หลี่เป่าผิงเคยบอกว่า อ่านหนังสือหนึ่งร้อยรอบย่อมเข้าใจกระจ่างแจ้ง
เฉินผิงอันรู้สึกว่าประโยคนี้กล่าวได้ดียิ่งนัก
ดังนั้นทุกครั้งหลังจากฝึกยืนนิ่งและเดินนิ่งตามบันทึกในตำราเขย่าภูเขาเรียบร้อยแล้ว เขาก็จะหยิบประโยคนี้มาใช้งานจริงโดยการบอกตัวเองในใจว่า ขนาดเรียนหนังสือยังเป็นเช่นนี้ คิดดูแล้วการฝึกวิชาหมัดก็น่าจะไม่ต่างกันมากนัก ไม่แน่ว่าเมื่อฝึกหมัดครบหนึ่งล้านครั้งก็น่าจะเข้าใจปณิธานแห่งหมัดได้เอง เพราะอย่างไรซะเมื่อเขามานะฝึกวิชาหมัดทั้งวันคืนไม่หยุดพักโดยใช้เวลาเจ็ดแปดชั่วยามในแต่ละวันก็ได้ช่วยซ่อมแซมร่างกายและจิตวิญญาณที่เดิมทีเหมือนบ้านผุพังหลังหนึ่ง ผลลัพธ์มีให้เห็นเด่นชัด โดยเฉพาะเมื่อใช้วิธีการหายใจที่หยางเหล่าโถวถ่ายทอดให้ควบคู่กับวิธีโคจรลมปราณสิบแปดหยุด เฉินผิงอันสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายและจิตวิญญาณเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ต่อจึงไม่ใช่เป้าหมายเดียวอีกต่อไป
เฉินผิงอันต้องการมากกว่าเดิมอีกเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่นหากมีโอกาสได้พบเจอกันอีกครั้ง เขาอยากจะแสดงการเดินนิ่งให้แม่นางบางคนได้ดู นางจะได้ไม่ทำหน้าอึ้งตะลึงราวกับต้องการบอกว่าเหตุใดใต้หล้าถึงมีคนโง่แบบนี้อยู่ได้เหมือนตอนอยู่ในบ้านบรรพบุรุษตรอกหนีผิง แล้วเปลี่ยนมาเป็นยกนิ้วโป้งให้เขา พูดสองคำนั้นกับเขาอีกครั้งว่า “เท่ห์มาก!”
หนังสือในมือของเฉินผิงอันถูกพลิกเปิดไปทีละหน้าอย่างเชื่องช้า เขาอ่านอย่างตั้งใจยิ่ง เปลวไฟที่ส่ายไหวสาดสะท้อนลงบนใบหน้าดำเกรียมของเด็กหนุ่ม หากคนอื่นจ้องมองนานเข้า ภาพนั้นจะให้ความรู้สึกที่แปลกตาอย่างยิ่ง
แม้ว่าเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูจะมีร่างจริงเป็นงูหลามไฟ แต่กลับมีนิสัยเหมือนเด็กน้อย ยามที่อยู่ในหอหนังสือของสกุลเฉาจือหลัน นางมักจะเก็บตัวสันโดษ ไม่กล้าเผยตัวง่ายๆ ด้วยกลัวว่าจะประสบกับหายนะไม่คาดฝัน ครั้งนี้ติดตามเฉินผิงอันกลับบ้านเกิด ยิ่งนานวันนิสัยร่าเริงไร้เดียงสาก็ยิ่งกลับคืนมา เวลานี้นางกำลังง่วนปั้นตุ๊กตาหิมะอยู่ตรงสะพานไม้ ได้แต่เสียดายที่สวรรค์ไม่ประทานเกล็ดหิมะใหญ่เท่าขนห่านมาให้มากสักหน่อย
ส่วนเด็กชายชุดเขียวที่แม้จะเป็นงูน้ำ เกิดมาก็มีความใกล้ชิดกับน้ำ แต่กลับไม่รู้สึกสนใจหิมะใหญ่ที่ตกในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติมากแม้แต่น้อย เขาจึงห่อตัวอยู่ข้างกองไฟอย่างเบื่อหน่าย เสียใจอยู่กับตัวเองที่ต้องมาพบเจอคนไม่ถูกจริต แถมชะตาชีวิตยังไม่ราบรื่น
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูปั้นตุ๊กตาหิมะเป็นนายท่านของตัวเอง รูปปั้นมีชีวิตชีวาเหมือนจริง ขณะที่กำลังจะมาขอความดีความชอบจากเฉินผิงอันพลันหน้าเปลี่ยนสี วิ่งพรวดกลับเข้าไปในถ้ำ พูดด้วยสีหน้าตระหนกลน “นายท่านๆ บนสะพานมีชายหญิงคู่หนึ่งเดินมา ผู้ชายมองไม่ออกว่าเป็นอะไร แต่ผู้หญิงกลับมีปราณปีศาจเข้มข้นมาก พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
เด็กชายชุดเขียวสูดลมหายใจแรงๆ สีหน้าสดชื่นทันควัน “โอ๊ะโอ เป็นปีศาจใหญ่จริงๆ ด้วย ทั่วร่างมีแต่กลิ่นสาบจิ้งจอก นายท่าน ข้าจะบอกท่านให้นะ ปีศาจจิ้งจอกในโลกหน้าตางดงามมากเลยล่ะ เดี๋ยวคอยดูนะ ข้าจะหาสาวใช้ห้องข้างมาไว้อุ่นผ้าห่มให้ท่าน รับรองว่าเยี่ยมกว่าเด็กโง่ที่ผอมแห้งราวกิ่งไผ่มากนัก!”
เฉินผิงอันปิดหนังสือ เอ่ยว่า “หากพวกเขาแค่ผ่านทางมา พวกเราก็หลีกทางให้ แต่หากคิดจะทำร้ายกัน พวกเราค่อยลงมือก็ยังไม่สาย”
เด็กชายชุดเขียวที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นถอนหายใจหนึ่งที นั่งกลับลงไปที่เดิม กล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดาย “นายท่าน ท่านน่าจะมอบโอกาสให้ข้าได้สร้างคุณความชอบบ้างสิ”
เฉินผิงอันพูดหน้ายิ้ม “กลับไปถึงบ้านเกิดอย่างราบรื่นปลอดภัยก็คือคุณความชอบครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง”
เด็กชายชุดเขียวออกอาการน้อยใจ “นี่ก็เข้ามาในเขตของแคว้นต้าหลีแล้ว แถมยังราบรื่นมั่นคงมาโดยตลอด แล้วเมื่อไหร่สองก้อนของข้าถึงจะเปลี่ยนเป็นสามก้อนได้บ้างล่ะ?”
บนทางเลียบหน้าผาเก่าแก่ที่ถูกสร้างไว้ตรงผนังหน้าผา หนึ่งชายหนึ่งหญิงเดินตามกันมาท่ามกลางสายลมและหิมะ ผู้หญิงสวมชุดชาววังตัดจากผ้าแพร รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น สวมหมวกผ้าคลุมบดบังใบหน้า ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาสง่างาม ร่างสูงเพรียว ห่มผ้าคลุมหนังเตียวสีขาวหิมะ ตรงเอวห้อยน้ำเต้าบรรจุเหล้าสีชาดหนึ่งลูก ร่างทั้งร่างคล้ายหลอมรวมเข้ากับค่ำคืนที่มีแต่หิมะขาวโพลน
ตอนที่คนทั้งสองเดินผ่านถ้ำ สตรีผู้นั้นหันมามองคนทั้งสามในถ้ำแวบหนึ่ง แล้วก็ไม่มองอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!