ทั่วทั้งบุรพแจกันสมบัติทวีป เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเก้ามีน้อยกว่าผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสิบอยู่มาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการที่ต้าหลีมีซ่งจ่างจิ้งปรากฎถึงได้สร้างความสะท้านสะเทือนไปทั่วทิศ
ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเก้าแทบจะหล่อหลอมเรือนกายและจิตวิญญาณได้ถึงขั้นสูงสุดของโลกมนุษย์ ถูกขนานนามว่าหมื่นอาคมไม่อาจรุกราน แม้เหมาเสี่ยวตงจะรู้ว่าไม่ได้เกินจริงอย่างที่เล่าลือกันภายนอก แต่จะอย่างไรซะนักพรตห้าขอบเขตบนก็ยังมีวิชาอภินิหารที่ยิ่งใหญ่ มีพละกำลังมากจนสามารถย้ายภูเขา โกรธที่ก็สามารถพลิกคว่ำมหาสมุทร ทว่าหากดูแค่การต่อสู้ร้ายแรงถึงตายระหว่างซ่งจ่างจิ้งอ๋องเจ้าแคว้นที่เลื่อนสู่ขอบเขตกับบรรดานักพรตยอดฝีมือแล้ว เขาเหมาะกับคำเรียกขานนี้อย่างแท้จริง เพราะอย่างไรซะนักพรตห้าขอบเขตบนที่ทำตัวเหมือนมังกรเทพซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆก็หาตัวจับได้ยากยิ่ง
ชุยตงซานหัวเราะเฮอๆ พลางเอ่ยแนะนำ “อาจารย์เฒ่าผู้นี้มีชื่อว่าเหมาเสี่ยวตง อดีตศิษย์น้องของฉีจิ้งชุน ตอนนี้คือรองเจ้าขุนเขาที่จัดการเรื่องราวต่างๆ ในสำนักศึกษาซานหยา”
เดิมทีหลี่เอ้อร์ไม่คิดจะปรายตามองผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ที่ตรงเอวห้อยไม้บรรทัดไว้ แต่พอได้ยินประโยคนี้ก็รีบคลี่ยิ้มทันที “อาจารย์เหมา ข้าคือบิดาของหลี่ไหว”
ผู้เฒ่าตะลึงงัน ชุยตงซานเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน ด้วยนิสัยประหลาดโผงผางหัวแข็งของหลี่เอ้อร์ ต่อให้ปากไม่เอ่ยตำหนิสำนักศึกษาซานหยา แต่ในท้องย่อมต้องมีความไม่พอใจกักเก็บเอาไว้ เพราะอย่างไรซะทางสำนักศึกษาก็ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างกับมรสุมครั้งนี้ มองดูเหมือนเป็นคนกลางที่ไม่เข้าข้างใคร แต่แท้จริงแล้วค่อนไปทางไม่มีน้ำใจเสียมากกว่า อย่าว่าแต่คนในเหตุการณ์อย่างพวกหลี่เป่าผิงเลย แม้แต่นักเรียนของสำนักศึกษาเดิมในต้าหลีที่ติดตามเหมาเสี่ยวตงมาด้วยในเวลานั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์เฒ่าถึงไม่ออกหน้าทวงความเป็นธรรม ขอคำอธิบายจากราชสำนักต้าสุย
เหมือนกับฉีจิ้งชุนที่เคยเป็นผู้บัญชาการณ์ถ้ำสวรรค์หลีจูที่ตกอยู่ในทางตัน ไม่มีความเป็นไปได้ที่เขาจะจากมาโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ฮ่องเต้สกุลซ่งต้าหลีจะไม่ได้ซ้ำเติมฉีจิ้งชุน แต่ก็ไม่กล้าเสนอความคิดเห็นใดๆ ต่อขั้วอำนาจเหล่านั้น หลังจบเรื่องจึงทำให้เหล่าบัณฑิตที่จบไปจากอดีตสำนักศึกษาซานหยารู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง
หลี่เอ้อร์ยิ้มอย่างสง่างาม “ตอนอยู่เมืองเล็ก มีครั้งหนึ่งอาจารย์ฉีไปดื่มเหล้ากับข้า แล้วพูดถึงอาจารย์เหมา บัณฑิตที่อาจารย์ฉีให้การยอมรับ ข้าหลี่เอ้อร์จึงรู้สึกว่าต้องเป็นบัณฑิตที่แท้จริง ดังนั้นเรื่องในครั้งนี้ ข้าเชื่อว่าท่านอาจารย์ผู้เฒ่าที่ต้องดูแลสำนักศึกษาขนาดใหญ่แบบนี้ต้องมีความลำบากใจของตัวเอง ข้าหลี่เอ้อร์ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อน แต่เหตุผลเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ก็ยังพอจะเข้าใจอยู่บ้าง”
ดูท่าเวลาอยู่นอกบ้าน ชายฉกรรจ์ท่าทางกระด้างเรียบง่ายคนนี้จะไม่ใช่น้ำเต้าตันที่แท้จริง
น่าจะเป็นเพราะคนนอกที่สามารถทำให้เขาเปิดปากพูดได้จะมีไม่มากก็เท่านั้น
และเห็นได้ชัดว่าเหมาเสี่ยวตงได้พึ่งใบบุญของฉีจิ้งชุนศิษย์พี่ของเขา
ผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ถอนหายใจหนึ่งที กล่าวอย่างจนใจ “ข้าละอายใจมิกล้ารับคำชม”
หลี่เอ้อร์กล่าวตามมารยาทจบก็เริ่มหันมองไปรอบด้าน สายตาแหลมคมเหมือนกระแสน้ำขึ้นที่ไหลทะลักออกไป เมื่อกระแสน้ำทะลักทลาย บางจุดจึงมีลูกคลื่นโถมตัวขึ้น มองคล้ายเสาหินที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำ ทว่าไม่นานก็ลดตัวลงต่ำด้วยความหวาดหวั่นอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบเลี่ยงประกายคมกริบ ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสิบนามว่าไช่จิงเสินที่อยู่ใกล้กับภูเขาตงหัวมากที่สุดก็เป็นคนหนึ่งในนั้น
หลี่เอ้อร์พบสิ่งปลูกสร้างโอ่อ่ากินอาณาบริเวณกว้างขวาง กำแพงแดงหลังคากระเบื้องสีเขียว ปราณมังกรเข้มข้น มีกลิ่นอายตามแบบฉบับของที่พักเชื้อพระวงศ์
เหมาเสี่ยวตงเอ่ยถาม “เจ้าคิดจะหาคนมาพูดคุยเหตุผล?”
เดิมทีหลี่เอ้อร์กำลังจะไปจากภูเขาลูกนี้แล้ว แต่พอผู้เฒ่าเปิดปาก เขาก็หยุดการโคจรลมปราณในร่างกาย พยักหน้ารับ “จะไปหาฮ่องเต้ต้าสุยโดยตรงเลย หากเขาพูดง่ายก็จะบอกให้เขาเชิญพวกตระกูลฉู่หนานซี ตระกูลพลเอกหัน ฮวายหย่วนโหวอะไรพวกนั้นออกมา ข้าไม่รังแกคนอื่น ยังจะรับปากให้พวกเขาส่งคนที่สู้เก่งที่สุดในตระกูลออกมา จะมาทีละคนหรือมาพร้อมกันก็เอาตามที่พวกเขาสบายใจ”
สีหน้าของชายฉกรรจ์ร่างเล็กเตี้ยกำยำนิ่งขรึม น้ำเสียงราบเรียบอย่างถึงที่สุด
ชุยตงซานจุ๊ปากไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าเขารอชมเรื่องสนุก ไม่กลัวว่าท้องฟ้าจะถูกเจาะให้เป็นรู
เหมาเสี่ยวตงปวดหัวแปลบ คิดจะพูดเกลี้ยกล่อม แต่ชายฉกรรจ์กลับแสยะยิ้มเผยฟันขาวสะอาดราวหิมะ “หากฮ่องเต้ต้าสุยพูดยาก นั่นก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ อธิบายเหตุผลก็มีวิธีของการต่อยตีแบบมีเหตุผล ไม่อธิบายเหตุผลก็มีวิธีต่อยตีแบบไร้เหตุผล วันนี้ข้าหลี่เอ้อร์ไม่รื้อวังหลวงต้าสุยครึ่งหนึ่ง วันหน้าก็จะเปลี่ยนแซ่ตามฮ่องเต้สกุลเกา”
น้ำชั่วร้ายในท้อง (เปรียบเปรยกับความคิดที่ไม่ดี ความคิดที่ชั่วร้าย) ของชุยตงซานกระเพื่อมรัว เอ่ย “เตือนด้วยความหวังดี” อย่างมีเจตนาแอบแฝงอยู่ข้างๆ “แม้ว่าค่ายกลปกป้องเมืองของเมืองหลวงต้าสุยจะสามารถป้องกันศัตรูภายนอกรุกรานเมืองหลวงได้อย่างแข็งแกร่ง แต่กับภายในแล้วกลับธรรมดามาก อานุภาพก็ห่างชั้นเกินกว่าจะเทียบเคียงกับหอป๋ายอวี้จิงของต้าหลีที่ได้ทั้งรุกและรับได้ แต่จะอย่างไรซะที่นี่ก็คือใจกลางของต้าสุย วังหลวงก็ยิ่งเป็นสถานที่ที่สำคัญในสถานที่ที่สำคัญ ต่อให้เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวที่มีขอบเขตเก้าขั้นสูงสุด แต่หากบุกเข้าไปในวงล้อมก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะสามารถถอยออกมาได้อย่างปลอดภัย”
หลี่เอ้อร์กระตุกมุมปาก จ้องมองเด็กหนุ่มชุดขาวด้วยสายตามืดทะมึน “นั่นเป็นเรื่องที่ข้าควรเป็นกังวล เจ้าไม่ต้องเป่าลมชั่วร้ายพวกนี้ใส่หูข้าหลี่เอ้อร์ เจ้าไม่ใช่เมียข้าเสียหน่อย นางสามารถเป่าหูอยู่ข้างหมอนข้า แต่เจ้าล่ะเป็นตัวอะไร คำพูดไม่น่าฟังเอามาเอ่ยกันก่อน ข้าไม่สนใจแผนการไร้ยางอายของพวกเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะเห็นข้าเป็นคนโง่ได้”
ชุยตงซานยิ้มตาหยี “ปัดโธ่ ใจหวังดีกลับถูกมองเป็นตับลาเสียได้ นายท่านใหญ่หลี่เอ้อร์จะอารมณ์ดียังไง จะทำแบบไหน ข้าไม่สนแล้วก็ได้”
หลี่เอ้อร์กล่าวยิ้มๆ “แต่ว่ายังต้องรบกวนให้เจ้าบอกหลี่ไหวสักคำ บอกว่าบิดาของเขาออกไปซื้อของให้พวกเขาสามแม่ลูก ดึกหน่อยถึงจะกลับมาสำนักศึกษา”
เหมาเสี่ยวตงกล่าวอย่างเป็นกังวล “ช้าก่อน บอกตามตรง มรสุมในครั้งนี้ ข้ามีจุดประสงค์แอบแฝง โดยหวังว่าจะใช้โอกาสนี้มอบสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้เด็กๆ เล่าเรียนอย่างสบายใจได้อย่างแท้จริง ไม่ต้องการให้ความขัดแย้งระหว่างต้าหลีและต้าสุยเกี่ยวพันมาถึงสำนักศึกษาซานหยา ใจคนแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เดิมทีข้าวางแผนไว้ว่าอีกไม่นานจะเดินทางไปวังหลวงด้วยตัวเองสักรอบ เพื่อขอฟังคำตัดสินสุดท้ายจากฮ่องเต้สกุลเกา…”
หลี่เอ้อร์โบกมือ “อาจารย์ผู้เฒ่า นั่นเป็นเรื่องของสำนักศึกษาพวกเจ้า ข้าไม่สน ข้าไปวังหลวงครั้งนี้เป็นเรื่องในครอบครัวของข้าหลี่เอ้อร์ เอาเป็นว่าข้ารับปากว่าจะไม่นำปัญหามาให้สำนักศึกษา ข้อนี้อาจารย์ผู้เฒ่าวางใจได้”
เหมาเสี่ยวตงยิ้มเจื่อน “คำพูดนี้อาจไม่น่าฟัง แต่ยิ่งเจ้าก่อเรื่องวุ่นวายในวังหลวงได้ใหญ่โตเท่าไหร่ อันที่จริงกลับยิ่งเป็นการดีต่อสำนักศึกษามากเท่านั้น ทว่าเจ้าบุกเข้าไปในวังหลวงของราชวงศ์แห่งหนึ่งเพียงลำพัง มันอันตรายเกินไป หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้วิธีที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้ หากเป็นไปได้ก็ให้รองเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาอย่างข้าไปพูดคุยกับฮ่องเต้ต้าสุยให้รู้เรื่องด้วยตัวเอง ให้เขากำราบตระกูลเหล่านั้น ถ้าถึงเวลานั้นแล้วเจ้าหลี่เอ้อร์ยังไม่พอใจค่อยลงมือก็ยังไม่สาย ตกลงไหม?”
หลี่เอ้อร์ส่ายหน้า “ความหวังดีของอาจารย์ผู้เฒ่า ข้าหลี่เอ้อร์รับไว้แล้ว แต่เมื่อครู่นี้ข้าก็บอกแล้วว่านี่เป็นเรื่องในบ้านของข้า ในฐานะของผู้นำครอบครัว…”
หลี่เอ้อร์รีบหยุดปาก เปลี่ยนมาพูดว่า “ในฐานะผู้ชายในบ้าน บิดาของหลี่ไหว เรื่องที่ข้าสามารถแก้ไขได้โดยอาศัยหมัด ข้าก็จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่คิดถึงอะไรมากมายขนาดนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!