ตอน ตอนที่ 168.2 จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 168.2 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
หลี่ไหวส่ายหน้า “เฉินผิงอันน่ะหรือ เขาคือหนึ่งในสหายที่ดีที่สุดของข้า เหมือนกับอาเหลียง แต่เขาไม่ใช่พี่เขยของข้า อันที่จริงอายุของเขากำลังนี้ แต่หลี่หลิ่วไม่คู่ควรกับเขา”
สตรีแต่งงานแล้วตบอีกป้าบ “อะไรคือหลี่หลิ่วไม่คู่ควรกับเขา ใครเขาพูดถึงพี่สาวแบบเจ้าบ้าง? พี่สาวเจ้ามีตรงไหนที่ไม่ดี หน้าตาก็งดงาม นิสัยหรือก็ไม่เลว แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นภรรยาที่ช่วยเหลือสามีอบรมสั่งสอนบุตร เห็นชัดๆ ว่าแต่งให้ใคร คนนั้นย่อมไม่ขาดทุน”
ชายฉกรรจ์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าเหยเก
หลี่ไหวพูดจาเหลวไหลด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าพูดเรื่องจริงนี่นา ท่านดูพี่สาวข้าสิ หน้าตาก็…พอดูได้ แต่หากเป็นชาติกำเนิด เฮ้อ พูดถึงเรื่องนี้แล้วข้าก็เศร้าใจนัก”
กล่าวมาถึงตรงนี้ เด็กชายก็คลี่ยิ้ม “แต่พวกเราเลือกไม่ได้ว่าพ่อแม่ควรเป็นใคร อีกอย่างครอบครัวเราอาจจะยากจนไปสักหน่อย แต่ท่านพ่อท่านแม่ต่างก็ดีมาก มีครั้งหนึ่งเฉินผิงอันไปอึกับข้าบนภูเขา พวกเราสองคนพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย เฉินผิงอันบอกว่าพ่อแม่ของเขาจากไปเร็ว บอกให้ข้าเห็นความดีของพวกท่านให้มาก ตอนแรกข้าก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ นึกแค่ว่าเขาคงอึไม่ออกเลยหาเรื่องชวนข้าคุย ภายหลังเดินทางมาพร้อมกับเฉินผิงอันถึงได้รู้ว่าเขาพูดจากใจจริง จะบอกอะไรให้นะ ข้ากับเฉินผิงอันสนิทกันนักล่ะ พวกท่านเองก็รู้ว่าข้ากลัวผีที่สุด ตอนกลางคืนมักจะทนไม่ไหว ต้องลากเฉินผิงอันมานอนด้วย เขาไม่เคยบ่นรำคาญข้า จริงๆ นะ ไม่แม้แต่จะคิดในใจว่าข้าน่ารำคาญเลยด้วยซ้ำ คนแบบนี้ พี่สาวข้าไม่คู่ควรหรอก”
สตรีแต่งงานแล้วแค่นเสียงพูด “ไปฉี่ไปอึเป็นเพื่อนเจ้าก็เป็นคนดีมากแล้วรึ”
หลี่ไหวเริ่มนับนิ้ว “นอกจากเรื่องนี้ เฉินผิงอันยังทำหีบหนังสือใบเล็ก ถักรองเท้าสาน ทำกับข้าวซักผ้าให้ข้า ช่วยข้าเลี้ยงลา เวลาข้าไม่สบาย กลางดึกค่อนคืนเขาก็ยังวิ่งไปบนภูเขาหลายสิบลี้เพื่อเก็บสมุนไพรมาต้มยาให้ข้า จ่ายเงินซื้อหนังสือ ซื้อปิ่นหยกให้ข้า สอนวิชาหมัด บอกข้าว่าวันหน้าต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ เวลาเกิดเรื่องไม่เคยด่าข้า กลับกันยังช่วยเหลือข้า คอยขวางอยู่เบื้องหน้า อัดพวกสารเลวพวกนั้นจนน่วม…นับไม่ถ้วนเลยล่ะ ข้าเองก็อยากได้เขามาเป็นพี่เขย ขนาดฝันยังอยากเลย”
สตรีแต่งงานแล้วอึ้งค้าง
ชายฉกรรจ์มองบุตรชายที่ท่าทางสดใสมีชีวิตชีวาจนไม่คุ้นตาก็ถอนหายใจอย่างปลงอนิจจัง แต่ที่มากกว่านั้นกลับเป็นความยินดี
สตรีแต่งงานแล้วยิ้มพลางหยิบรองเท้าผ้าคู่หนึ่งออกมา “รองเท้าคู่นี้พี่สาวเจ้าเป็นคนเย็บให้ ต้องใส่สบายกว่ารองเท้าสานแน่นอน”
หลี่ไหวถอนหายใจ
สตรีแต่งงานแล้วถามอย่างฉงน “เป็นอะไร?”
หลี่ไหวมองมารดาด้วยสายตากลัดกลุ้ม “ทำไมพวกท่านไม่คลอดพี่สาวให้มากสักหน่อย เอาที่หน้าตาดีกว่านี้ ข้าจะได้มอบให้เฉินผิงอัน ถ้าเป็นอย่างนั้นวันหน้าข้าคิดจะเรียกเขาว่าพี่เขยหรืออาจารย์อาน้อยก็ได้หมด”
สตรีแต่งงานแล้วบิดหูลูกชาย “มีใครเขาเหยียดหยามพี่สาวตัวเองอย่างเจ้าบ้าง ข้าโมโหจะตายอยู่แล้วนะ!”
เด็กสาวยิ้มจนดวงตาหยีเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
นางรักใคร่เอ็นดูน้องชายที่นิสัยเกเรไร้กฎเกณฑ์ผู้นี้มาตั้งแต่เด็กจากใจจริง
อีกอย่างนางเองก็รู้ว่า ไม่ว่าน้องชายจอมดื้อของนางคนนี้จะพูดจาไม่ดีต่อตนอย่างไร แต่หลี่ไหวก็ดีกับนางมากๆ เพียงแต่คนนอกไม่รู้ก็เท่านั้น
“เด็กสองคนในบ้านเจ้า ลูกสาวมีพรสวรรค์ ลูกชายมีโชควาสนายิ่งใหญ่”
นี่ก็คือถ้อยคำที่หยางเหล่าโถวพูดออกมาด้วยตัวเองเมื่อครั้งที่บิดาของนางทำงานอยู่ในร้านยาตระกูลหยาง แน่นอนว่ายังมีอีกครึ่งประโยคที่เด็กสาวฟังแล้วก็ลืมทันที “ยังมีภรรยาปากร้ายที่ด่าฟ้าด่าดินด่ายมบาลอีกคนหนึ่ง ซึ่งนับเป็นความโชคร้ายของเจ้าหลี่เอ้อร์”
เสียงฝีเท้าดังมาจากหน้าประตู
เด็กชายบุคลิกเย็นชาแต่หน้าตาหล่อเหลาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าประตู เขายืนอึ้งค้าง จากนั้นก็หน้าแดงก่ำอย่างที่ไม่ค่อยเป็นบ่อยนัก
หลี่ไหวกลัวว่าเรื่องจะไม่ยุ่งมากพอ จึงมองหลินโส่วอีแล้วชี้มาที่พี่สาวตัวเองพลางหัวเราะร่าเสียงดัง “หลี่หลิ่วพี่สาวข้า นางมาเยือนถึงบ้านด้วยตัวเองเพื่อเตรียมตัวเป็นภรรยาให้เจ้า”
สตรีแต่งงานแล้วมองหลินโส่วอีอย่างถูกชะตา ท่าทางทรงภูมิมีความรู้ ไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่เพราะเป็นลูกของขุนนางตระกูลร่ำรวย บางครั้งที่เขามาเยือนที่บ้าน แม้ว่าจะพูดไม่มาก แต่ก็เคารพนอบน้อมต่อนาง แล้วก็ไม่รังเกียจที่บ้านของพวกเขายากจน อีกทั้งสตรีแต่งงานแล้วยังมีความรู้สึกอันดีต่อคนเรียนหนังสือมาโดยตลอด มักรู้สึกว่าวันหน้าหากลูกสาวจะแต่งงาน ต้องให้แต่งกับตระกูลบัณฑิตผู้มีความรู้ ต่อให้บ้านของลูกเขยไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร
หลี่ไหวยืนอยู่บนม้านั่งตัวยาว พูดจาหยอกเย้า “หลินโส่วอี เจ้ามานั่งข้างพี่สาวข้าสิ จะอย่างไรซะวันหน้าก็ต้องเป็นคนครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว”
สตรีแต่งงานแล้วบิดเนื้อลูกชาย “ห้ามพูดเหลวไหลนะ”
หลินโส่วอีสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง แน่นอนว่าเขาไม่กล้าไปนั่งข้างกายเด็กสาว หลังจากทักทายพ่อแม่ของหลี่ไหวอย่างมีมารยาทแล้วก็นั่งลงตรงข้ามเด็กสาวทั้งที่ยังอุ้มตำราไว้ในอ้อมอก
บิดาเขาไม่มีความสามารถใด แต่สิ่งใดที่ชั่วชีวิตนี้บิดาเขาหามาได้ก็ล้วนยกให้เขาหลี่ไหวหมดแล้ว
ตอนนี้หลี่ไหวรู้สึกว่าไม่ว่าบิดาจะทำอะไร ก็ล้วนไม่น่าอาย
เฉินผิงอันที่ไม่ค่อยเต็มใจจะพูดเล่นเรื่อยเปื่อยกับเขาและหลินโส่วอีเคยสอนหลักการทำนองเดียวกันนี้แก่หลี่ไหว อีกทั้งเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำให้หลี่ไหวที่รับฟังอย่างไม่เห็นเป็นสำคัญพอจะเข้าใจอยู่ในใจได้คร่าวๆ อาเหลียงเองก็เคยพูดกับหลี่ไหวโดยไม่ได้ตั้งใจว่า คนมีเงินให้เงินเจ้าหนึ่งพันตำลึงเงิน กับเฉินผิงอันที่ให้เงินเจ้าสิบตำลึงเงิน ใครที่หวังดีกับเจ้ามากกว่ากัน จงตรองดูเอาเอง หากเจ้าเกิดความซาบซึ้งใจในบุญคุณของฝ่ายแรกมากกว่า ย่อมได้ นั่นเป็นเพราะเจ้ายังเด็ก ความรู้มีไม่มาก จึงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่หากเจ้าทำเมินมองไม่เห็นฝ่ายหลัง นั่นก็แสดงว่าเจ้าไร้น้ำใจ เจ้าโง่
มองชายที่ยุ่งวุ่นวายกับการรับรองแขกด้วยรอยยิ้มเซ่อซ่า หลี่ไหวก็พลันรู้สึกเจ็บแปลบในใจ จึงเปิดปากบอกให้เขาพักผ่อนสักครู่
แรกเริ่มชายฉกรรจ์คิดว่าเป็นเพราะตนทำอะไรไม่พิถีพิถันมากพอ แต่พอเห็นสายตาของบุตรชาย รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้หมายความเช่นนั้น ก็ยิ้มแล้วไปยืนอยู่ข้างๆ อยากจะนั่งยองลงกับพื้นก็รู้สึกอีกว่าทำอย่างนั้นออกจะหยาบกระด้างเกินไป ย่อตัวลงไปได้ครึ่งหนึ่งจึงรีบลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เห็นบุตรชายหันหลังให้อาจารย์ทั้งสองทำหน้าทะเล้นใส่ตน ชายฉกรรจ์จึงยิ้มซื่อๆ ส่งกลับ ถูมือตัวเองไปมา เดิมทีเขายังตื่นเต้นกับการรับรองอาจารย์ของบุตรชายตัวเองอยู่บ้างจริงๆ แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว
พูดคุยกันจบ อาจารย์สองท่านก็จากไป เพราะตอนบ่ายยังมีสอน หนึ่งครอบครัวสี่คนกับหลินโส่วอีอีกหนึ่งคนพากันเดินไปส่งถึงนอกประตู
ตอนบ่ายหลี่ไหวมีเรียน แต่เด็กชายบอกว่าวันนี้จะอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ เขารับรองว่าพรุ่งนี้จะเริ่มเรียนหนังสืออย่างตั้งใจและขยันมากกว่าเดิม หนังสือไม่มีขาให้เดินหนี ความรู้ในท้องของพวกอาจารย์ก็หายไปไหนไม่ได้ ขอแค่ตั้งใจอ่านหนังสือต้องตามทันแน่นอน ทว่าพ่อแม่อยู่ในสำนักศึกษาแค่ไม่กี่วัน ต้องอยู่เป็นเพื่อนให้มากหน่อย
ถ้อยคำรู้ความว่าง่ายนี้ทำให้สตรีแต่งงานแล้วฟังอย่างเหม่อลอย มองเด็กชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังแล้วนางก็ร้องไห้โฮทันที จากนั้นก็หันไปเตะต่อยทุบตีชายฉกรรจ์อุตลุด ตำหนิที่เขาต้องเดินทางไปไกลถึงขนาดนั้น ทิ้งบุตรชายให้ลำบากอยู่ที่นี่คนเดียว
แน่นอนว่าชายฉกรรจ์ยอมรับหายนะที่บินมาหากะทันหันครั้งนี้ไว้เงียบๆ อย่างเต็มใจ
หลินโส่วอีปลุกความกล้าตัวเองถามหลี่หลิ่วเสียงเบาว่าอยากไปดูหอหนังสือด้วยกันหรือไม่ บอกว่าหนังสือที่เก็บไว้ในสำนักศึกษาแห่งนี้มีเยอะที่สุดในราชวงศ์ต้าสุย
เด็กสาวส่ายหน้ายิ้มๆ บอกว่านางอยากอยู่กับน้องชายมากกว่า
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!