เงินของใครก็ล้วนไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้า แต่นี่ไม่เกี่ยวกับว่าในกระเป๋าของคนคนหนึ่งจะมีเงินอยู่กี่มากน้อย
เฉินผิงอันคิดว่าหากวันหน้ามีโอกาสจะยังซ่อมสะพานสร้างถนนด้วย
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูตรวจบัญชีเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มถามถึงสภาพการณ์ของร้าน เฉินผิงอันไม่เข้าร่วมด้วย เขาคิดแล้วก็ยื่นรายการของขวัญให้กับนาง บอกนางว่าไม่ต้องรีบร้อนไปซื้อของพวกนี้ เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูรับรายการของขวัญมาอย่างตั้งใจ รับรองว่าจะต้องจัดการให้นายท่านอย่างเหมาะสม เฉินผิงอันลูบศีรษะเล็กๆ ของนางแล้วมานั่งข้างกายเด็กชายชุดเขียว ฝ่ายหลังทอดถอนใจอย่างคนวิตกกังวล พร่ำพูดคำว่ายุทธภพอันตรายไม่หยุด
เด็กหนุ่มหน้าตางดงามนามว่าชุยชื่อสะพายห่อสัมภาระมาที่ร้าน บอกว่าอาจารย์ของเขามีธุระออกจากบ้านมาไม่ได้จึงวานให้เขาเอาของมาส่ง ให้บอกเฉินผิงอันว่าไม่ต้องคิดมาก รับไว้แล้วก็จงเก็บรักษาให้ดี เด็กชายชุดเขียวรู้สึกขัดหูขัดตาเด็กหนุ่มคนนี้ ปรายตาไปเห็นหน้าชุยชื่อที่พูดจาเหมือนคนแก่ก็ไม่รู้ว่าโทสะผุดมาจากไหน เขาถลันพรวดลุกขึ้นยืน “อาจารย์ของเจ้ากับนายท่านของข้าเป็นคนรุ่นเดียวกัน เจ้าเป็นแค่เด็กรับใช้ควรต้องให้ความเคารพกันบ้าง ไม่ใช่ว่านายท่านของข้าได้รับพระคุณยิ่งใหญ่เทียมฟ้าอะไร เจ้าจะวางท่าโอหังไปทำไม?”
ชุยชื่อหน้าแดงก่ำ
เฉินผิงอันรีบไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “ชุยชื่อ เจ้าไปบอกอาจารย์ของเจ้าว่า ของข้ารับไว้แล้ว และจะตั้งใจฝึกเขียนยันต์ให้ดี”
ชุยชื่อพยักหน้ารับสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะหันไปแค่นเสียงเย็นใส่เด็กชายชุดเขียวแล้วหมุนกายก้าวยาวๆ จากไป
เด็กชายชุดเขียวหันไปออกหมัดเตะต่อยมั่วซั่วใส่แผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่เดินห่างออกไปไกลถึงจะพอคลายโมโหได้บ้าง แล้วจึงกลับไปนั่งบนธรณีประตู พูดหน้ายับกลัดกลุ้ม “นายท่าน เมืองเล็กเป็นดั่งบ่อมังกรถ้ำพยัคฆ์ขนาดนี้ ท่านมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร? หากเปลี่ยนมาเป็นข้ากับนังเด็กโง่ เกรงว่าคงถูกคนแล่เนื้อถลกหนังไปนานแล้ว”
เฉินผิงอันกล่าวอย่างปลงอนิจจัง “ไม่รู้เหมือนกัน”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูเดินมาตรงธรณีประตู กล่าวด้วยน้ำเสียงของคนที่ยังหวาดผวาไม่คลาย “นายท่าน พี่สาวที่ถือถังน้ำคนนั้นคือใครหรือ? นางน่ากลัวมากเลย ข้ารู้สึกว่านางไม่ด้อยไปกว่าลูกศิษย์ของนายท่านเลย”
เด็กชายชุดเขียวส่ายหัวอย่างแรง “ให้ตายข้าก็ไม่ยอมไปที่ตรอกหนีผิงอีกแล้ว นั่นเท่ากับส่งเนื้อแกะเข้าปากเสื้อชัดๆ!”
เฉินผิงอันเบี่ยงประเด็นไปพูดเรื่องอื่น “ข้าตั้งชื่อให้กระบี่ไม้ไหวกับกระบี่อีกเล่มที่ช่างหร่วนกำลังหลอมว่ากำจัดปีศาจปราบมาร ดีไหม?”
แล้วเขาก็กดเสียงลงต่ำ “ส่วนตัวอ่อนกระบี่ก้อนนั้น ข้าคิดว่าชื่อ ‘ชูอี’ (อันดับแรก/ที่หนึ่ง/วันที่หนึ่งของทุกเดือน) หรือไม่ก็ ‘รุ่งเช้า’ ค่อนข้างเหมาะสมไม่น้อย”
เด็กน้อยสองคนหันมามองหน้ากัน
เฉินผิงอันเอ่ยยิ้มๆ “ชื่อที่ข้าตั้งพอใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ?”
มุมปากของเด็กชายชุดเขียวกระตุกยิกๆ จากนั้นก็เค้นรอยยิ้ม ชูนิ้วโป้ง “พื้นฐานความชำนาญในการตั้งชื่อของนายท่านลึกล้ำมาก ลึกล้ำจนมิอาจคาดการณ์ ปลดเปลื้องพันธนาการภายนอกกลับคืนสู่รูปลักษณ์ที่แท้จริง ความเรียบง่ายก็คือความสง่างาม มีความรู้ยิ่งกว่าบัณฑิตซะอีก!”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูขยับปากจะพูดแต่ก็ไม่พูด นางลูบคลำหน้าอกตัวเอง คิดแล้วก็รู้สึกว่าด้วยมโนธรรมในใจ อย่าพูดอะไรเลยจะดีกว่า นี่เพิ่งจะเดือนแรกของปี ไม่ควรทำลายอารมณ์ดีๆ ของนายท่าน
เฉินผิงอันเห็นท่าทางของเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูแล้วก็ถามอย่างสงสัย “หรือว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่? แต่ก็น่าจะพอถูไถได้บ้างกระมัง?”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูปิดปากแน่น การที่นางไม่พูดก็ผิดต่อมโนธรรมในใจแล้ว หากเปิดปากพูด นางคงข้ามผ่านอุปสรรคในใจด่านนี้ไปไม่ได้
เด็กชายชุดเขียวกล่าวเสียงขุ่น “อะไรกันนายท่าน ไม่เชื่อสายตาของข้าหรือ? ถ้าไม่เชื่อก็แสดงว่าสายตาของท่านไม่ได้เรื่อง!”
เฉินผิงอันถามหยั่งเชิง “แล้วชื่อที่ตั้งไว้เป็นยังไง?”
เด็กชายชุดเขียวที่เพิ่งโวยวายจบ ในที่สุดก็อดพูดเพื่อความเป็นธรรมไม่ได้ เขาลุกขึ้นยืน สองมือเท้าเอว กล่าวอย่างใส่อารมณ์ “นายท่าน! กำจัดปีศาจปราบมาร มีนักพรตเต๋าที่ชอบต้มตุ๋นคนไหนบ้างไม่ท่องประโยคนี้? ‘รุ่งเช้า’? แล้วตอนกลางวัน ตอนเย็นล่ะ? ชูอี? วันแรกของเดือน? แล้ววันที่สิบวันที่สิบห้าของเดือนล่ะ?! นายท่าน สามชื่อนี้ล้วนเป็นชื่อที่คนใช้กันให้เกร่อ ไม่เพียงแต่ไม่มีพลังอำนาจ แถมยังไม่มีความคิดสร้างสรรค์สักนิดเลยด้วย! ดูอย่างชื่อกระบี่ของคนอื่นสิ อย่างเช่นกระบี่ของลูกศิษย์นายท่าน รวงทอง ทั้งเหมาะสมกับรูปลักษณ์ ทั้งไม่ดาษดื่น และยังมีของเฉาจวิ้นที่ชื่อปลาขาว โม่ชือ (ชือคือมังกรไม่มีเขาในเทพนิยายของจีน โม่ชื่อคือชือสีหมึก ชือดำ) แล้วมาดูของนายท่าน กำจัดปีศาจปราบมาร ชูอีรุ่งเช้าอะไรนั่น หากข้าเป็นวิญญาณกระบี่ที่มีสติปัญญาแล้วคงต้องกระอักเลือดเก่าออกมาแน่ๆ”
“ยอมรับในความเห็น”
เฉินผิงอันตั้งใจใคร่ครวญอยู่นาน “แต่ข้าไม่เปลี่ยนชื่อหรอก!”
เด็กชายชุดเขียวตบหน้าผากตัวเอง พูดจู้จี้ด้วยความหวังดี “ทางทิศใต้ของแจกันสมบัติทวีปเรามีตระกูลเซียนแห่งหนึ่งที่ชื่อเสียงขจรไกล แต่บรรพบุรุษผู้บุกเบิกภูเขากลับตั้งชื่อให้ว่าหมัดเทพไร้เทียมทาน ถูกคนหัวเราะเยาะอยู่หลายปี นายท่าน การตั้งชื่อของท่านก็คล้ายคลึงกับพวกเขา แต่ยังดีที่นายท่านไม่เหมือนผู้ฝึกกระบี่ที่มีพรสวรรค์ คาดว่าในอนาคตชื่อของกระบี่ที่ท่านพกคงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ยิน เพราะฉะนั้นเอาที่นายท่านสบายใจก็พอ”
เฉินผิงอันจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หัวใจพลันสั่นสะท้าน จึงลุกขึ้นยืนอย่างไม่กระโตกกระตาก “พวกเจ้ารออยู่ที่ตรอกฉีหลงก่อน ข้าจะไปเดินเล่นที่อื่นสักหน่อย”
เฉินผิงอันเดินมาที่เรือนด้านหลังร้านตระกูลหยาง
หยางเหล่าโถวรอให้เฉินผิงอันนั่งลงแล้วถึงเอ่ยเนิบช้า “พูดเรื่องเล็กก่อน ไปบอกให้งูหลามตัวน้อยที่ตามก้นเจ้าต้อยๆ สองตัวนั้นรีบออกจากเมืองเล็ก กลับไปยังภูเขาลั่วพั่วซะ อีกไม่นานหร่วนฉงจะเปิดเตาหลอมกระบี่ พลังอำนาจจะกระจายไปไกลมาก ภูตผีปีศาจทั้งหมดที่อยู่ในขอบเขตของเขตการปกครองหลงเฉวียนอาจต้องโดนลูกหลงไปด้วย เบาหน่อยก็ถูกเสียงตีเหล็กยามหลอมกระบี่สลายตบะที่สั่งสมมาร้อยปี หรืออาจถึงขั้นกลับคืนสู่รางเดิม จิตวิญญาณแหลกสลายไปโดยตรง หลังจากนี้เขตปกครองหลงเฉวียนและอำเภอไหวหวงจะป่าวประกาศแก่ปีศาจทั้งหมดที่ลงทะเบียนไว้ หากไม่ออกไปจากที่นี่ชั่วคราวก็ต้องไปหลบภัยอยู่ในศาลบุ๋นบู๊ หรือไม่ก็ในภูเขาใหญ่ เพราะสถานที่เหล่านี้มีทั้งลมและน้ำ ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น สามารถช่วยสกัดกั้นริ้วคลื่นจากการหลอมกระบี่ของหร่วนฉงได้ เจ้าเด็กน้อยสองคนนั้นของเจ้า อย่าได้คิดว่ามีป้ายสงบสุขไร้กังวลแล้วจะสงบสุขได้จริงๆ”
สีหน้าของเฉินผิงอันเคร่งเครียด “ได้ ข้าจะกลับไปบอกพวกเขาสองคน”
หยางเหล่าโถวสูบยาคล้ายกำลังใคร่ครวญคำพูดที่จะใช้
เฉินผิงอันนั่งสำรวมอย่างกระวนกระวาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!