กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 170

กระบี่จงมา – ตอนที่ 170.3 ปรมาจารย์ใหญ่ที่ดื่มสุรารสเลิศ
บทที่ 170.3 ปรมาจารย์ใหญ่ที่ดื่มสุรารสเลิศ
โดย
ProjectZyphon
นักเล่านิทานได้ยินมาถึงตรงนี้ ในที่สุดก็เปิดปากพูดยิ้มๆ “ครั้งนี้ถือว่าไม่ตีกันก็ไม่รู้จักกัน หลี่ไหวมีบิดาที่มีเหตุผลอย่างเจ้า อีกทั้งการที่หลี่ไหวได้มาเรียนที่เมืองหลวงต้าสุยล้วนเป็นความโชคดีของต้าสุยเรา เป็นเรื่องดี”

หลี่เอ้อร์งึมๆ งำๆ ด้วยความหงุดหงิด “ข้าพูดจาเกรงใจใครไม่เป็น เอาเป็นว่าวันนี้ข้าจะรออยู่ที่นี่ รอจนคนของตระกูลเหล่านั้นออกมาสู้กันสักรอบ ฝ่าบาท ขอแจ้งไว้ก่อนว่า ข้าต้องรีบกลับสำนักศึกษา อย่าให้คนพวกนั้นจงใจถ่วงเวลาข้า ไม่อย่างนั้นเมื่อถึงเวลาก็อย่ามาโทษหากข้าจะไปเยือนพวกเขาทีละบ้าน”

ฮ่องเต้ต้าสุยหันไปขยิบตาให้เหมาเสี่ยวตง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน “กว่าเหรินจะให้คนไปแจ้งเดี๋ยวนี้”

เหมาเสี่ยวตงเดินตามไปด้านหลัง ออกมาจากตำหนักจรุงจิต ทิ้งหลี่เอ้อร์กับนักเล่านิทานไว้ด้วยกัน

ฮ่องเต้ต้าสุยรู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย ขณะที่เดินเคียงไหล่ไปกับผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่บ่นระเบียงก็กล่าวไปด้วยว่า “เหมาเหล่ามีอะไรจะแนะนำข้าหรือไม่?”

เหมาเสี่ยวตงตอบหน้ายิ้ม “ง่ายมาก ให้คนจากตระกูลทั้งหลายที่เป็นพวกต้นเรื่อง ไม่ว่าจะสู้เป็นหรือไม่เป็น…เอาเถอะ อันที่จริงเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่เอ้อร์ก็ไม่มีใครสู้เป็นสักคนเดียว ให้พวกเขาทุกคนเข้าวังมาพร้อมกันแล้วยืนนิ่งๆ ก้มหน้ายอมรับผิดต่อหน้าหลี่เอ้อร์ พยายามทำท่าให้น่าสงสารประมาณว่าต่อให้ถูกตีก็ไม่โต้คืน เรื่องนี้ก็จะจบกันไป ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้เลย ด้วยนิสัยเรียบง่ายซื่อตรงของหลี่เอ้อร์ย่อมไม่มีทางลงมือแน่นอน”

ฮ่องเต้ต้าสุยหยุดเดิน อับอายจนพานเป็นโกรธ “เหมาเหล่า เจ้าบอกมาตามตรง วันนี้เจ้ากำลังรอดูกว่าเหรินขายหน้าอยู่ใช่หรือไม่?”

เหมาเสี่ยวตงส่ายหน้าหัวเราะร่า “บอกตามตรง ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลี่ไหวมีบิดาอย่างเขา หากรู้แต่แรกข้าคงเข้าวังมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทนานแล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ เรื่องในวันนี้ฝ่าบาทย่อมต้องคิดพะวงติดอยู่ในพระทัย ไม่แน่ว่าในอนาคตวันใดอาจพานโกรธไปถึงสำนักศึกษา แบบนั้นคงได้ไม่คุ้มเสีย”

ฮ่องเต้ต้าสุยโกรธจนกลายเป็นขำ “พานโกรธกะผีน่ะสิ กว่าเหรินหรือจะกล้า?”

เหมาเสี่ยวตงพลันหุบรอยยิ้มสนุกสนาน เอ่ยเตือนเสียงเบา “ฝ่าบาท เหมือนดั่งที่ผู้อาวุโสของฝ่าบาทกล่าวไว้ เหตุการณ์ในวันนี้แม้จะเป็นเรื่องไม่ดีที่ทำลายศักดิ์ศรีหน้าตา แต่หากมองไกลไปถึงอนาคตวันข้างหน้า นี่เป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน!”

ฮ่องเต้ต้าสุยยิ้ม “กว่าเหรินไม่ได้เลอะเลือนขนาดนั้น!”

ผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่เอ่ยเย้า “หากฝ่าบาททรงเลอะเลือนจริงๆ ข้าหรือจะกล้าพาพวกนักเรียนมาอยู่ที่ต้าสุย”

ฮ่องเต้ต้าสุยกวักมือเรียกขันทีมาสั่งความ แล้วถามว่า “ครั้งนี้หลี่เอ้อร์ยอมเลิกราง่ายๆ เป็นเพราะแผนการอันแยบยลของเหมาเหล่า ส่วนอาจารย์สองท่านนั้นของหลี่ไหวก็มีคุณความชอบใหญ่หลวง กว่าเหรินไม่พูดตามมารยาทกับเหมาเหล่าแล้ว ต้องให้กว่าเหรินสั่งให้กรมพิธีการตบรางวัลอาจารย์สองคนนั้นหรือไม่?”

เหมาเสี่ยวตงปฏิเสธสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ต้อง!”

ฮ่องเต้ต้าสุยสงสัย “ทำไมล่ะ?”

เหมาเสี่ยวตงกล่าวเสียงหนัก “ฝ่าบาทต้องรู้เรื่องหนึ่ง นี่ก็คือหลักการที่แท้จริงของสำนักศึกษาซานหยาเรา จำเป็นหรือที่ต้องให้ต้าสุยมอบของรางวัล? สิบปีร้อยปีข้างหน้า สำนักศึกษาซานหยาของเราก็ยังจะสืบทอดความรู้ สั่งสอนผู้คนเช่นนี้เพื่อปลูกฝังอบรม ปกป้องเมล็ดพันธ์ปัญญาชนที่แท้จริงให้กับต้าสุย”

ใจของฮ่องเต้ต้าสุยสั่นสะท้าน ราวกับว่าเพิ่งได้รู้จักผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ตรงหน้าเป็นครั้งแรก

นิสัยหวาดระแวงเล็กๆ ของคนเป็นจักรพรรดิที่หลงเหลืออยู่ในใจ ในที่สุดก็สลายเกลี้ยง

ฮ่องเต้ต้าสุยถอยหลังไปหนึ่งก้าว กุมมือคารวะเป็นครั้งที่สองของวัน “เราขอขอบคุณสำนักศึกษาซานหยาแทนแผ่นดินต้าสุยไว้ ณ ที่นี้ก่อนเลย!”

ผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ไม่ได้เบี่ยงหลบการคารวะ แม้มองดูคล้ายจะล้ำเส้นฐานะของตัวเองไปมาก ทว่าเขากลับรับพิธีคารวะที่ยิ่งใหญ่จากกษัตริย์พระองค์หนึ่งเอาไว้ กล่าวด้วยสีหน้าเป็นการเป็นงาน “เหมาเสี่ยวตงน้อมรับไว้แทนสำนักศึกษาซานหยาอย่างเปิดเผย”

……

ตอนที่หลี่เอ้อร์ออกมาจากวังหลวง เขาเดินอยู่กลางระเบียงผนังที่เชื้อพระวงศ์ใช้กับเหมาเสี่ยวตงด้วยความรู้สึกเหมือนว่าถูกผู้เฒ่าข้างกายตลบหลัง จึงอารมณ์บูดไม่น้อย

เหมาเสี่ยวตงเอ่ยยิ้มๆ “ยอมรับผิดก็พอแล้ว เจ้ายังคิดจะต่อยให้พวกเขาต้องถูกหามออกมาจากวังหลวงจริงๆ หรือไง วันหน้าลูกชายเจ้ายังต้องเรียนหนังสืออยู่ที่สำนักศึกษาอีกนาน เงยหน้าไม่เห็นก้มหน้าก็ต้องเห็น ตอนนี้ให้พวกเขาเป็นฝ่ายยอมรับผิดด้วยตัวเอง บวกกับฮ่องเต้ต้าสุยอีกคนที่คิดว่าตัวเองติดค้างน้ำใจของเจ้าหลี่เอ้อร์ครั้งใหญ่เทียมฟ้า ไม่ใช่ว่าดีมากหรอกหรือ?”

หลี่เอ้อร์ถอนหายใจ “แค่คิดว่าพวกนี้คงความจำไม่ดีนัก แถมข้ายังไม่อาจอยู่ในสำนักศึกษาตลอดไป วันหน้าหวังว่าท่านเหมาเหล่าจะให้การดูแลพวกหลี่ไหวมากๆ”

เหมาเสี่ยวตงพยักหน้ารับ “สมควรต้องทำอยู่แล้ว อีกอย่างไม่ใช่ว่ายังมีบุรพาจารย์สกุลเกาของมณฑลอี้หยางผู้นั้นอยู่อีกคนไม่ใช่หรือ?”

ผู้เฒ่าหลังค่อมคนหนึ่งปรากฏกายอยู่ในระเบียงกำแพง ผงกศีรษะคลี่ยิ้ม “ใช่แล้ว หลี่เอ้อร์ครั้งนี้เจ้ายอมถอยหนึ่งครั้ง ต้าสุยย่อมยินดีมอบความจริงใจให้เจ้าเป็นสองเท่าตัว”

หลี่เอ้อร์พยักหน้า “หวังว่าจะเป็นเช่นนี้”

เหมาเสี่ยวตงถามยิ้มๆ “หลี่เอ้อร์ เจ้าที่อยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจูเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเก้าแล้ว เหตุใดถึงยังใช้ชีวิตอัตคัดขัดสนขนาดนั้น? ตอนนี้เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสิบแล้ว อยู่ในสามอันดับแรกของมรรคาแห่งการต่อสู้ในบุรพแจกันสมบัติทวีป อีกทั้งพลังการต่อสู้ต้องนำหน้าซ่งจ่างจิ้งอย่างแน่นอน เจ้าไม่คิดจะบอกคนในครอบครัวบ้างหรือ อย่างน้อยก็ให้พวกเขาได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”

หลี่เอ้อร์ส่ายหน้า “ให้ภรรยาข้าได้สวมเสื้อผ้าสวยๆ สวมกำไลทองปักปิ่นเงิน ให้หลี่หลิ่วมีเครื่องประทินโฉมกองใหญ่ ให้หลี่ไหวได้กินเนื้อปลาเนื้อหมูทุกวันจะดีต่อพวกเขาจริงๆ หรือ? ข้าไม่คิดอย่างนั้น”

เหมาเสี่ยวตงพูดยุแหย่ “แล้วถ้าภรรยากับบุตรชายบุตรสาวเจ้ารู้สึกว่าดีเล่า?”

หลี่เอ้อร์ยังคงส่ายหน้า “มีคนไม่อนุญาตให้ข้าทำเช่นนั้น นี่คือข้อหนึ่ง ส่วนข้อสองคือตัวข้าเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในเมืองเล็ก เอาแค่ญาติพี่น้องทางฝั่งบ้านเดิมภรรยาข้าที่ทำเรื่องชั่วร้ายมาเกือบครบหมดทุกอย่าง ถึงเวลาข้าจะทำอย่างไร? ต่อยพวกเขาให้ตาย? อธิบายเหตุผลกับพวกเขา? เขาจะฟังหรือ? ไม่ใช่ว่าต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่างหรอกหรือ สุดท้ายก็มีแต่ภรรยาข้าที่ต้องเสียใจที่สุด ครอบครัวตัวเองตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนบ้านเดิม แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจู ต่อให้สภาพครอบครัวจะดีก็ไม่ดีไปได้สักเท่าไหร่”

เมื่อเก็บพลังอำนาจที่น่ากริ่งเกรงทั้งหมดลงไป หลี่เอ้อร์สู้ผู้ชายธรรมดาสักคนหนึ่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ บุคลิกไม่มั่นใจ ทว่าสีหน้าเวลาพูดจากลับไม่เหมือนคนไม่เอาถ่านในเมืองเล็กที่จะทำอะไรก็มีแต่ความกระดากอายอีกแล้ว “แม้ว่าจะอยู่ในสถานที่ที่ใหญ่แค่ก้นมาตลอดเวลา แต่ข้าก็ยังพอจะเข้าใจหลักการง่ายๆ แค่นี้ ครอบครัวหนึ่งใช้ชีวิตกันอย่างมั่นคงสงบสุข ไม่มีใครต้องหิวโหย ลูกเมียอยากกินเนื้อก็ได้กินเนื้อ เปรี้ยวปากเมื่อไหร่ข้าก็ได้ดื่มเหล้า แค่นี้ก็ดียิ่งกว่าอะไร”

หลี่เอ้อร์มองไปยังทัศนียภาพของเมืองหลวงที่อยู่นอกกำแพงระเบียง ประโยคหนึ่งที่เขาเก็บไว้ในใจ ไม่ได้พูดมันออกมา

ต่อให้ข้าจะเป็นคนไร้ประโยชน์จริงๆ แต่ตอนนี้ในใจของบุตรชาย ข้าหลี่เอ้อร์คือบิดาคนหนึ่งที่ใช้ได้ ไม่ทำให้เขาต้องอับอายขายหน้า พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากข้าหลี่เอ้อร์รู้เรื่องนี้แล้ว ข้ามีความสุขมากแค่ไหน?

พอหลี่เอ้อร์คิดมาถึงตรงนี้ก็เอ่ยลา ขยับร่างวูบเดียวก็หายตัวไป รีบร้อนกลับไปยังสำนักศึกษาบนภูเขาตงหัว

นอกจากคิดถึงพวกนางสามแม่ลูกแล้ว อีกอย่างก็คือเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับบุตรชาย ตอนนี้เขาหลี่เอ้อร์สามารถลงมือได้แล้ว

……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!