เกรงว่าคงมีแต่เด็กหนุ่มคิ้วยาวที่เงียบขรึมมาตั้งแต่เด็กเท่านั้นที่สภาพจิตใจค่อนข้างสงบนิ่ง เพราะเซี่ยสือได้อธิบายเกี่ยวกับโลกภายนอกให้เขาฟังคร่าวๆ แล้ว อีกทั้งยังให้เด็กหนุ่มอยู่ตีเหล็กหลอมกระบี่กับหร่วนฉงก่อนชั่วคราว เรื่องของโชควาสนานี้ ไม่ใช่ว่าวางอำนาจบาตรใหญ่โดยอาศัยบารมีของบรรพบุรุษตัวเองแล้วจะดี จิตใจของเด็กหนุ่มคิ้วยาวหนักแน่นเด็ดเดี่ยว ต่อให้จะรู้ว่าอีกไม่นานเซี่ยสือบรรพบุรุษของตนก็จะกลายเป็นเทียนจวินคนแรกของอุตรกุรุทวีปที่อยู่ทางทิศเหนือแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตบะหรือฐานะก็ล้วนเหนือกว่าหร่วนฉงหนึ่งระดับ แต่เด็กหนุ่มกลับยังไม่มีท่าทีว่าจะย้ายสำนักใหม่ นี่ทำให้เซี่ยสือรู้สึกชื่นชมอยู่ในใจ เพราะนี่คือจิตใจที่ลูกหลานตระกูลเซี่ยสมควรมี
เด็กหนุ่มไม่มีทางรู้เลยว่า หากปณิธานของเขาเอนเอียงเพียงเล็กน้อย เซี่ยสือก็จะล้มเลิกความคิดที่จะอบรมปลูกฝังเขาไปทันที และอาจถึงขั้นเป็นฝ่ายไปพูดกับหร่วนฉงด้วยตัวเอง หลีกเลี่ยงไม่ให้ตระกูลต้องโชคร้าย เกิดหายนะทอดยาวไม่จบไม่สิ้น
หากเป็นอย่างนั้นก็หมายความว่าเด็กหนุ่มคิ้วยาวแทบจะสูญเสียโอกาสในการพิสูจน์เส้นทางการเป็นอมตะและไม่เหลือความเป็นไปได้ที่จะพลิกฟื้นกลับมาอีกอย่างสิ้นเชิง
การรับลูกศิษย์ของเซียนซือบนภูเขา โดยเฉพาะเทพเซียนพสุธาของลัทธิเต๋า จะให้ความสำคัญต่อใจในการฝึกตนอย่างมาก ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะแน่ใจได้ ส่วนใหญ่มักจะต้องพเนจรไปทั่วสารทิศหลายสิบปีถึงจะพบลูกศิษย์ที่พึงพอใจให้มาสืบทอดควันธูปต่อได้ ระยะเวลาระหว่างนี้เซียนซือหลายคนจะมีการทดสอบลูกศิษย์ของตนหลากหลายรูปแบบ ความร่ำรวย ความเป็นความตาย ความรัก เรื่องอีกมากมายบนโลกมนุษย์ ฯลฯ ล้วนเป็นด่านที่ผู้ฝึกตนต้องก้าวผ่านเพื่อเดินขึ้นสู่สวรรค์ให้ได้ จะเป็นปลาที่ปะปนกันอยู่ในแม่น้ำต่อไป หรือจะเป็นปลาหลีที่กระโดดข้ามประตูมังกรก็อยู่ที่แค่ความคิดเดียวเท่านั้น
มหามรรคาทอดยาว ผู้ฝึกลมปราณทุกคนที่เลื่อนสู่ขอบเขตสิบ โดยเฉพาะห้าขอบเขตบนจึงล้วนเป็นพวกที่มีฝีมือเลิศล้ำอย่างไม่มีข้อยกเว้น
เพียงแต่ว่ามหามรรคายาวไกล เส้นทางที่เดินขึ้นสู่ภูเขาไม่มีจำนวนที่แน่นอน ด้วยเหตุนี้ต่างคนจึงมีโชควาสนาที่ต่างกัน นิสัยที่เทียนจวินเซี่ยสือไม่ชอบ หากไปอยู่ในสายตาของอริยะสำนักอื่นหรือสำนักนอกรีตก็อาจจะกลายมาเป็นหยกชิ้นงามชิ้นหนึ่ง ดังนั้นคำโบราณจึงมีประโยคที่ว่าฟ้าย่อมมีทางออกให้คนเสมอ
แน่นอนว่าเซี่ยสือมีฐานะสูงส่ง ดวงตาของเขาจึงมองแต่จุดสูงตามไปด้วย อันที่จริงด้วยพรสวรรค์และความสามารถของเด็กหนุ่มคิ้วยาว หากไปอยู่ในสำนักตระกูลเซียนของแจกันสมบัติทวีปก็ถือว่าเป็นตัวอ่อนในการฝึกตนที่ดีเยี่ยมที่ทุกคนต้องแย่งชิงกันโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น ต้องแย่งมาเป็นลูกศิษย์ให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน ทุกครั้งที่ในสำนักมีเทพเซียนห้าขอบเขตกลางเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน ไม่ว่าจะเอามาใช้สยบจักรพรรดิขุนนางของราชวงศ์ในโลกมนุษย์ หรือเอามาสร้างสัมพันธ์อันมหัศจรรย์กับ ‘เพื่อนบ้าน’ บนภูเขาที่อยู่รอบด้านก็ล้วนช่วยได้มาก ไหนเลยจะคอยจับผิดหาข้อด้อยอย่างเทียนจวินเซี่ยท่านนี้
เซี่ยสือดื่มเหล้าช้าๆ ด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม
“ท่านบรรพบุรุษมีเรื่องในใจหรือ?” เด็กหนุ่มคิ้วยาวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ คนจิ๋วควันธูปที่ระดับสูงมากคู่หนึ่งเห็นว่าไม่มีคนนอกอยู่ด้วยจึงกระโดดลงมาจากกรอบป้ายของห้องโถง มายืนอยู่บนไหล่ของเด็กหนุ่มแล้วเอาหัวไล่ดุนดันกันไปมาอย่างสนุกสนาน เด็กหนุ่มคิ้วยาวเคยชินกับการกระทำของพวกเขาเสียแล้ว
เซี่ยสือดื่มเหล้าเงียบๆ “ก็แค่ถามใจตัวเองแล้วรู้สึกละอายเท่านั้น”
เด็กหนุ่มคิ้วยาวตะลึง “ท่านบรรพบุรุษร้ายกาจขนาดนี้ ยังจำเป็นต้องทำเรื่องที่ตัวเองไม่ต้องการอีกหรือ?”
เซี่ยสือยิ้ม “วันหน้าเจ้าเองก็จะต้องมีเรื่องให้ไม่สบอารมณ์เช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องตกอกตกใจ นิสัยของเจ้านั้นตรงไปตรงมามากกว่าจะมีไหวพริบว่องไว เหมาะกับการเรียนกระบี่มาก ลัทธิเต๋าเน้นย้ำในเรื่องของความสงบบริสุทธิ์ นิสัยอาจฟังเหมือนน้ำนิ่งในบ่อ แต่อันที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะจำเป็นต้องทบทวนใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา ตรงไปตรงมาในทุกเรื่องราว ไม่ได้ผ่อนคลายเลยสักนิด”
เด็กหนุ่มคิ้วยาวของตระกูลเซี่ยพยักหน้ารับ
เซี่ยสือมองใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์อยู่มากแล้วก็ถอนหายใจอยู่ในใจ
กลียุคกำลังจะมาถึง เหล่าวีรบุรุษทยอยกันปรากฏตัว ชะตากำหนดมาให้เป็นช่วงเวลาแห่งสีสันอันงดงาม แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีความเป็นความตายและการจากลาที่น่าจนใจเกิดขึ้นอีกมากมาย ไม่ว่าจะบนภูเขาหรือล่างภูเขาก็ล้วนไม่ต่างกัน
เซี่ยสือโบกมือบอกเป็นนัยให้เด็กหนุ่มจากไปได้
คนจิ๋วควันธูปคู่นั้นจึงกระโดดกลับไปบนกรอบป้าย อิงแอบแนบชิดกัน กระซิบพูดคุยกันเบาๆ
เซี่ยสือหลับตาทำสมาธิ ลมหายใจทอดยาว เข้าฌานลืมตนจิตใจล่องลอยไปไกล
……
หลังออกจากมาตรอกเถาเย่ เฉาซีก็เริ่มเดินเตร่ไปทั่ว เขาเดินไปตามตรอกน้อยใหญ่ เศรษฐีเฒ่ายิ้มตาหยี คนนอกไม่รู้ตัวตนที่องอาจของเขา และเฉาซีเองก็สามารถพูดคุยกับทุกคนได้หมด หากไม่เป็นเพราะตอนนี้สมบัติในถ้ำสวรรค์หลีจูถูกกวาดไปจนเกลี้ยงหมดแล้ว ด้วยนิสัย ‘ห่านบินผ่านยังถอนขน’ ของเฉาซียามที่อยู่ในนาตยทวีป เกรงว่าคงต้องพลิกเมืองเล็กค้นให้ทั่วก่อนถึงจะสาแก่ใจ เฉาซีเจ็บแค้นอยู่ในใจ โมโหการบังคับซื้อขายของราชวงศ์ต้าหลีก่อนหน้านี้ ตามคำรายงานลับจากลูกหลานสกุลเฉา การค้นหาสมบัติเหมือนการจับปลาในหนองบึงของต้าหลีครั้งนั้นทำให้พวกเขาได้รับผลเก็บเกี่ยวมหาศาลอย่างแท้จริง ต่อให้เป็นเฉาซีที่ตบะสูงถึงขนาดนี้ก็ยังอดอิจฉาตาร้อนไม่ได้
ศึกสังหารมังกร เหล่าปราชญ์เมธีของสามลัทธิร้อยสำนักต่างก็มาเปิดศึกนองเลือดกันที่นี่ พวกเขาสู้กันจนฟ้าคว่ำดินพลิก ศพร่วงกราวลงมาจากท้องฟ้าเหมือนหิมะ จากนั้นอริยะสี่ท่านก็จับมือกันเยื้องกรายลงมาจากท้องฟ้า วาดเขตพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นดั่งกรงขัง สมบัติทุกอย่างจึงถูกทิ้งไว้ในถ้ำสวรรค์เล็กๆ แห่งนี้ ทุกๆ หกสิบปีถึงจะเปิดประตูต้อนรับแขกหนึ่งครั้ง ให้แต่ละคนอาศัยความสามารถของตัวเอง ควักเงินจ่ายค่าผ่านทาง อาศัยสายตาของตนมาควานหาสมบัติ และคนส่วนใหญ่เมื่อออกไปจากที่นี่ก็จะโชคดีขอบเขตทะยานพรวดพราด
เฉาซีลังเลอยู่ชั่วครู่ พูดพึมพำกับตัวเองว่า “ลูกหลานย่อมมีโชควาสนาของลูกหลานกะผีน่ะสิ หากไม่พูดอะไรบ้าง ข้าว่ามันอันตรายเกินไป”
เขามายังที่ว่าการของผู้ตรวจการ คนเฝ้าประตูเป็นคนสายตาไม่ค่อยดี อีกทั้งยังไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รู้เรื่องในตระกูลเฉาและเรื่องบนภูเขา จึงพุ่งมาขวางเฉาซีไว้ด้วยท่าทางดุดัน เฉาซีเองก็ไม่โกรธ พูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับคนเฝ้าประตูด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไปๆ มาๆ กลับคุยกันถูกคอ สุดท้ายเป็นเฉาจวิ้นที่ย้ายออกจากบ้านตระกูลเฉามาพักอยู่ที่นี่ชั่วคราวที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงเอ่ยเตือนเฉาเม่าผู้ตรวจการไปคำหนึ่ง ลูกหลานสายตรงของสกุลเฉานายพลเอกรุ่นนี้ตกใจจนรีบวิ่งปรู๊ดมาที่หน้าประตูใหญ่ เห็นบรรพบุรุษที่ตนครุ่นคิดถึงตลอดเวลาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงคุกเข่าลงดังตุ้บ โขกหัวดังปั่กๆ
ทำเอาคนเฝ้าประตูตกใจขวัญหนีดีฝ่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!