เพียงแต่ว่าหลังจากปรากฏกายในชั่วเวลาสั้นๆ สองครั้งที่โรงเตี๊ยมชิวหลูกับจวนจือหลันสกุลเฉาแล้ว คนจิ๋วควันธูปขี้อายก็ไม่เคยปรากฎตัวอีก สำหรับเรื่องนี้เฉินผิงอันปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่คิดจะบังคับหรือร้องขออะไร
ม่านราตรีมืดดำ ในร้านยาตระกูลหยาง ผู้เฒ่าสูบกระบอกยาสูบดังฟืดๆ เขาขมวดคิ้วมุ่น ยื่นมือออกไปคว้าจับ คนจิ๋วควันธูปก็ร่วงจากความว่างเปล่าลงสู่พื้น
หยางเหล่าโถวพูดเสียงเย็นชา “ฉีจิ้งชุนอุตส่าห์มานะซ่อนตัวเจ้าไว้ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”
นางยืนอยู่บนพื้นด้วยท่าทางขลาดเขลา มือสองข้างกำชายเสื้อไว้แน่นคล้ายหวาดกลัวผู้เฒ่าคนนี้อย่างมาก แต่ก็ยังขยับริมฝีปากเบาๆ ตอบอีกฝ่าย
หยางเหล่าโถวยิ่งฟังก็ยิ่งหน้ายับ ครุ่นคิดอยู่นานถึงเอ่ยขึ้น “ข้ารับปาก”
เขาใช้กระบอกยาสูบเคาะพื้นหนึ่งทีก็มีศาลขนาดเล็กแห่งหนึ่งกลิ้งออกมาตั้งอยู่ตรงหน้าคนจิ๋วควันธูป
ใบหน้าของคนจิ๋วควันธูปเต็มไปด้วยความลิงโลด กำลังจะเดินเข้าไปข้างใน แต่จู่ๆ กลับเงยหน้าขึ้น ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
หยางเหล่าโถวพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “หากรู้เรื่องทุกอย่าง แน่นอนว่าดีที่สุด แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องรู้อะไรเลยเสียดีกว่า แบบนี้ถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”
คนจิ๋วควันธูปคล้ายยังตัดสินใจไม่ได้ อยากกลับไปที่ตรอกหนีผิงสักรอบ อย่างน้อยก็ควรบอกลาเด็กหนุ่มคนนั้นสักคำ
หยางเหล่าโถวหยิบกระบอกขึ้นมาสูบยาใหม่อีกครั้ง พ่นควันหนาข้นโขมงคลุ้ง “เอาความฉลาดทั้งหมดเก็บใส่ท้องตัวเองไว้ถึงจะเรียกว่าคนฉลาดที่แท้จริง เจ้านึกจริงๆ หรือว่าเด็กคนนั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นใด นอกจากฝึกหมัดแล้ว วันๆ ก็รู้จักแต่จะทำความดีมีเมตตาต่อคนอื่น เป็นคนรวยน้ำใจอย่างเดียว? เสียแรงที่เจ้าเดินทางมากับเขาตลอดทาง เจ้านี่โง่จริงๆ แต่เขาน่ะไม่โง่หรอกนะ”
คนจิ๋วควันธูปมุ่ยปากอย่างไม่พอใจเล็กน้อย เพียงแต่ว่าพอนางเดินเข้าไปในศาลเล็กแห่งนั้นแล้วก็ต้องอึ้งตะลึงไปทันที
นางเหมือนเมล็ดข้าวสารเมล็ดหนึ่งที่เล็กจ้อยอย่างถึงที่สุดซึ่งอยู่ในถังใบใหญ่
แต่ละนามที่ถูกเขียนลงบนกำแพงสูงใหญ่ในศาลเล็กส่องประกายสว่างไสว แผ่แสงหลากหลายสีสันต่างกันออกไป
เหนือศีรษะของคนจิ๋วควันธูปมีกลุ่มดาวทอแสงเจิดจรัส
ผู้เฒ่าเก็บกระบอกยาสูบ ไพล่มือสองข้างไว้ข้างหลัง เดินหลังค่อมออกจากร้านยาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งออกจากเมืองเล็ก ตอนที่เดินผ่านสะพานหินโค้ง เขาถอนหายใจหนึ่งครั้ง เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเสียดายและไม่เข้าใจ เดินลงสะพานหินไปอย่างเชื่องช้า เลียบลำคลองหลงซวีไปถึงนอกร้านตีเหล็ก ไม่ได้เดินเข้าไปข้างใน แต่มาหยุดที่ริมลำคลอง กระทืบเท้าเบาๆ หนึ่งครั้ง สตรีผู้เป็นเทพลำคลองก็ลอยลิ่วออกมาจากใต้ลำคลอง จิตวิญญาณของนางสั่นสะเทือน หมุนตัวอย่างมึนงง พอเห็นว่าเป็นหยางเหล่าโถวก็รีบยิ้มประจบทันที “ท่านเซียนใหญ่ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เวทอภินิหารไร้เทียมทาน แค่เรียกข้าสักคำก็พอแล้ว”
หยางเหล่าโถวพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เจ้าไปที่ต้นกำเนิดของลำคลองหลงซวีเดี๋ยวนี้ แล้วจงสลายร่างทองครึ่งหนึ่งของตัวเองให้ผสานรวมกับน้ำของลำคลอง ช่วยเพิ่มน้ำหนักความอึมครึมของน้ำให้กับหร่วนฉง”
สตรีสาวอึ้งงันเป็นไก่ไม้
สลายร่างทองครึ่งหนึ่ง ผู้เฒ่าก็พูดง่าย เพราะไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญในระหว่างที่สลายร่าง หรือความเสียหายของมหามรรคาก็ล้วนมากจนมิอาจประเมินการณ์
สตรีแต่งงานแล้วอยากจะพาตัวเองหนีไปให้ไกลหนึ่งแสนแปดพันลี้เสียเดี๋ยวนั้น
แต่น่าเสียดายที่นางหนีไม่รอด
หยางเหล่าโถวพูดเสริม “เมื่อทำสำเร็จแล้ว และหร่วนฉงเปิดเตาหลอมกระบี่ได้สำเร็จ ข้าจะช่วยขอศาลเทพลำคลองให้เจ้าแห่งหนึ่ง อย่างมากสุดห้าสิบหกสิบปี เจ้าก็สามารถฟื้นคืนร่างทองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ร้อยปีพันปีหลังจากนั้นจะมีควันธูปให้เสพสุขไม่ขาดสาย นี่คือผลประโยชน์ที่เหมือนน้ำเส้นเล็กแต่ไหลยาวนาน เจ้าได้กำไรแน่นอน”
สตรีแต่งงานแล้วอึกๆ อักๆ พูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “สลายร่างทองครึ่งหนึ่ง เจ็บปวดเกินไป ข้ากลัวเจ็บนี่นา…”
ผู้เฒ่าไม่พูดอะไร แค่มองประกายแสงที่ส่องวิบวับอยู่บนพื้นผิวลำคลองหลงซวี
สตรีแต่งงานแล้วถามอย่างระมัดระวัง “ท่านเซียนใหญ่ ข้าสามารถปฏิเสธได้หรือไ?”
หยางเหล่าโถวพยักหน้า “ได้”
ขณะเดียวกันกับที่สตรีแต่งงานแล้วแอบลอบยินดีก็ยังแปลกใจมากด้วย ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เซียนใหญ่ผู้นี้หัดเข้าอกหัดเข้าใจผู้อื่น?
หยางเหล่าโถวหัวเราะเสียงเย็น “ข้าทุบร่างทองทั้งร่างของเจ้าให้แหลกย่อมได้ผลดีกว่า วางใจเถอะ รอให้จิตวิญญาณของเจ้าแหลกสลายไปในคืนนี้แล้ว วันหน้าข้าจะชดเชยให้หลานชายของเจ้าเอง”
สตรีแต่งงานแล้วรู้สึกสิ้นหวัง หลังจากชั่งน้ำหนักดีแล้วก็ถามเสียงสั่น “ท่านเซียนใหญ่ วาสนาทั้งหลายขอให้ตกอยู่ที่หลานชายของข้าคนเดียวได้หรือไม่?”
ในใจนางคาดหวังว่าจะโชคดี เพราะนางรู้ว่า ไม่ว่าเซียนใหญ่ผู้นี้จะเป็นคนยุติธรรมแค่ไหน แต่มีเพียงแค่กับหม่าขู่เสวียนหลานชายของนางเท่านั้นที่เขาทำตัวแตกต่างออกไป
ทว่าหยางเหล่าโถวกลับยังคงปฏิเสธ “ไม่ได้”
สีหน้าของสตรีแต่งงานแล้วเหมือนขี้เถ้ามอด กล่าวอย่างห่อเหี่ยว “ถ้าอย่างนั้นข้าไปที่ต้นกำเนิดของลำคลองหลงซวีดีกว่า”
หยางเหล่าโถวไม่ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ
สตรีเทพลำคลองกัดฟัน เริ่มว่ายทวนกระแสน้ำขึ้นไป ลอดผ่านสะพานหินโค้งที่ไม่มีความผิดปกติใดๆ ตรงดิ่งเข้าไปยังภูเขาลึก
หร่วนฉงมาที่ริมตลิ่ง ยืนอยู่ข้างกายผู้เฒ่าแล้วถามว่า “เรื่องที่บอกว่าจะช่วยเด็กสาวคนนั้นหลอมกระบี่ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ข้าก็ไม่รีบร้อน แล้วก็ไม่มีความคิดจะทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้าด้วย”
“เรื่องหลอมกระบี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยน”
หยางเหล่าโถวส่ายหน้า “แต่ข้าสามารถปิดบังตัวตนที่แท้จริงของบุตรสาวเจ้าได้สามสิบปี แต่เจ้าต้องรีบหลอมกระบี่เล่มนั้นให้เสร็จ นี่ต่างหากคือการแลกเปลี่ยนที่ข้าต้องการ”
หร่วนฉงเอ่ยยิ้มๆ ด้วยสีหน้าปกติ “ตัวตนที่แท้จริง?”
ผู้เฒ่าเอ่ยเรียบๆ “เจ้าหร่วนฉงแค่พยักหน้าหรือส่ายหน้าก็พอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!