ระหว่างนี้คนทั้งสามเดินทางอ้อมผ่านด่านสองแห่งและปล่องส่งสัญญาควันเล็กใหญ่อีกสิบกว่าแห่ง
เฉินผิงอันยังคงหาเรื่องลำบากใส่ตัว ทุกวันนอกจากฝึกวิชาหมัดแล้วยังขอให้เด็กชายชุดเขียวช่วยขัดเกลาศิลปะการต่อสู้ และมักจะถูกฝ่ายหลังต่อยให้จมลึกลงไปในกองหิมะจนมองไม่เห็นตัวคน
ทว่าขอบเขตสองก็ยังคงเป็นขอบเขตสองที่น่าสงสาร การพัฒนาด้านวิถีวรยุทธ์ของเฉินผิงอันนั้นต้องเรียกว่าแม้ฟ้าผ่าก็ยังนิ่งขึงไม่ไหวติงอย่างแท้จริง
เด็กชายชุดเขียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารในความโชคร้ายของอีกฝ่าย หรือเจ็บใจในความไม่เอาไหนของอีกฝ่ายดี มีหลายครั้งที่หนักมือไป ทำเอานายท่านที่ดื้อรั้นหัวทึบของเขาปลิวกระเด็นไปดังว่าวที่สายป่านขาด ต้องดิ้นรนอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นยืนได้ เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูที่ชมศึกอยู่ด้านข้างต้องหันหน้าไปทางอื่นด้วยทนมองไม่ไหว
ท่ามกลางการเดินทางกลับบ้านเกิดที่แต่ละวันผ่านพ้นไปอย่างเดิมๆ นี้ หิมะแรกของปีก็ได้ปิดฉากลง ในที่สุดคนทั้งสามก็เดินทางมาถึงเมืองที่ในแผนที่ระบุไว้ว่าชื่ออำเภอเฟิงหย่า เพราะเฉินผิงอันเลือกเส้นทางกลับบ้านที่ผ่านภูเขาทิศตะวันตก ดังนั้นจึงไม่ผ่านเส้นทางที่มีแม่น้ำซิ่วฮวา เมืองหงจู๋และภูเขาฉีตุน
เฉินผิงอันอยากจะเดินทางผ่านสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยให้มากสักหน่อย
อ่านหนังสือหลายๆ เล่ม รู้จักตัวอักษรพันกว่าตัว เดินทางหมื่นลี้ ฝึกหมัดครบหนึ่งล้านครั้ง นี่ก็คือเป้าหมายของเฉินผิงอันในเวลานี้ซึ่งจำเป็นต้องให้เขาเดินออกไปทีละก้าว การเดินทางกลับบ้านเกิดของเฉินผิงอันในครั้งนี้ผ่านไปอย่างคุ้มค่าในทุกๆ วัน แน่นอนว่าต้องเผชิญกับความยากลำบากไม่น้อย เมื่อเทียบกับตอนเดินทางไปขอศึกษาต่อที่สำนักศึกษาของต้าสุย เขามีเวลาเพิ่มขึ้นกว่าเดิม จึงอาศัยการฝึกวิชาหมัดมาขัดเกลาร่างกาย ใช้โชคชะตามาหล่อหลอมจิตวิญญาณ ดั่งน้ำหยดลงบนหิน ดั่งนกนางแอ่นคาบโคลนมาก่อรังทุกวัน ค่อยๆ ชดเชยส่วนที่สึกหรอไปทีละนิด
เด็กชายชุดเขียวรู้สึกว่าเขาใช้เวลาหมดไปอย่างสิ้นเปลือง แต่เฉินผิงอันสามารถสัมผัสได้ถึงข้อดีของการสั่งสมทีละนิดนี้อย่างชัดเจน ความรู้สึกนี้เหมือนตอนที่เด็กหนุ่มช่างเผาเครื่องปั้นแห่งตรอกหนีผิงขยันทำงานอย่างมุมานะทุกคืนวันแล้วได้เงินเหรียญทองแดงเข้ามาอยู่ในกระเป๋าเพิ่ม ความรู้สึกที่สะสมทรัพย์สมบัติให้เพิ่มพูนขึ้นมาได้ คนอื่นอาจรู้สึกว่าน่าเบื่อ แต่ตัวเฉินผิงอันเองกลับรู้สึกดีอย่างถึงที่สุด!
เข้ามาในตลาดที่คึกคักของอำเภอใกล้ช่วงสิ้นปี เมืองเฟิงหย่าไม่เหมือนกับเมืองอื่นๆ กลิ่นอายปัญญาชนของที่นี่เข้มข้นกว่า เพราะเห็นได้ชัดว่ามีร้านขายหนังสืออยู่เยอะมาก แน่นอนว่าไม่ต้องหวังถึงตำราที่จัดพิมพ์เล่มเดียวหรือหนังสือหายาก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นหนังสือพิมพ์จากแม่พิมพ์แกะสลักที่ถูกทำขึ้นอย่างหยาบๆ และราคาถูก ตัวอักษรที่แกะสลักผิดและแกะสลักตกหล่นมีเยอะมาก เด็กชายชุดเขียวและเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูต่างก็มีสายตาที่มองแต่จุดสูง คนหนึ่งมีชาติกำเนิดสูงส่ง เห็นของดีมาจนชินตา อีกคนหนึ่งก็อยู่กับตำราของเหล่านักปราชญ์เมธีมาตั้งแต่เด็ก
ดังนั้นจึงมีแต่เฉินผิงอันที่เข้าร้านหนังสือเหล่านั้นอย่างจริงจัง เขาชื่นชอบหนังสือชุดชื่อว่า ‘พูดคุยเรื่องภูเขาหยกเผาไหม้หิมะ’ ที่ยาวถึงสิบสองเล่มมากจนวางมือไม่ลง น่าเสียดายที่ที่ว่างในตะกร้าสะพายหลังเหลือไม่มาก ไม่สามารถบรรจุหนังสือชุดใหญ่ขนาดนั้นได้ อีกทั้งราคายังแพงมาก จึงได้แต่ถอยไปเลือกอันดับรองลงมาโดยการซื้อหนังสือของผู้แต่งเฉิงสุ่ยตงที่ชื่อว่า ‘ชุดดาบเหล็กสะบัดเบา’
เจ้าของร้านสูงวัยชื่นชมจากใจจริงว่าคุณชายช่างสายตาเฉียบแหลม จากนั้นก็อธิบายว่านี่คือผลงานของซือหลางเฒ่าแห่งแคว้นหวงถิง ตอนนี้ซื้อเก็บไว้ย่อมไม่ขาดทุนแน่นอน เพราะในตลาดมีข่าวลือว่าอีกไม่นานคนผู้นั้นจะออกมาจากภูเขาอีกครั้งเพื่อรับตำแหน่งรองเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาแห่งใหม่ในต้าหลี
ท่ามกลางม่านราตรี เฉินผิงอันที่กลับบ้านมาพร้อมของเต็มมือเลือกพักในโรงเตี๊ยมที่เรียบง่ายแห่งหนึ่ง เช่าห้องสองห้องที่อยู่ติดกัน ให้เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูพักห้องหนึ่งคนเดียว
เด็กชายชุดเขียวเดินข้ามธรณีประตูตามหลังเฉินผิงอันเข้ามาก็ย่นจมูกทำสีหน้ารังเกียจทันที โบกมือตรงหน้าจมูกตัวเองอย่างแรงเพื่อปัดกลิ่นเหม็นเปรี้ยวที่หมักหมมมานานปีให้สลายออกไป แล้วก็ไม่เสียแรงที่เป็นงูน้ำซึ่งฝึกตนจนมีสติปัญญา กลิ่นที่ไม่ว่าจะเช็ดถูอย่างไรก็ยากจะเจือจางล้วนถูกเด็กชายชุดเขียวขับไล่ออกไปนอกหน้าต่างจนหมด
หลังปิดประตู เฉินผิงอันก็กางแผนที่ทางทิศใต้ของต้าหลีลงบนโต๊ะ เพราะแผนที่ภูมิศาสตร์ที่ถูกปิดบังเป็นความลับแผ่นนี้มักจะมีแค่คนของทางการเท่านั้นที่ได้ครอบครอง หากชาวบ้านมีเก็บไว้ถือเป็นโทษมหันต์ เฉินผิงอันมองเห็นว่าระหว่างอำเภอเฟิงหย่ากับอำเภอหลงเฉวียนถูกขวางกั้นด้วยระยะทางแค่หกร้อยลี้เท่านั้น ครึ่งหนึ่งเป็นถนนทางหลวงที่พวกพ่อค้าใช้กัน อีกครึ่งหนึ่งคือทางน้ำของแม่น้ำชงตั้นที่ค่อนข้างเดินทางได้ยากลำบาก เมื่อเทียบกับหนทางยาวไกลทั้งไปและกลับในครั้งนี้แล้ว ระยะทางหกร้อยลี้จึงเรียกได้ว่าใกล้ในระยะประชิด
เฉินผิงอันกินอาหารเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มฝึกท่าเจี้ยนหลู
มีเสียงสบถด่าของสตรีออกเรือนแล้วดังมาพร้อมกับเสียงวิงวอนของเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอยู่เป็นระยะ
ช่างคล้ายกับสภาพการณ์ในตรอกซิ่งฮวา ตรอกหนีผิงที่บ้านเกิดยิ่งนัก
เพียงแต่ว่าตอนนั้นมารดาของกู้ช่านยังอยู่ แม่ย่าหม่าที่ปากคอเราะร้ายยังไม่ตาย ทุกวันจะต้องมีเสียงท่องตำราของเด็กนักเรียนในโรงเรียนดังแว่วๆ มายังบ่อโซ่เหล็ก
เมื่อกลับไปครานี้ ต้นไหวโบราณไม่อยู่แล้ว คนเฝ้าประตูก็ไม่อยู่แล้ว วันที่สามสิบก่อนสิ้นปีของปีนี้ หน้าประตูบ้านของเพื่อนบ้านในตรอกหนีผิงถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่มีกลอนคู่อวยพรวันปีใหม่ที่เต็มไปด้วยความมงคลมาแปะ
เฉินผิงอันถอนหายใจ เก็บท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลู เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง หยิบตัวอ่อนกระบี่สีเงินก้อนนั้นออกมาจากในกระเป๋าเล็กๆ ที่ตั้งใจเย็บเพิ่มไว้ในชายแขนเสื้อ เอามาถือในกำมือแล้วลูบคลึงเบาๆ
จู่ๆ เด็กชายชุดเขียวก็ตวาดเดือดดาลอย่างไร้สาเหตุ “รนหาที่ตาย!”
เฉินผิงอันได้ยินเสียงจึงหันไปมอง เห็นเพียงว่าเด็กชายชุดเขียวใช้สองนิ้วคีบกลุ่มควันสีเทาที่ล่องลอยกลุ่มหนึ่ง แล้วพลันบีบแน่นจนเกิดเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ ควันเทาเริ่มสลายหายไป พอจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาเลือนๆ
เห็นสีหน้าสงสัยของเฉินผิงอัน เด็กชายชุดเขียวก็รีบนำเสนอความดีความชอบอย่างร่าเริงทันที “นายท่าน ปีศาจน้อยที่ไม่รู้จักกลัวตายตัวนี้ถูกข้าบีบจนระเบิดไปแล้ว! กล้ามาก่อกวนในถิ่นของนายท่าน คงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ!”
เด็กชายชุดเขียวชี้ไปยังควันที่สลายไปรอบด้าน “มันมีชื่อว่าปีศาจข้างหมอน ไม่มีร่างที่แท้จริง ที่ใดก็ตามที่เจ้าตัวนี้ผ่านไปจะเกิดกระแสลมเล็กน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งในลมชั่วร้ายมากมายที่มีอยู่ในโลก มันชอบตามหญิงปากตลาดจิตใจชั่วร้ายมากที่สุด เวลาใดที่พวกนางขยับปาก ภูตชนิดนี้ก็จะแอบปรากฏตัวออกมาเก็บรวบรวมลมนั้นมาไว้ สุดท้ายจะสามารถยุยงความสัมพันธ์ระหว่างญาติมิตร โดยเฉพาะสามีภรรยา คำว่าลมข้างหมอนที่พวกชาวบ้านชอบพูดก็มาจากฝีมือการแสดงที่พวกมันถนัดนี่แหละ”
เฉินผิงอันถอนหายใจ พูดยิ้มๆ “วันหน้าหากเจอภูตหรือปีศาจเช่นนี้อีกแค่ขับไล่มันไปก็พอแล้ว ไม่ต้องฆ่าแกงกันหรอก”
เด็กชายชุดเขียวร้องอ้อหนึ่งที เอียงคอถาม “นายท่าน ท่านมีใจเมตตาดุจพระโพธิสัตว์ไม่ใช่หรือ เหตุใดพอเจอกับภูตผีที่สร้างเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ถึงไม่ช่วยทวงคืนความยุติธรรมแทนสวรรค์ล่ะ?”
เฉินผิงอันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “อะไรคือช่วยทวงคืนความยุติธรรมแทนสวรรค์ ข้าไม่ได้มีความสามารถมากขนาดนั้น…”
แต่แล้วเฉินผิงอันก็รีบหยุดพูด ไม่เอ่ยอะไรอีก
เด็กชายชุดเขียวพลันเกิดความรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!