เฉินผิงอันยิ้ม “ซื้อตรอกหนีผิงมาทำอะไร? ไม่เห็นต้องใช้เงินสิ้นเปลืองขนาดนั้น”
เด็กชายชุดเขียวยังไม่อยากยอมแพ้ แต่ก็ไม่กล้าเถียงเฉินผิงอัน เขามักรู้สึกว่าที่ตนดีดลูกคิดคำนวณอย่างดี ก็ไม่ใช่เพราะหวังในหินดีงูหรอกหรือ?
เห็นเด็กชายชุดเขียวสะอึกอึ้ง เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูรู้สึกดีใจเล็กน้อย นางเองก็มีลูกคิดอันเล็กๆ เป็นของตัวเองเหมือนกัน พอนึกถึงตรอกหนีผิงก็อยากจะช่วยนายท่านเก็บกวาดบ้านบรรพบุรุษให้สะอาดเอี่ยมอ่องน่าอยู่อาศัย
เดินมาถึงริมตลิ่งของลำคลองหลงซวีที่ได้เลื่อนขั้นจากลำธารมาเป็นลำคลอง เฉินผิงอันเล่าถึงความเป็นมาในอดีตของธารน้ำสายนี้ให้พวกเขาฟัง เด็กชายชุดเขียวฟังอย่างเหม่อลอย แล้วจู่ๆ ก็หันขวับไปมองจุดหนึ่งของน้ำในลำคลองด้วยสายตาเดือดดาล กระโจนพรวดออกไป แม้ว่าจะไม่ได้เผยร่างจริงที่น่าหวาดเกรง แต่วิชาควบคุมน้ำอันล้ำเลิศของเขาก็ถูกร่ายออกมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ทุกครั้งที่ออกหมัดต่อยบนผิวน้ำก็เหมือนกับเจาะช่องโพรง ทำให้ผิวน้ำของลำคลองเกิดเป็นน้ำวนลูกใหญ่ยักษ์ กระแสน้ำในลำคลองที่เดิมทีไหลรินเอื่อยๆ สุขสงบถูกจู่โจมจนซัดโหมผิดไปจากปกติ เด็กชายชุดเขียวที่เดินอยู่บนน้ำเหมือนเดินบนพื้นดินคล้ายกำลังไล่ตามอะไรบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ก้นลำคลอง ปากแผดเสียงโวยวายไปด้วย “เป็นแค่ทหารกุ้งหอยปูปลาตาไร้แววก็กล้าบังอาจมาลอบมองรูปโฉมอันงดงามของนายท่านใหญ่อย่างข้างั้นรึ?!”
เฉินผิงอันไม่ได้ห้ามปราม หนึ่งคือเด็กชายชุดเขียวลงมืออย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขาห้ามไม่ทัน สองก็เพราะก่อนออกไปจากเมืองเล็ก มีครั้งหนึ่งที่เขาฝึกเดินนิ่งอยู่ริมน้ำเคยรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในน้ำที่แผ่กลิ่นอายอึมครึมจ้องมองมา ทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ เพียงแต่ว่าตอนนั้นเฉินผิงอันเพิ่งฝึกหมัดได้ไม่นาน ไม่กล้าจะซักไซ้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด ได้แต่มองอย่างเคารพอยู่ไกลๆ
ได้เห็นนิสัยฉุนเฉียวเลือดร้อนของเด็กชายชุดเขียวอีกครั้ง เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูก็รู้สึกปวดหัวแปล๊บ เอ่ยเตือนเฉินผิงอันเบาๆ “นายท่าน ราชสำนักต้าหลีมีการแต่งตั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งลำคลองหลงซวีสายนี้ไหม? ยกตัวอย่างเช่นแม่ย่าลำคลอง พ่อปู่ลำคลองอะไรพวกนั้น หากเป็นเทพลำคลองที่ระดับขั้นสูงกว่า พวกเราก็ไม่ควรหาเรื่องไม่แล้วไม่เลิกอย่างนี้ ในตำราบอกไว้ว่า ขุนนางอำเภอไม่สู้ขุนนางเจ้าถิ่น (เปรียบเปรยว่าเวลาพบเจอปัญหา แทนที่จะไปหาขุนนางที่มีตำแหน่งสูงกว่า ไม่สู้หาขุนนางที่รับผิดชอบโดยตรง) ในตำรายังบอกอีกว่า ญาติที่อยู่ไกลไม่สู้เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้…”
คำถามนี้ทำให้เฉินผิงอันฉุกคิดได้จริงๆ เขากวาดตามองไปรอบด้าน ครุ่นคิดจริงจัง “หากเป็นเทพลำคลองก็น่าจะมีศาลไม่ใช่หรือ แต่ตลอดทางที่เดินมาเหมือนว่าจะไม่เห็น”
เฉินผิงอันถอนหายใจในใจเบาๆ นึกถึงแผ่นไม้ไผ่แผ่นหนึ่งที่อยู่ในตะกร้า บนนั้นตนสลักประโยคว่า ‘ยิ่งรีบยิ่งช้า’ ด้วยมือตัวเอง จึงตัดสินใจหยุดการกระทำตีวัวกระทบคราดไร้เหตุผลนี้ลง หันไปตะโกนเรียกเด็กชายชุดเขียวที่ยิ่งสู้ก็ยิ่งฮึกเหิม “กลับมา!”
เด็กชายชุดเขียวที่ลงมือโจมตีอย่างเมามันอยู่บนผิวน้ำห่างออกไปไกลปล่อยสมบัติอาคมออกจากชายแขนเสื้อเป็นระยะ จนก่อให้เกิดริ้วคลื่นหลากสี ได้ยินเฉินผิงอันเรียกก็หัวเราะร่า “นายท่าน รอสักประเดี๋ยว เดี๋ยวเดียวเท่านั้น ข้าใกล้จะจับเจ้าปลาหนีชิวตัวน้อยจอมเจ้าเล่ห์นี่ได้แล้ว! กล้ามาสู้กับข้าในน้ำ เจ้านี่มัน…โอ๊ะโอ มีทรัพย์สมบัติกับเขาด้วยหรือนี่ อาวุธอาคมชิ้นนี้ไม่เลวเลย น่าเสียดายที่ขอแค่นายท่านใหญ่สัมผัสกับน้ำก็มีร่างกายและจิตใจที่ไร้เทียมทานมาตั้งแต่เกิดแล้ว นังแพศยา ฝีมือกระจอกแค่นี้ของเจ้าไม่มากพอหรอกนะ วะฮะฮ่า จับเจ้าได้เมื่อไหร่จะโยนเจ้าขึ้นเตียงนายท่านผู้เฒ่าของข้าทันที รับรองว่าหินดีงูต้องมาอยู่ในมือข้าแน่!”
เด็กชายชุดเขียวกับสิ่งดำมืดใต้น้ำผลัดกันแลกหมัด ทั้งสองฝ่ายต่างก็ปล่อยอาวุธอาคมจนผิวน้ำของลำคลองหลงซวีทอแสงหลากสีระยิบระยับ แน่นอนว่าสาเหตุเป็นเพราะเด็กชายชุดเขียวคิดจะเล่นสนุกกับอีกฝ่าย หาไม่แล้วด้วยความแข็งแกร่งของเรือนกายและตบะที่ไม่ธรรมดาของเขา ต่อให้ไม่เผยร่างจริงก็สามารถใช้พละกำลังอันป่าเถื่อนของตัวเองทำร้ายคู่ต่อสู้ให้เจ็บหนักได้อยู่ดี
ครู่หนึ่งต่อมาเด็กชายชุดเขียวหมุนตัววิ่งเหยาะๆ กลับไปหาเฉินผิงอัน ในมือกำกระชากลาก…เส้นผมยาวเหยียดสีดำกำใหญ่มาด้วย?
พอขยับมาใกล้ริมน้ำที่เฉินผิงอันกับเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูยืนอยู่ เด็กชายชุดเขียวก็ปล่อยมือ กล่าวอย่างลำพองใจ “นายท่าน หญิงผู้นี้หน้าตาไม่เลว สะโพกผายกลมกลึง ก้นข้างหนึ่งของนางใหญ่เป็นสองเท่าของนังเด็กโง่ ไม่สู้เก็บไว้เป็นสาวใช้ดีไหม?”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งอาย
บนพื้นผิวน้ำข้างเท้าของเด็กชายชุดเขียวเผยให้เห็นศีรษะหนึ่งและลำคอขาวนวลช่วงหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ธาตุหยินแห่งลำคลองที่ลักษณะเหมือนสตรีออกเรือนแล้วผู้นี้มีใบหน้าอวบอิ่ม สีหน้าน่าสงสาร เส้นผมสีกาน้ำที่ยาวดั่งม่านน้ำตกแผ่เต็มผิวน้ำ เมื่อถูกน้ำในลำคลองซัดแรงๆ ก็กระเพื่อมไหวตาม
เห็นว่าเฉินผิงอันคล้ายจะสูงกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ท่าทางยังดูยากไร้เหมือนเก่า แค่ไม่รู้ว่าหลุมศพของบรรพบุรุษเขามีควันเขียวผุดขึ้นหรือไร ถึงได้รับลูกน้องฝีมือร้ายกาจอย่างเด็กชายชุดเขียวผู้นี้ไว้ได้ สีหน้าของสตรีแต่งงานแล้วเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ก่อนจะรีบเก็บความคิดวุ่นวายลงไปอย่างรวดเร็ว พูดน้ำตาคลอเจียนหยด “ข้าคือเทพลำคลองคนใหม่ที่เพิ่งเลื่อนขั้นของลำคลองหลงซวี ตามหลักแล้วต้องคอยตรวจตราผู้คนที่เดินทางผ่านลำคลองทั้งหมด ด้วยมีภาระหน้าที่ติดตัว หากล่วงเกินทุกท่านโดยไม่เจตนา ก็หวังว่าเทพเซียนทั้งสามท่านจะยั้งมือไว้ไมตรี อย่าได้ถือสาข้าเลย”
เฉินผิงอันบอกให้เด็กชายชุดเขียวรีบขึ้นฝั่ง ส่วนตัวเองกุมมือคารวะขออภัยเทพลำคลองหลงซวีแปลกหน้าผู้นี้ “เป็นพวกเราที่ล่วงเกินฮูหยินเทพลำคลอง ข้าชื่อเฉินผิงอัน เป็นคนท้องถิ่นของหลงเฉวียน ไม่ทราบว่าฮูหยินเทพลำคลองเป็นคนจากที่ใด?”
แววตาประหลาดวาบผ่านดวงตาของสตรีแต่งงานแล้ว แต่ไม่นานนางก็ตอบด้วยน้ำเสียงขลาดกลัว “ในเมื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและแม่น้ำในพื้นที่แถบหนึ่งแล้วก็จำเป็นต้องตัดเรื่องทางโลกให้ขาด นี่เป็นหลักการเดียวกันกับที่หลวงจีนไม่เอ่ยนาม นักพรตเต๋าไม่เอ่ยอายุ ดังนั้นคุณชายโปรดอย่าถามที่มาของข้าเลย สรุปก็คือข้าไม่เพียงแต่ไม่มีใจคิดร้ายต่อใคร กลับกันยังจะช่วยปกป้องพิทักษ์โชคชะตาของลำคลองหลงซวีแห่งนี้ด้วย”
เด็กชายชุดเขียวเดือดดาลอย่างหนัก “อุตส่าห์ให้หน้าเจ้า แต่เจ้ายังทำตัวหน้าไม่อายอีกนะ รังแกนายท่านข้าเพราะเห็นว่าเขาพูดง่ายงั้นหรือ?”
เฉินผิงอันยื่นมือไปกดศีรษะของเด็กชายชุดเขียวเอาไว้ ไม่ให้เขากลับเข้าไปในน้ำแล้วทะเลาะกับเทพลำคลองผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง แล้วหันไปพยักหน้ายิ้มๆ ให้กับสตรีออกเรือนแล้ว “รบกวนฮูหยินเทพลำคลองแล้ว”
สตรีแต่งงานแล้วรีบโบกมือที่ขาวดุจรากบัวเป็นพัลวัน “มิกล้าๆ ครั้งนี้ถือว่าหากไม่ตีกันก็ไม่รู้จักกัน คุณชายเฉินไม่ต้องคิดมาก วันหน้าหากมีธุระใด คุณชายแค่มาบอกที่ริมลำคลองสักคำ ข้าไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน”
เฉินผิงอันไม่พูดจาปราศรัยตามมารยาทกับเทพลำคลองผู้นี้ต่อ เดิมทีนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัดอยู่แล้ว และการที่อีกฝ่ายเรียกเขาว่าคุณชายเฉินไม่ขาดปากก็ทำให้เฉินผิงอันครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด จึงพาเด็กชายชุดเขียวและเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูสาวเท้าเร็วๆ จากไป เพียงไม่นานก็ขยับเข้าใกล้ร้านตีเหล็กที่อยู่ริมลำคลอง เฉินผิงอันลังเลว่าควรจะไปทักทายอริยะหร่วนฉงกับแม่นางหร่วนก่อน หรือควรจะกลับไปที่ตรอกหนีผิงก่อนดี
สตรีแต่งงานแล้วที่เลื่อนจากแม่ย่าลำคลองมาเป็นเทพลำคลอง แต่กลับไม่ได้รับควันธูปจากศาลเจ้าค่อยๆ ดำดิ่งลงไปยังก้นลำคลอง สีหน้าของนางดุร้าย เปี่ยมไปด้วยไฟโทสะ กระทืบตะพาบแก่ตัวหนึ่งตายอยู่ในดินเลนก้นลำคลองไปแล้วก็ยังไม่สาแก่ใจ ยกเท้ากระทืบซ้ำอีกทีจนกระดองของมันแหลกละเอียดถึงได้ยอมเลิกรา แต่แล้วสตรีวัยผู้ใหญ่ที่อารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอนก็ให้รู้สึกเสียใจภายหลัง ตะพาบแก่ขนาดเท่าแท่นโม่หินมีอายุสองร้อยกว่าปี บวกกับที่ถ้ำสวรรค์หลีจูในทุกวันนี้แผ่ปราณวิญญาณเนืองนองสี่ทิศ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า สัตว์ปีกสัตว์บกก็ล้วนได้รับบุญกุศลกันถ้วนทั่ว ตะพาบเฒ่าตัวนี้จึงเริ่มจะมีสติปัญญาบ้างแล้ว ไม่แน่ว่าอีกสองสามร้อยปีให้หลัง ขอแค่สติปัญญาของมันเปิดโล่งได้สำเร็จก็จะกลายมาเป็นทหารใต้บังคับบัญชาที่นางสามารถเอามาใช้งานได้คนหนึ่ง
สตรีแต่งงานแล้วถอนหายใจอย่างหดหู่ ค้อมตัวลงพูดกับเศษกระดองที่กองกันอยู่ “จะโทษก็ต้องโทษเจ้าเด็กบ้านนอกแซ่เฉินคนนั้น เป็นเขาที่ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อนไปด้วย เขาต่างหากที่เป็นตัวหายนะ คุณชายเฉิน ถุย! เจ้าตะพาบน้อยที่ชะตาอัปมงคลทำให้พ่อแม่ต้องตาย เป็นคนบนเส้นทางเดียวกับเจ้านั่นแหละ ทำไมไม่ถูกคนเหยียบร่างแหลกเละให้ตายๆ ไประหว่างที่ไปขอศึกษาต่อซะเลย…”
ในใจของสตรีแต่งงานแล้วเกลียดแค้นเด็กหนุ่มตรอกหนีผิงสุดใจ ปากจึงผรุสวาทหยาบคายไม่หยุด เรือนร่างอรชรของนางเดินอยู่ใต้น้ำ ด้านหลังคือเส้นผมสีนิลหนึ่งจั้งกว่าที่ยาวระพื้น ไม่ต่างจากกระโปรงยาวของสตรีผู้สูงศักดิ์ นางเดินมุ่งหน้าไปทางช่วงล่างของลำคลองเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว รอจนนางคืนสติก็มาถึงจุดตัดระหว่างลำคลองหลงซวีกับแม่น้ำเถี่ยฝูแล้ว ใต้ฝ่าเท้าก็คือน้ำตกที่ดิ่งฮวบลงไปเบื้องล่างอย่างรวดเร็วรุนแรง
ทำเอานางตกใจจนต้องรีบหันหัวเผ่นกลับ
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ เขตการปกครองหลงเฉวียนครึกครื้นอย่างมาก ภูตผีปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนเฮโลกันมาจากสี่ด้านแปดทิศ ด้วยหวังว่าจะได้มาฝึกตน มาดูดซับปราณวิญญาณอยู่ที่นี่ หากจะพูดถึงนางที่เป็นเทพลำคลองหลงซวี อย่างมากสุดนางก็แค่ฉวยโอกาสรีดไถค่าผ่านทางจากพวกปีศาจบางส่วน เพื่อช่วยสั่งสมทรัพย์สมบัติให้แก่หลานชาย แต่ถ้าพูดถึงดาวพิฆาตดุร้ายที่อยู่ในแม่น้ำเถี่ยฝูเบื้องล่าง องค์เทพที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการตัวจริงเสียงจริงผู้นั้นกลับต้องเรียกว่าเป็นประเภทจิตสังหารยิ่งใหญ่กระหายการเข่นฆ่าอย่างแท้จริง ผู้ฝึกตนอิสระที่ตายด้วยน้ำมือนาง ยกสองมือขึ้นนับก็ยังไม่พอ แต่น่าแปลกที่ราชสำนักต้าหลีและที่ว่าการเขตการปกครองหลงเฉวียนกลับไม่พูดถึงเรื่องนี้แม้แต่ครึ่งคำ ทำให้สตรีแต่งงานแล้วรู้สึกริษยา จึงเป็นเหตุให้ยิ่งพะวงถึงศาลเทพลำคลองที่ยังไม่ถูกสร้างขึ้นสักที
ทางฝั่งของร้านตีเหล็ก เฉินผิงอันกำลังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปทักทายสองพ่อลูกก่อนดีหรือไม่ก็เห็นว่ามีเงาร่างของสาวน้อยสวมชุดสีเขียวคนหนึ่งปรากฎตัวอยู่ตรงทิศทางของสะพานหินโค้ง
นางมองเห็นเขา หลังจากแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด นางที่หยุดเดินไปชั่วขณะหนึ่งก็สาวเท้าก้าวเร็วๆ เข้ามาหา
เฉินผิงอันพาเด็กทั้งสองเดินไปรับหน้า โบกมือทักทายด้วยรอยยิ้มอยู่แต่ไกล “แม่นางหร่วน!”
หร่วนซิ่วร้องอื้มรับหนึ่งที วิ่งเหยาะๆ เข้าหาเฉินผิงอัน พอยืนนิ่งแล้วก็เอ่ยเสียงอ่อนโยน “กลับมาแล้วหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!