เด็กชายชุดเขียวกับเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูวิ่งตุปัดตุเป๋ตามมาด้านหลัง ฝ่ายแรกหันซ้ายหันขวามองไปทั่ว อันที่จริงตอนที่ขยับเข้ามาใกล้ขอบเขตของต้าหลี ทั้งสองคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างของปราณวิญญาณแต่แรกแล้ว พวกเขารู้สึกโปร่งสบายไปทั่วร่าง และภูเขาใหญ่ที่เห็นอยู่ในม่านดวงตาก็ทำให้งูน้ำกลืนน้ำลายไม่หยุด เรียกได้ว่าน้ำลายสอด้วยความอยากได้ ราวกับมองเห็นอาหารเลิศรสที่จัดวางเต็มแน่นอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่
ก่อนหน้านี้เด็กชายชุดเขียวเคยเอ่ยถึงโดยบังเอิญว่า การกินเมฆดื่มน้ำค้างของเจียวและมังกรอย่างพวกเขาเป็นเพียงแค่วิธีการฝึกตนระดับล่าง พัฒนาได้อย่างเชื่องช้า มีเพียงหลอมละลายรากภูเขาและโชคชะตาแห่งสายน้ำถึงจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องซึ่งช่วยให้การก้าวเดินบนมหามรรคารุดหน้าว่องไว
น่าเสียดายก็แต่ภูเขาใหญ่มีชื่อเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยปราณวิญญาณ หากไม่ถูกตระกูลเซียนยึดครอง มองเป็นพื้นที่หวงห้าม ก็จะต้องมีศาลเทพต่างๆ ที่ทางราชสำนักแต่งตั้งมาสร้างไว้นานแล้ว ต่อให้เป็นปีศาจใหญ่แห่งสายน้ำที่มีตบะไม่ธรรมดาอย่างเด็กชายชุดเขียวก็ยังไม่กล้าอาจเอื้อม เพราะยิ่งเป็นภูตผีปีศาจ แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงการพิสูจน์ความเป็นอมตะบนมรรคาแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่สหายรู้ใจบนเส้นทางของการฝึกตนเลย เกรงว่าแม้แต่พ่อแม่แท้ๆ ก็ยังไม่อาจยอมให้ได้
กลับมามองงูหลามไฟที่ถูกอาบย้อมด้วยกลิ่นอายของตำรามาตั้งแต่เด็ก นางสำรวมกว่าเด็กชายชุดเขียวมาก เห็นได้ชัดว่าแม้จะเป็นสาขาเผ่าพันธ์ของเจียวและมังกรเหมือนกัน แต่โอกาสในการพิสูจน์มรรคาของทั้งสองกลับต่างกันมาก
ขยับเข้าใกล้ตีนเขาลั่วพั่ว เฉินผิงอันชะลอฝีเท้าลง เขาที่สายตาดีเยี่ยมค้นพบว่าบนภูเขามีฝุ่นตลบคลุ้งอยู่หลายจุด นี่ทำให้เฉินผิงอันใจกระตุก ตามหลักแล้วภูเขาลั่วพั่วมีอริยะอย่างช่างหร่วนช่วยดูแลให้ ไม่ควรมีเรื่องไม่คาดฝันถึงจะถูก ก่อนหน้านี้เว่ยป้อเทพแห่งผืนดินของภูเขาฉีตุนเคยรับปากว่าจะมาสร้างเรือนไม้ไผ่อยู่บนภูเขาลูกนี้ก็จริง แต่เรือนไม้ไผ่เล็กๆ เรือนเดียว จะอย่างไรก็ควรสร้างเสร็จไปนานแล้ว และเว่ยป้อก็น่าจะกลับไปยังที่พำนักของตัวเอง ไม่ควรรั้งรออยู่ที่นี่เป็นเวลานาน แล้วเหตุใดเวลานี้บนภูเขาลั่วพั่วถึงยังมีการก่อสร้างใหญ่โตเกิดขึ้นอีก?
หรือว่างูดำไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยชั่วร้าย กินคนไม่เลือกอยู่บนภูเขาของตน เลยถูกที่ว่าการอำเภอส่งคนขึ้นเขามาล้อมจับ?
ขณะที่เฉินผิงอันร้อนใจเตรียมจะให้เด็กชายชุดเขียวกลับคืนสู่ร่างจริงเพื่อขึ้นเขาไปด้วยความเร็วที่มากที่สุด จู่ๆ กลับนึกถึงประโยคหนึ่งที่อ่านเจอจากในหนังสือเมื่อไม่นานมานี้ เป็นหลักการที่บอกไว้ว่าไม่ว่าเจอเรื่องอะไรอย่าตระหนกลนลาน ถ้อยคำนั้นกล่าวไว้ได้อย่างงดงาม เพียงแค่อ่านออกเสียงสองรอบก็สามารถทำให้กลิ่นอายบ้านนอกของเฉินผิงอันลดน้อยลงไปได้หลายส่วน ก่อนหน้านี้เขายังตั้งใจสลักไว้บนแผ่นไม้ไผ่ ดังนั้นเฉินผิงอันจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ฝืนสงบสติอารมณ์ บอกกับตัวเองเบาๆ ว่า “ไม่ต้องรีบร้อนๆ หลักการในหนังสือ แท้จริงแล้วก็เหมือนกับหลักการของการขึ้นรูปเผาเครื่องปั้น”
ขณะที่เตรียมจะเดินขึ้นเขา เฉินผิงอันพลันตาพร่าลาย เพ่งมองไปก็ค้นพบว่ามีคนคุ้นเคยสวมชุดสีขาวมายืนยิ้มแต้อยู่ตรงตีนเขา เลยหลุดปากเรียกออกไป “เว่ยป้อ!”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูเกือบจะหลุดร้องว้าว ความรู้สึกตกตะลึงยิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว นี่เป็นเทพเซียนคนที่สองที่นางได้พบมาในชีวิตหลังจากเคยพบเด็กหนุ่มชุยฉานมาแล้ว รูปโฉมของอีกฝ่ายงดงามจนไร้คำบรรยาย แล้วนางก็พลันรู้สึกเขินอาย รีบขยับไปหลบอยู่ด้านหลังนายท่านของตัวเอง
เด็กชายชุดเขียวอึ้งค้างอยู่กับที่ แล้วจากนั้นก็หันมาถามด้วยท่าทางดุดัน “นายท่าน ไอ้หมอนี่แย่งถิ่นของท่านหรือ?”
“ย่อมไม่ใช่”
เฉินผิงอันส่ายหน้ายิ้มๆ มองไปทางเทพแห่งผืนดินที่มาดของความสง่างามเห็นเด่นชัดยิ่งกว่าตอนอยู่ภูเขาฉีตุนแล้วถามด้วยความใคร่รู้ “ทำไมยังอยู่ที่ภูเขาลั่วพั่วอีกเล่า? สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและแม่น้ำอย่างพวกเจ้าไม่ใช่ว่าไม่ควรอยู่ห่างจากเขตแดนของตัวเองนานเกินหรอกหรือ?”
เว่ยป้อยิ้มตาหยี “บังเอิญจริง ตอนนี้ข้าย้ายมาอยู่ภูเขาพีอวิ๋นแล้ว เป็นเพื่อนบ้านกับเจ้า เฉินผิงอัน วันหน้าต้องให้การดูแลข้าน้อยมากๆ ด้วยนะ”
กล่าวมาถึงตรงนี้ อดีตเทพแห่งขุนเขาเหนือของแคว้นสุ่ยเสินที่แท่นบูชาเคยถูกลดระดับ ซึ่งตอนนี้กำลังจะกลายเป็นองค์เทพผู้ทรงเกียรติแห่งขุนเขาเหนือของต้าหลีกลับล้อเล่นเฉินผิงอันเล่นด้วยการกุมมือคารวะเขา
เฉินผิงอันไม่กล้ารับการคารวะนี้ จึงเบี่ยงตัวหลบ ถามยิ้มๆ “เรือนไม้ไผ่สร้างเสร็จหรือยัง?”
เว่ยป้อยืดเอวตรง พยักหน้ารับ “ทำเสร็จแล้ว รับรองว่าไม่มีอู้งาน อยู่บนเขาลั่วพั่วนี่แหละ ข้าพาเจ้าไปดูดีไหม? เดิมทีเลือกพื้นที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยมที่ให้มันสามารถหยั่งรากปักฐานได้ง่ายที่สุดไว้แล้ว แต่กลับถูกศาลเทพภูเขาของภูเขาลั่วพั่วมายึดไปก่อน เลยต้องเปลี่ยนที่ใหม่ แต่ก็ไม่ได้แย่กว่ากันสักเท่าไหร่ การมองเห็นกว้างไกล ฟ้าสูงแผ่นดินไพศาล ทิวทัศน์งดงามอย่างมาก ตลอดปีที่ผ่านมานี้ไม่ว่าจะมีธุระหรือไม่มีข้าก็ล้วนไปอยู่ที่นั่น เจ้าห้ามข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน ขับไล่ข้าไปที่อื่นนะ”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูรู้สึกว่าคนตรงหน้าหล่อเหลามาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะนิสัยดีด้วย แล้วจากนั้นเด็กหญิงก็รู้สึกภาคภูมิใจว่านายท่านของตัวเองช่างร้ายกาจ แม้แต่สหายที่สนิทสนมก็ยังสง่างามเพียบพร้อมปานนี้
เด็กชายชุดเขียวยิ่งมองก็ยิ่งร้อนตัว แล้วทันใดนั้นเว่ยป้อผู้สวมชุดขาวก็หันมาแยกเขี้ยวทำท่าข่มขู่ใส่เขาอย่างไม่มีลางบอกเหตุ ทำเอาเด็กชายชุดเขียวตกใจผงะถอยออกไปสิบกว่าจั้ง เว่ยป้อหัวเราะเสียงดัง “บวกกับงูดำบนภูเขาตัวนั้น ภูเขาลั่วพั่วของพวกเราคงคึกคักน่าดู”
เฉินผิงอันแก้ไขประโยคด้วยสีหน้าจริงจัง “ภูเขาลั่วพั่วไม่ใช่ของเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!