กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 216

กระบี่จงมา – บทที่ 216.2 ลงมือ
บทที่ 216.2 ลงมือ
โดย
ProjectZyphon
อันที่จริงศาลเทพภูเขาของที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่บูชาร่างทองของบุรุษผู้นี้ เดิมทีเป็นศาลที่จัดตั้งขึ้นอย่างผิดระเบียบเพราะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักแคว้นไฉ่อี บวกกับที่พื้นที่รอบด้านคือสุสานไร้ญาติ ปราณสกปรกแผ่ปกคลุมไปทั่วทิศ บุรุษร่างสูงใหญ่ได้รับควันธูปจึงโชคดีได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่น้ำและภูเขาได้สำเร็จ หลังจากนั้นเพื่อการฝึกตนของตัวเอง เขาก็ถึงขั้นยอมจับปลาในน้ำขุ่น เพิ่มระดับการแห้งเหี่ยวโรยราของภูเขาและแม่น้ำให้เร็วขึ้น ในฐานะแกนกลางการโคจรของค่ายกล บ้านโบราณจึงแค่ดึงดูดเอาปราณดำมืดชั่วร้ายมาโดยที่ไม่เผาผลาญปราณวิญญาณของภูเขา กลับเป็นการช่วยรักษาสมดุลของแม่น้ำและภูเขาเอาไว้ ทว่าเรื่องวงในเหล่านี้พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ นักพรตเต๋าวัยกลางคนที่จมดิ่งสู่วิถีมารกับเทพภูเขาเถื่อนที่เดินไปบนเส้นทางที่ไม่เที่ยงตรง ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้กันดีอยู่แก่ใจ จะอย่างไรซะพวกเขาทั้งสองก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว

จู่ๆ บุรุษร่างสูงใหญ่ก็พลันถามสีหน้าดุดัน “เพื่อช่วงชิงพื้นที่ทั้งหมดกลับคืนมา เจ้าปรารถนาอยากครอบครองเรือนกายของผีสาวตนนั้น และหากเจ้าได้ควบคุมมันก็ย่อมต้องเป็นดั่งพยัคฆ์ติดปีก ถ้าอย่างนั้นไอ้หมอนั่นล่ะคิดอะไรอยู่? หรือว่าในบ้านโบราณหลังนี้ยังมีสมบัติอาคมล้ำค่าที่ข้าไม่รู้ซ่อนอยู่อีก?”

นักพรตเต๋าวัยกลางคนหัวเราะหึหึ “เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจหรอก ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้พวกเราค่อยไปถามเขาด้วยกันดีไหมล่ะ?”

บุรุษร่างสูงใหญ่อารมณ์ดีขึ้นทันตา “แบบนี้ย่อมดีที่สุด!”

นักพรตเต๋าหันมองไปรอบด้าน นอกจากดินโคลนแล้ว อย่างมากก็มีแต่หน้าผาโล้นเตียน ต้นไม้สีเขียวมีให้เห็นเป็นหย่อมๆ แต่เขากลับรู้ดีว่านี่ต้องมอบคุณความชอบให้กับ ‘อารมณ์สุนทรี’ ของผีสาวตนนั้น ผืนดินแห่งนี้ถึงได้มีกลิ่นอายของความมีชีวิตชีวาอยู่บ้าง

ไม่ว่าจะเป็นด้านโชควาสนาหรือด้านนิสัยของผีสาวตนนั้นก็ล้วนเป็นสิ่งที่หาได้ยาก หลังจากนักพรตขยับเข้ามาใกล้ที่แห่งนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องได้นางมาครอบครองให้ได้

นักพรตทอดสายตามองไปยังบ้านโบราณหลังนั้นแล้วจุ๊ปากพูด “ต้นไม้นี้กิ่งก้านแห้งเหี่ยวใบปลิดปลิว มองดูแล้วคงหมดซึ่งชีวิตชีวา”

คิดไม่ถึงว่าเทพภูเขาเถื่อนก็เคยเรียนหนังสือมาก่อน จึงรับคำยิ้มๆ ว่า “ขนาดต้นไม้ยังเป็นเช่นนี้ นับประสาอะไรกับคน”

หนึ่งนักพรตหนึ่งองค์เทพมองหน้าและส่งยิ้มให้กัน

……

เรือนชั้นที่สองของบ้านโบราณ ห้องปีกข้างห้องหนึ่งดับไฟมืดสนิทแล้ว บัณฑิตทั้งสองน่าจะนอนหลับกันแล้ว แต่ในห้องของเด็กหนุ่มที่สะพายกล่องไม้กับนักพรตหนุ่มกลับยังมีแสงไฟสว่างโร่ ไม่รอให้หญิงชราเดินมาเคาะห้อง ชายฉกรรจ์ที่ติดเหล้าเป็นชีวิตจิตใจได้กลิ่นหอมของเหล้าโชยมาแต่ไกล เขาจึงตบประตูห้องด้วยตัวเอง “มีเหล้าให้ดื่มหรือไม่? หากมี ถ้าอย่างนั้นก็เอาเหล้ามาแลกชีวิต รับรองว่าเจ้าจะมีแต่กำไรไม่ขาดทุน!”

หญิงชราไม่ได้ขัดขวาง เพียงเอ่ยว่า “พวกเจ้าจัดหาห้องพักกันเองก็แล้วกัน”

เฉินผิงอันผูกน้ำเต้าบรรจุเหล้าไว้ให้ดี เดินไปเปิดประตูห้องก็เห็นชายฉกรรจ์แปลกหน้าหน้าตาท่าทางหยาบกระด้างคนหนึ่ง

มือดาบเครายาวปรายตามองเฉินผิงอันแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าหนูน้อย ได้ยินเสียงเดินกับเสียงลมหายใจของเจ้า น่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์กระมัง? ตอนนี้ถึงขอบเขตสองแล้วหรือยัง?”

เฉินผิงอันตอบด้วยรอยยิ้ม “เรียนวรยุทธ์กับผู้อาวุโสในตระกูลมาตั้งแต่เด็ก นี่เป็นครั้งแรกที่ออกเดินทางในยุทธภพ ยังไม่รู้ว่าขอบเขตตัวเองอยู่ในระดับไหน”

หันกลับไปมองก็เห็นว่านักพรตจางซานถูกเสียงดังปลุกให้ตื่น กำลังลุกขึ้นนั่งสวมรองเท้าอยู่บนเตียง

มือดาบเครายาวก้าวยาวๆ ข้ามผ่านธรณีประตูเข้ามานั่งแปะลงบนเก้าอี้ จุ๊ปากพูด “ไม่รู้ขอบเขต? ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่ามาจากชนบทที่ห่างไกลความเจริญน่ะสิ? แล้วทำไมถึงพูดภาษาทางการของแจกันสมบัติทวีปพวกเราได้คล่องแคล่วขนาดนี้? หากเป็นบ้านนอกของแคว้นเล็กๆ ทั่วไปจะไม่เรียนรู้เรื่องพวกนี้หรอก! ว่ามา เจ้าใช่ผีร้ายที่ห่มหนังคนหรือไม่?!”

มือดาบชักดาบออกจากฝักมาเกินครึ่ง ประกายดาบจ้าแสบตา ถลึงตาจ้องมองมาอย่างขุ่นเคืองพลางคำรามก้อง “รีบบอกชื่อของเจ้ามา ดาบของข้าผู้แซ่สวีไม่เคยบั่นคอผีไร้นาม!”

เฉินผิงอันหันมามองหน้ากับนักพรตจางซาน

หรือว่าเป็นเพราะตากฝนอยู่ด้านนอก น้ำจึงเข้าสมองพี่ชายผู้นี้แล้ว?

ผีร้าย?

ในบรรดาผู้ฝึกลมปราณ มีผู้ฝึกตนอิสระอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ที่มาของพวกเขาซับซ้อนยากแยกแยะ แม้ว่าภูตผีปีศาจจะได้รับการดูถูกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็อยู่ไกลเกินกว่าจะถูกคนไล่ฆ่าทุบตี ทว่าผีผู้ฝึกตนกลับเป็นข้อยกเว้น หากถูกค้นพบเข้าก็แทบจะต้องถูกผู้คนร้องด่าไล่ฆ่า หากจะบอกว่าการพิสูจน์ความเป็นอมตะของผู้ฝึกลมปราณถือเป็นเรื่องที่ละเมิดต่อกฎสวรรค์ ถ้าอย่างนั้นคนตายแล้วถูกฝังลงใต้ดิน ก็ถือเป็นวิถีแห่งมนุษย์ ทว่าเมื่อผีผู้ฝึกตนละเมิดกฎข้อนี้ก็เท่ากับเป็นวิถีนอกรีตชั่วร้ายที่ผู้คนต้องการสังหารให้หมดสิ้น

เซียนฝึกตนขณะมีชีวิตอยู่ เทพได้รับแต่งตั้งขณะที่ตายไปแล้ว

ผีผู้ฝึกตนก็คือข้อยกเว้นพอดี ทั้งไม่ใช่ผู้ที่ฝึกตนตอนมีชีวิตอยู่ในโลก แล้วก็ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและแม่น้ำที่ทางราชสำนักแต่งตั้ง มอบร่างทองให้หลังจากที่ตายไปแล้ว

ดังนั้นเป้าหมายที่กระบี่ไม้ท้อของเทียนซือในภูเขามังกรพยัคฆ์ผู้ซึ่งมีมรรคาถาลึกล้ำอย่างแท้จริงชี้ไป ก็มักจะเป็นผีร้ายที่สร้างความวุ่นวายก่อเรื่องไปทั่ว มากกว่าจะชี้เข้าหาภูตที่ส่วนใหญ่หลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านร้านตลาด

คำว่าภูตนี้ ยิ่งเป็นแถบพื้นที่ที่มีผู้คนสัญจรกันขวักไขว่ การค้าเจริญรุ่งเรืองก็ยิ่งไม่มีความหมายในเชิงลบที่ชัดเจนอีกแล้ว

และในความเป็นจริงแล้ว แคว้นใหญ่ๆ บางแห่ง โดยเฉพาะราชวงศ์ที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งกองกำลังบนภูเขาหยั่งรากลึกมั่นคง ต่อให้เป็นชาวบ้านทั่วไปก็ยังเคยชินกับการที่ภูตประหลาดนับร้อยนับพันชนิดใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้คนในโลกมนุษย์

เล่าลือกันว่าภูตน้อยจำนวนมากที่ช่วยสตรีแต่งงานแล้วล้างหน้าหวีผม แต่งหน้าประทินโฉม พับเสื้อผ้า ฯลฯ จะมีปีกคอยบินไปบินมาอย่างคล่องแคล่วว่องไวถึงขีดสุด อีกทั้งจะรักและสนิทสนมกับเจ้านายของพวกมันไปทุกชาติทุกภพ

เฉินผิงอันไม่ได้อธิบายอะไร เขาเพียงปลดน้ำเต้าบรรจุเหล้าออกจากเอวแล้วดื่มเงียบๆ

ชายฉกรรจ์เครายาวอึ้งตะลึง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง เห็นได้ชัดว่าพยาธิหิวเหล้าในท้องทำพิษซะแล้ว ความดุดันของเขาพลันลดฮวบ ทำหน้าหนายื่นมือไปขอ “ขอแค่เชิญให้ข้าดื่มเหล้า ต่อให้เจ้าเป็นผี ข้าก็จะหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง ขอแค่ไม่กระทำการชั่วร้ายให้ข้าเห็นจะๆ ทุกอย่างก็ล้วนพูดง่าย”

เฉินผิงอันส่ายหน้า ไม่ยอมส่งให้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!