ตอน ตอนที่ 167.3 จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 167.3 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ชุยฉานกล่าว “นั่งลงเถอะ เห็นแก่ที่เจ้าฉลาดกว่าเซี่ยเซี่ยมาก อืม พรสวรรค์ก็ดีกว่าเล็กน้อย ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าแล้วกัน”
อวี๋ลู่นั่งลงแต่โดยดี ยังรินน้ำชาให้ชุยฉานหนึ่งถ้วย การกระทำของเขาเป็นธรรมชาติ ไม่มีท่าทางของคนเจ็บหนักต้องนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงเลย
ชุยฉานรับถ้วยชามาแล้วถาม “ไหนลองว่ามาสิ ทำไมถึงลงมือปิดท้าย”
อวี๋ลู่นั่งอยู่ตรงนั้น สอดมือสองข้างไว้ในชายแขนเสื้อคล้ายต้องการหาความอบอุ่น แล้วก็เพราะว่าด้วยตนร่างสูงใหญ่ ทว่าเด็กหนุ่มชุดขาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเตี้ยกว่าตนเยอะมาก ดังนั้นเขาจึงต้องห่อไหล่ให้ดูร่างเล็กน้อย เขาเอ่ยเนิบช้า “เหตุผลอันดับแรก แน่นอนว่าเดิมทีเพราะรู้สึกว่าไม่มีความหวังในการมีชีวิตอยู่ แต่การเดินทางมาขอศึกษาครั้งนี้ จู่ๆ กลับรู้สึกว่ามีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก พอเกิดอารมณ์หุนหันก็เลยทำ”
“ข้อสอง เป็นเพราะหินบนภูเขาก้อนอื่นสามารถเอามาขัดเกลาเป็นหยกได้ ตลอดทางมานี้รู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจอยู่บ้าง มักจะรู้สึกว่าเมื่อเรียนรู้แล้วก็ต้องนำไปใช้ แต่ขอบเขตของเฉินผิงอันต่ำเกินไป มาดของคุณชายใหญ่เกินไป พวกภูตผีปีศาจก็ถูกหลินโส่วอีจัดการจนเรียบไปหมดแล้ว ทว่าวิธีการของเขายังไม่น่าตื่นตาตื่นใจมากพอ จะทำอย่างไรดี? พอดีกับที่สามารถอาศัยโอกาสนี้ใช้ผู้ฝึกกระบี่ของต้าสุยคนนั้นมาเป็นหินลับมีดที่ช่วยให้วิถีวรยุทธ์ของตนเองก้าวหน้าไปอีกขั้น จะอย่างไรซะมีชีวิตอยู่ก็น่าเบื่อ ขึ้นไปดูทัศนียภาพจากจุดที่สูงกว่าเดิมก็ไม่ทำให้เนื้อบนร่างหายไปสักหน่อย”
ชุยฉานกล่าวยิ้มๆ “ควรใช้คำว่าหินรองพื้นจะถูกต้องมากกว่า”
อวี๋ลู่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “คุณชายกล่าวได้ถูกต้อง”
ชุยฉาน “พูดต่อสิ”
อวี๋ลู่หยุดคิดเล็กน้อย
ชุยฉานจึงถามยิ้มๆ “ไม่อย่างนั้นให้ข้าช่วยพูดแทนเจ้าดีไหม?”
อวี๋ลู่ยิ้มเจื่อน “ขอแค่ข้าไม่ตาย วันหน้าเฉินผิงอันก็จะรู้สึกว่าติดค้างข้าหนึ่งครั้ง”
อวี๋ลู่ตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่กล้าเพ้อฝันว่าตนจะสามารถตบตาอีกฝ่ายได้ ได้แต่แข็งใจกล่าวต่อว่า “ก่อนหน้านี้คุณชายเคยบอกว่านิสัยของข้ากับเซี่ยเซี่ยห่างจากเฉินผิงอันหนึ่งแสนแปดพันลี้ ดังนั้นชาตินี้จึงไม่มีทางเป็นเพื่อนกับเฉินผิงอันได้ ข้ารู้ว่าที่ท่านพูดมานั้นถูกเกินครึ่ง แต่ลึกๆ ในใจก็ไม่ค่อยจะเชื่อนัก ต่อให้ตอนนี้คุณชายจะยืนอยู่ตรงหน้าข้า ข้าก็ยังขอยืนยันด้วยคำพูดที่อาจฟังดูไม่เคารพนั้นว่า ข้าต้องลองดู หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณชายเป็นฝ่ายผิดย่อมดีที่สุด”
อวี๋ลู่ลุกขึ้นยืน พูดอย่างคนยอมรับชะตากรรม “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณชายที่จากไปแล้วจะย้อนกลับมา คุณชายโปรดลงโทษ”
ชุยฉานยื่นมือทำท่ากดลงด้านล่าง “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว ทำได้งดงามยิ่งนัก ข้ามีข้ารับใช้แบบเจ้า ดีใจยังแทบไม่ทัน จะลงโทษได้อย่างไร”
อวี๋ลู่นั่งลงอย่างสง่างาม
นี่น่าจะเป็นข้อที่แตกต่างที่สุดระหว่างเขากับเซี่ยเซี่ย
เด็กสาวคนนั้นก็ฉลาดเหมือนกัน เพียงแต่หลายสิ่งที่นางต้องการล้วนเป็นสิ่งที่ไม่อาจช่วงชิงมาครอบครองได้ชั่วชีวิต หันกลับมามองเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้นี้ ไม่ว่าอะไรก็ล้วนวางลงได้ หยิบสิ่งใดขึ้นมา สิ่งนั้นก็ไม่หนักหนาเกินไป อีกทั้งยังไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่ของชุยฉาน ดังนั้นจึงมีชีวิตที่ผ่อนคลายมากกว่า
ชุยฉานราชครูต้าหลีได้รับการยอมรับจากผู้คนว่ามีวิชาหมากล้อมเลิศล้ำถึงขีดสุด
ตลอดเวลายาวนานที่อวี๋ลู่และเซี่ยเซี่ยได้อยู่กับเด็กหนุ่มชุดขาวมา อันที่จริงแล้วแทบไม่มีช่วงเวลาไหนที่ไม่ได้เล่นหมากล้อมด้วยกัน เวลาเล่นหมากล้อมเซี่ยเซี่ยจริงจังเกินไป กลับทำให้ชุยฉานรู้สึกว่าอีกฝ่ายโง่เง่าไร้ปัญหา แม้แต่จะชายตามองยังคร้านจะทำ
ส่วนอวี๋ลู่นั้นที่แค่กระตุ้นสติปัญญาของเขาในจุดเล็กน้อยที่ไม่มีความสำคัญใดๆ เล่นหมากล้อมรูปแบบเล็กที่ชุยฉานเล่นรู้สึกเบื่อหน่ายมานานอยู่หลายครั้ง กลับพอจะทำให้ชุยฉานพยักหน้ารับด้วยรู้สึกว่าไม่เลวอยู่ได้บ้าง
ภาระในใจของเซี่ยเซี่ยหนักอึ้งเกินไป มองอนาคตไกลเกินไป ทว่าแท้จริงแล้วนางกลับยืนยัดยึดมั่นอย่างน่าเลื่อมใส แต่การที่นางเพิ่งจะหนีพ้นเงื้อมมือของเหนียงเนียงต้าหลีมาได้ แล้วดันกลายมาเป็นหุ่นเชิดของชุยฉานกลับเป็นความโชคร้ายอย่างใหญ่หลวงของนาง
ส่วนอวี๋ลู่นั้นกลับมองจิตใจของคนอันเป็นส่วนละเอียดอ่อนที่อยู่ใกล้ตัวได้ชัดเจนที่สุด สิ่งที่เขาต้องการนั้นมีไม่มาก จึงมีชีวิตที่ผ่อนคลายมากกว่า
“ใบไม้ร่วงสีทอง” ลักษณะคล้ายรวงข้าวสาลีบินออกมาจากชายแขนเสื้อของชุยฉาน แล้วบินล้อมรอบตะเกียงไฟอย่างรวดเร็ว
อวี๋ลู่ถามยิ้มๆ โดยที่สีหน้ายังไม่เปลี่ยน “คุณชายเดินเข้ามาในสำนักศึกษาทั้งอย่างนี้ ไม่กลัวว่าตัวตนจะเปิดเผยหรือ?”
ชุยฉานจ้องมองกระบี่บินเล่มนั้นอย่างตั้งใจพลางเอ่ยเสียงเบา “ใช้การฆ่าหยุดการฆ่า ใช้ความชั่วร้ายสยบความชั่วร้าย เจ้าคงรู้กระมัง?”
อวี๋ลู่พยักหน้ารับ
ดวงตาของชุยฉานจ้องนิ่งไปยังวงโคจรสีทองที่กระบี่บินสร้างขึ้น เนื่องจากเส้นแสงเหล่านั้นพุ่งบินเร็วเกินไป ความเร็วในการสลายหายไปของปราณกระบี่จึงอยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบเคียงกับความเร็วในการก่อเกิดได้ พวกมันรัดพันเข้าด้วยกัน สุดท้ายกลายเป็นลูกกลมสีทองลูกหนึ่ง ตำแหน่งตรงกลางสุดก็คือตะเกียงดวงนั้น
ชุยฉานกล่าว “หลักการเดียวกัน ให้เหตุผลที่มองดูเหมือนเหลวไหลก็ต้าสุย ข้อเดียวไม่พอก็สองข้อ ขอแค่เรื่องผิดพลาดไม่ทำเกินสามครั้ง สองครั้งก็น่าจะกำลังดี”
อวี๋ลู่สองจิตสองใจ ก่อนจะยิ้มขื่น “คนแรก ควรเปลี่ยนมาเป็นข้าดีหรือไม่?”
ชุยฉานปรายตามองมาที่เขา “บุรุษควรถนอมสตรีงั้นรึ?”
อวี๋ลู่ถอนหายใจหนึ่งที แล้วไม่พูดอะไรอีก
ชุยฉานพูดยิ้มๆ “เจ้ามองเห็นได้ชัดเจน เพราะว่าอยู่ใกล้เกินไป แต่จงจำเอาไว้ว่า หนึ่งใบไม้บังตา สิ่งที่เห็นก็มีเพียงลวดลายทั้งหมดของใบไม้หนึ่งใบเท่านั้น”
ชุยฉานร้อนใจอย่างหนัก สุดท้ายจึงหลับตาลงอีกครั้ง ลองพยายามหยั่งเชิงไปอีกรอบ เพียงแต่ว่าคราวนี้เพิ่มชื่อของ “เฉินผิงอัน” กับ “หลี่เป่าผิง” สองคนเข้าไปด้วย
ครู่หนึ่งต่อมาธูปก้านที่อยู่ในกระถางก็เผาไหม้จนหมดด้วยเวลาเร็วสุดขีด
คราวนี้กลับเป็นชุยฉานที่ต้องเงียบงัน
เขาตีหน้าเคร่งหมุนกายจากไป
ตอนที่ออกจากประตู นับแต่นาทีที่เท้าของเขาข้ามธรณีประตูนั้นมาก็กลายเป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตเก้าไปแล้ว
ขอบเขตเพิ่มสูงจากเดิมสี่ขอบเขตเต็ม ไม่ใช่แค่ขอบเขตที่แปดประตูมังกรอย่างที่ชุยฉานขอไว้ตอนแรก
แต่เป็นขอบเขตโอสถทองที่ ‘เมื่อใดใครสร้างโอสถทองสำเร็จ เมื่อนั้นผู้นั้นคือผู้อาวุโสของข้า’!
ชุยฉานหยุดเท้าอยู่ด้านนอกธรณีประตู เงยหน้ามองเหม่อไปยังท้องนภา
แต่เพียงไม่นานชุยฉานก็กลับมามีสีหน้าไม่ยี่หระสังคมดังเดิม เขาทำท่าเอานิ้วจิ้มสองตาตัวเองแล้วเดินหน้าต่อ “ในอดีตที่นับถือเจ้าเป็นอาจารย์ ถือว่าข้าชุยฉานตาบอด นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าผู้อาวุโสชื่อว่าชุยตงซาน เป็นศิษย์ของเฉินผิงอันคนเดียวเท่านั้น!”
กลางฝ่ามือพลันเจ็บปวดแสบปร่า และความเจ็บนี้ก็ส่งตรงไปถึงจิตวิญญาณ
ทำเอาชุยฉานปวดจนร่างสะท้านเยือก จากนั้นเขาก็ออกวิ่งไปไกล จนกระทั่งวิ่งไปถึงยอดเขาถึงยอมหยุด
ชุยฉานอ้าปากหอบอากาศเย็นๆ เข้าปอดคำใหญ่ ยืนสะบัดแขนแรงๆ อยู่กับที่ ร่างชักกระตุกสั่นสะท้านไปหมด
ทำเอานักเรียนของสำนักศึกษาที่นอนไม่หลับจึงออกมาชมวิวบนยอดเขามองตาค้าง ในใจคิดว่าเจ้านี่เป็นโรคลมบ้าหมูหรือไร?
ชุยฉานแยกเขี้ยว หันไปคำรามเดือดใส่เจ้าคนที่ตาไม่มีแววผู้นั้น “ไสหัวไป ไม่อย่างนั้นข้าผู้อาวุโสจะเย่อแม่เจ้า!”
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!