กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 191

สรุปบท บทที่ 191.1: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 191.1 – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 191.1 ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

กระบี่จงมา – บทที่ 191.1 ทำการค้าก็คือการฝึกตนอย่างหนึ่ง
บทที่ 191.1 ทำการค้าก็คือการฝึกตนอย่างหนึ่ง
โดย
ProjectZyphon
แม้สะพานแห่งความเป็นอมตะของเฉินผิงอันจะหักไปแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้เขาไม่สามารถฝึกตนได้ชั่วคราว แต่ผู้ฝึกกระบี่หลายคนที่อยู่ในยุทธภพ โดยเฉพาะปรมาจารย์ใหญ่ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเวทอภินิหารแห่งกระบี่ก็ยังสามารถงัดข้อกับผู้ฝึกลมปราณที่เก่งกาจถึงขั้นพลิกภูเขาคว่ำมหาสมุทรได้เช่นกัน

ผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวที่สง่างามมากที่สุดบนโลกใบนี้มักจะเป็นผู้ฝึกกระบี่เสมอ ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์สองคนที่สถานะ พลังอำนาจ หน้าตาและมาดทัดเทียมกัน คนหนึ่งใช้หมัด คนหนึ่งใช้กระบี่ยาว มักเป็นฝ่ายหลังที่ได้รับความนิยมมากกว่าเสมอ

หากใช้หมัด ก็ต้องหมัดต่อหมัดปะทะถึงเนื้อ สู้กันจนเนื้อหนังปริแตก หรืออาจถึงขั้นหนึ่งหมัดต่อยให้ศีรษะคนอื่นระเบิดแตก มันสมองกระจาย มีหรือจะสู้ใช้กระบี่ได้?

‘นับแต่เยาว์เขามีความกล้าของคนนับหมื่น ยามนี้เสียบดาบวิเศษไว้ที่เอวยิ่งเปี่ยมพลานุภาพ แย้มยิ้มกระดกเหล้าหมดหนึ่งจอก หาญกล้าฆ่าคนกลางตลาดพลุกพล่าน’

‘เวทกระบี่เป็นอาวุธเหมาะมือ เจอเจียวหลงพิฆาตเจียวหลง’

‘สง่างามหรือไม่? องอาจหรือไม่? แน่นอน!’

ตอนที่ได้ยินชุยตงซานท่องกลอนบทนี้ตรงหน้าผาใหญ่ติดริมน้ำ แม้แต่คนที่คร่ำครึน่าเบื่อหน่ายอย่างเฉินผิงอันก็ยังอดเกิดความฮึกเหิมตามไปด้วยไม่ได้

ก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินผิงอันฝึกหมัด จะดีชั่วก็ยังมีตำราเขย่าภูเขาอยู่เล่มหนึ่ง ต่อให้แม่นางหนิงจะไม่เห็นดีด้วย แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยชี้นำแนวทางในการฝึกวรยุทธ์ให้แก่เฉินผิงอัน

ถ้าเช่นนั้นหากคิดจะฝึกกระบี่ก็ควรต้องมีวัตถุอย่างคัมภีร์กระบี่ หาไม่แล้วเฉินผิงอันก็รู้สึกว่าด้วยพรสวรรค์และเชาวน์ปัญญาอันน้อยนิดของตน คาดว่ารอจนตราบสิ้นฟ้าดินก็คงไม่อาจฝึกอะไรได้เป็นรูปเป็นร่าง

นี่ทำให้เฉินผิงอันกลัดกลุ้มไม่น้อย

นอกเรือนไม้ไผ่ มีคนเดินมาแต่ไกล ในมือของเขาถือไม้เท้าที่ทำจากไม้ไผ่ ตรงเอวห้อยยันต์ไม้ท้อ เขาตะโกนเรียกเสียงดัง “เฉินผิงอัน”

เฉินผิงอันที่กำลังยืนกลุ้มอยู่ชั้นสองหันหน้าไปมอง ตะโกนตอบเสียงดังเช่นกัน “พี่ใหญ่หลี่ ท่านมาได้อย่างไร?”

เฉินผิงอันวิ่งห้อลงมาจากหอเรือนตลอดทาง

หลี่ซีเซิ่งตั้งใจพาชุยชื่อเด็กหนุ่มที่พอจะถือว่าเป็นลูกศิษย์ของเขาครึ่งตัวมาเยี่ยมเยือนเฉินผิงอันที่เป็นเจ้าของภูเขาลั่วพั่ว

หลี่ซีเซิ่งปลดยันต์ไม้ท้อตรงเอวออกแล้วพูดเข้าประเด็นทันที “ข้าอาจจะต้องออกไปจากเมืองเล็ก จึงรีบรุดมาที่นี่เผื่อมอบของสิ่งหนึ่งให้เจ้าก่อน ถึงเวลาจะได้ไม่เร่งร้อนฉุกละหุกจนถึงขั้นไม่ทันได้พูดจากันให้ชัดเจน”

เฉินผิงอันไม่ได้ยื่นมือออกไปรบ ไม่ได้กังวลว่าบุรุษที่อยู่ตรงหน้าจะมีใจคิดร้าย แต่เคยชินกับการไม่รับค่าตอบแทนหากไม่มีผลงาน หน้าไม่หนาพอที่จะรับเอาของของคนอื่นมาเปล่าๆ

หลี่ซีเซิ่งเอ่ยว่า “หลี่เป่าเจินน้องชายข้า เจ้าคงรู้จักใช่ไหม?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ

หลี่ซีเซิ่งกล่าวต่อ “เรื่องที่จูลู่ลอบฆ่าเจ้าที่จุดพักม้าเจิ่นโถว เขาเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง แน่นอนว่าเขาทำผิด ตอนที่ข้ารู้เรื่องก็ห้ามไม่ทันแล้ว หลี่เป่าเจินเป็นคนที่ไม่ยอมรับความผิดมาตั้งแต่เด็กแล้ว และก็ช่วยไม่ได้ที่เขาเป็นพี่รองของเป่าผิง ส่วนข้าก็เป็นพี่ใหญ่ของเขา คนในครอบครัวเดียวกันก็คือคนในครอบครัวเดียวกัน ในเมื่อเขาทำผิด อีกทั้งยังไม่ยอมสำนึก ข้าก็ได้แต่ช่วยชดใช้แทนเขา”

หลี่ซีเซิ่งมองเด็กหนุ่มหน้าดำเกรียมที่ยังคงเงียบงันแล้วคลี่ยิ้ม “เจ้าวางใจเถอะ ว่ากันไปตามสถานการณ์ ยันต์ไม้ท้อชิ้นนี้เกี่ยวกับเรื่องลอบฆ่าเรื่องเดียวเท่านั้น หลังจากนี้เมื่อข้าออกไปจากเมืองเล็ก ตัวเจ้าเองต้องระวังหลี่เป่าเจินเอาไว้ หากเจ้าเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ เฉินผิงอัน ข้าขอร้องเจ้าว่าโปรดมอบโอกาสรอดชีวิตให้แก่เขาสักครั้ง ให้โอกาสเขาได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง ครั้งเดียว แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”

“แน่นอนว่าหากมีกำลังสูสี หรือตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่เจ้าไม่ตายข้าก็ม้วย เจ้าก็ไม่ต้องออมมือ รักษาตัวรอดเอาไว้ก่อน”

เฉินผิงอันใคร่ครวญอย่างละเอียดกว่าจะตอบ “ตกลง!”

หลี่ซีเซิ่งส่งยันต์ไม้ท้อมาให้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จงรับไปอย่างสบายใจ แค่ของเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีค่าให้พูดถึง”

“พี่ใหญ่หลี่ ท่านไม่จำเป็นต้องมอบของให้ข้า อีกอย่างท่านก็วางใจได้ เรื่องที่ข้ารับปากท่านไปแล้ว ข้าจะต้องทำให้ได้แน่นอน”

เฉินผิงอันโบกมือกล่าวยิ้มๆ “สามารถทำให้พี่ใหญ่หลี่เร่งรุดเดินทางมาตั้งไกลเพื่อมอบของชิ้นนี้ให้ แสดงว่าต้องมีค่ามาก อีกอย่าง…”

กล่าวมาถึงตรงนี้เฉินผิงอันก็ไม่พูดอะไรอีก

อันที่จริงอาเหลียงเคยพูดถึงครั้งหนึ่งว่า โชควาสนายิ่งใหญ่ที่แท้จริงของถ้ำสวรรค์หลีจูยังอยู่ที่ถนนฝูลวี่และตรอกเถาเย่

ลางสังหรณ์บอกกับเฉินผิงอันว่า มันอาจจะเกี่ยวข้องกับยันต์ไม้ท้อชิ้นนี้ของหลี่ซีเซิ่ง

หลี่ซีเซิ่งเห็นว่าเด็กหนุ่มยืนกรานดื้อดึงผิดปกติก็ให้ลังเลไปชั่วขณะ “ขอคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่?”

……

หลังจากที่หลงเฉวียนเลื่อนจากอำเภอเป็นเขตการปกครอง อำเภอหลงเฉวียนเดิมซึ่งมีชื่ออำเภอที่พิเศษเพราะได้รับใบบุญจากปราณมังกรนี้ก็เปลี่ยนชื่อใหม่ให้ฟังดูธรรมดาเป็นอำเภอไหวหวง ที่ว่าการเขตการปกครองตั้งอยู่ในภูเขาใหญ่แถบทิศเหนือ ที่ว่าการอำเภอยังคงตั้งอยู่ในเมืองเล็ก นายอำเภอคือขุนนางหนุ่มแซ่หยวนคนหนึ่ง ไม่เหมือนกับอู๋ยวนอดีตนายอำเภอที่มักจะลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง น้อยครั้งนักที่นายอำเภอหยวนจะเผยโฉมหน้า แต่ที่น่าแปลกก็คือภาระงานมากมายที่หยุดชะงักค้างคาก่อนหน้าที่เจ้าเมืองอู๋ อู๋ยวนจะได้เลื่อนตำแหน่ง ยกตัวอย่างเช่นการสร้างศาลเจ้าบุ๋นและบู๊ในที่ตั้งของภูเขาเครื่องปั้นและสุสานเทพเซียนกลับดำเนินงานไปได้อย่างเป็นระบบระเบียบ ดังนั้นหลายคนจึงรู้สึกว่าการที่อู๋ยวนผู้เป็นดั่งหมอนปักลายดอกไม้ได้เลื่อนขั้นแบบพรวดพราดเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลอย่างยิ่ง

ผู้เฒ่าคนอื่นๆ ที่เหลือก็เป็นประมุขของสี่แซ่สิบตระกูลในเมืองเล็กเช่นกัน ในมือของพวกเขาได้ถือครองเตาเผามังกร ที่นาคุณภาพดีและภูเขาทั่วไปจำนวนแตกต่างกันออกไป คือเศรษฐีบ้านนอกในเมืองเล็กอย่างแท้จริง

ผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อศีรษะสวมกวานสูงท่านหนึ่งเลิกผ้าม่านรถม้าขึ้นเบาๆ พอเดินลงจากรถม้า ผู้เฒ่าก็หรี่ตามองไปรอบด้าน ทำให้คนอื่นสัมผัสถึงพลานุภาพกดดันจนหายใจไม่ออกได้ทันที

ชื่อเสียงของคนก็เหมือนเงาที่ติดตามตัว

ผู้เฒ่าคนนี้ได้ครอบครองยศตำแหน่งที่แฝงไว้ด้วยพละกำลังมหาศาลจำนวนนับไม่ถ้วน ศิษย์คนแรกของเหวินเซิ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของฉีจิ้งชุน ราชครูต้าหลี อริยะแห่งลัทธิขงจื๊อ นักเล่นหมากล้อมระดับแคว้นที่เคยประมือกลางเมฆกับเจ้าเมืองนครจักรพรรดิขาว…

บุรพแจกันสมบัติทวีปคือหนึ่งในเก้าทวีปใหญ่ที่เล็กที่สุด แต่การปรากฏตัวของราชครูชุยฉานกลับช่วยให้ทวีปเล็กๆ แห่งนี้ดึงดูดสายตาของบุคคลยิ่งใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังได้มากมาย

หลังชุยฉานลงมาจากรถม้าแล้ว ทุกคนต่างก็พากันกุมมือคารวะเขาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

รอจนทุกคนค่อยๆ ยืดตัวเงยหน้าถึงค้นพบด้วยความตกตะลึงว่าด้านหลังผู้เฒ่าที่มีอำนาจล้นเหลือคนนี้มีเด็กสาวหน้าตางดงามสวมชุดสตรีชาววังเดินตามมาด้วย นี่ทำให้คนบางส่วนที่รู้เรื่องราวทำอะไรไม่ถูก

ชุยฉานเอ่ยเรียบๆ “ทุกคนกลับไปกันให้หมด”

ไม่มีใครกล้าเสนอความเห็นที่แตกต่าง แม้แต่จะเผยสีหน้าไม่พอใจก็ยังไม่มีใครกล้าทำ

ชุยฉานใช้สองนิ้วถูหยกพกชิ้นหนึ่งที่ห้อยติดเอว เดินไปทางจุดพักม้าไหวไจ๋ เด็กสาวเดินตามมาด้านหลังสีหน้าเฉยชา

ชุยฉานนั่งลงข้างโต๊ะตัวหนึ่ง บอกให้คนในจุดพักม้าเอาเหล้ามาสามไห ตอนที่ขุนนางผู้ดูแลจุดพักม้าเดินยกไหเหล้ามาพร้อมกับลูกจ้าง แต่ละคนรู้สึกปากคอแห้งผาก

ชุยฉานโบกมือปฏิเสธไม่ให้คนเหล่านั้นปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง เขาเปิดจุกฝาเหล้าด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันก็กดฝ่ามือลงเบื้องล่างแสดงให้เด็กสาวที่ยืนอย่างเคร่งขรึมอยู่ข้างโต๊ะนั่งลง พูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ต้องระมัดระวังเกินไปนัก ออกเดินทางครั้งนี้ ข้าแค่มาคุ้มครองเจ้าเท่านั้น เจ้าต่างหากที่เป็นเจ้าของฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้”

ชุยฉานยกถ้วยขาวใบใหญ่ขึ้นดื่มเหล้าบ้านป่าชั้นเลวรสชาติธรรมดา เขาไม่ถือสาในเรื่องนี้ ปีนั้นตอนที่ทรยศออกจากสำนัก เขาคนเดียวพกกระบี่หนึ่งเล่มเดินทางไปทั่วสารทิศในใต้หล้า ความลำบากใดบ้างที่ไม่เคยเผชิญ ชุยฉานจึงคิดมาตลอดว่าหากตัวเองทนรับความลำบากได้ก็เสวยสุขได้ ดังนั้นถึงได้มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้

ชุยฉานมองไปทางเด็กสาวที่มีท่าทางกระวนกระวายแล้วถามยิ้มๆ “จื้อกุย ถ้อยความทั้งหลายที่เจ้าพูดกับสำนักโหราศาสตร์ล้วนถูกบันทึกไว้ในเอกสาร ข้าอ่านทุกตัวอักษรอย่างละเอียดแล้ว ถ้าอย่างนั้นยังมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เจ้ายังไม่ได้พูดถึงอีกหรือไม่? จะเรื่องหยุมหยิมแค่ไหนก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นยุคสมัยที่เซี่ยสือและเฉาซียังหนุ่ม ข้างกายพวกเขาเคยมีคนวัยเดียวกันที่น่าสนใจบ้างหรือเปล่า? หรือยกตัวอย่างเช่นใครเจอหายนะใหญ่แต่กลับรอดตาย ใครที่โดดเดี่ยวมาตั้งแต่ยังเด็ก?”

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!