอากาศออกไปเป็นเส้นตรงของกระบี่บินขนาดจิ๋วเล่มนั้นกลับเกิดเป็นรอยปริแตกที่ดำมืดอย่างถึงที่สุด นี่ก็คือการปะทะที่รุนแรงระหว่างวัตถุซึ่งจับต้องได้จริงกับแม่น้ำแห่งกาลเวลาในตำนาน ความเร็วในการแหวกอากาศของกระบี่บิน ระดับความแข็งแกร่งของวัสดุที่สร้างขึ้น ความมหาศาลของปณิธานกระบี่ที่แฝงเร้นอยู่ภายใน สามอย่างนี้ล้วนไม่อาจขาดได้แม้แต่อย่างเดียว
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่อยู่ในระดับนี้ถูกขนานนามว่า แสงกระบี่เปล่งวาบ ตัดขาดหมื่นสรรพสิ่ง!
แล้วก็เป็นจริง ทวนสายฟ้าที่คิดจะหยั่งเชิงมากกว่าคิดจะปลิดชีพศัตรูให้ตายในครั้งเดียวถูกแสงสีทองโจมตีจนแหลกสลายในชั่วพริบตา
สะเก็ดสายฟ้าสาดกระจายอยู่กลางอากาศประหนึ่งฝนไฟที่สว่างพร่าจ้าตา
ไช่จิงเสินหัวเราะเหี้ยม “พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง มาอีก!”
ในที่สุดคราวนี้ผู้เฒ่าก็ปล่อยฝีไม้ลายมือเต็มที่ ทวนสายฟ้าเล่มแล้วเล่มเล่าพุ่งแทงเข้าหาภูเขาตงหัวอย่างรวดเร็ว
แสงสีทองเองก็ส่องแสงเจิดจ้ามากกว่าเดิม ประกายไฟพร่างพราวพุ่งออกไปจากตัวภูเขาหลายต่อหลายเส้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!