‘ปราบมาร’ กระบี่ไม้ที่ทำมาจากไม้ต้นไหว
หินดีงูก้อนที่ลู่เฉินส่งคืนผ่านทางเฮ้อเสี่ยวเหลียง ต่อให้ไม่นับในข้อที่มันเป็นที่ชื่นชอบของพวกมังกรและเจียวในโลกก็ยังถือว่าเป็นวัตถุดิบวิเศษที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมที่สุด
ส่วนตราประทับสามชิ้นที่อาจารย์ฉีมอบให้ตนล้วนสลักมาจากหินดีงูที่ดีที่สุด
เหล็กหมาดหิมะรวมไปถึงกระดาษยันต์คุณภาพเยี่ยมปึกใหญ่ที่หลี่ซีเซิ่งมอบให้
น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่มีความพิเศษมากในบรรดาวัตถุอาคมซึ่งห้อยไว้ที่เอว คือสมบัติที่ผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตกลางส่วนใหญ่ปรารถนาอยากจะครอบครอง
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่มที่รับเขาเป็นเจ้านายชั่วคราวอย่างชูอีและสืออู่
ดังนั้นตอนที่เฉินผิงอันเดินกลับห้องเพียงลำพัง เท้าของเขาจึงล่องลอยเป็นพิเศษ เหมือนกับเด็กชายชุดเขียวเวลาที่ไม่ได้เจอคนฝีมือสูงกว่าบนถนนอย่างยิ่ง
แม้ว่าตอนนี้ยังไม่สามารถตัดสินระดับของวัตถุทุกชิ้นได้อย่างละเอียด แต่ของที่เขาเอามาจากภูเขาลั่วพั่วต้องไม่ได้แย่อย่างแน่นอน
ดื่มเหล้า ต้องดื่มเหล้า!
ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไม่มีเหล้าเหลืออยู่แล้ว เฉินผิงอันจึงไปสอบถามราคาเหล้าของโรงเตี๊ยมจากลูกจ้างในร้าน พอได้ยินว่าเป็นเหล้าหมักพื้นเมืองของเมืองแยนจือ หนึ่งจินอย่างน้อยต้องจ่ายแปดเหรียญเงิน ส่วนเหล้าแยนจือซึ่งเป็นสินค้าขายดีของโรงเตี๊ยมนั้น หนึ่งจินราคาสิบสองเหรียญ อีกทั้งยังห้ามต่อรองขอลดราคาด้วย! น้ำเต้าของเฉินผิงอันบรรจุเหล้าได้สิบกว่าจิน เหล้าแยนจือที่แพงที่สุดสิบจินก็แค่หนึ่งร้อยตำลึงเงินเท่านั้น! ไม่ใช่เงินเกล็ดหิมะหนึ่งร้อยเหรียญที่พวกเทพเซียนบนภูเขาใช้กันโดยเฉพาะ ไม่ดื่มเหล้ารสเลิศแบบนี้จะไม่ผิดต่ออาวุธวิเศษ อาวุธอาคมบนร่างของตัวเองที่มีมากเหมือนกองเงินกองทองหรอกหรือ?
ดังนั้นเฉินผิงอันจึงตัดสินใจซื้อเหล้าต้มพื้นเมืองสิบจินอย่างเด็ดเดี่ยว
เดิมทีคนทั้งสามต่างแยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมันแล้ว ผลกลับกลายเป็นว่าหลิวเกาหวามาที่โรงเตี๊ยมอีกครั้ง เขามาเคาะประตูห้องของจางซานเฟิงก่อน นี่คือลูกหลานขุนนางอันดับหนึ่งของเมืองแยนจือ ตอนที่มาใบหน้าของเขากระอักกระอ่วนไม่น้อย เพราะด้านหลังยังมีคู่ชายหนุ่มหญิงสาวอายุน้อยติดตามมาด้วย ผู้หญิงใบหน้าคล้ายคลึงหลิวเกาหวาอยู่หลายส่วน คาดว่าน่าจะเป็นพี่สาวของเขา เขาอธิบายเรื่องราวให้จางซานเฟิงฟัง จางซานเฟิงถึงได้รู้ว่าที่แท้พวกเขามาก็เพื่อขอยาประเภทน้ำมันนวดของชาวยุทธ์ บอกว่าคืนนี้ตอนที่คุณชายหลิ่วไปดูเทพเซียนเฒ่าแสดง เพราะมีคนเยอะเกินไป อีกทั้งยังเป็นถนนยามค่ำคืน ไม่ทันระวังเลยสะดุดล้มหัวกระแทก ตอนนี้ยังมึนหัวไม่หาย ร้านยาในเมืองปิดไปนานแล้ว พี่สาวของเขาเป็นห่วงคุณชายหลิ่วมาก ได้ยินว่าน้องชายรู้จักกับจอมยุทธ์ในยุทธภพและเทพเซียนบนภูเขาจึงอยากจะขอให้ช่วยดูให้หน่อย อย่าให้มีต้นตอของโรคร้ายทิ้งไว้เด็ดขาด ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนางจะเป็นคนออกเอง
นักพรตจางซานเฟิงจึงพาคนทั้งสามไปที่ห้องของสวีหย่วนเสีย ชายฉกรรจ์เคราดกเองก็ใจกว้าง ช่วยดูอาการให้บัณฑิตที่อ่อนแอผู้นั้นแล้วบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก พอเห็นว่าฝ่ายหญิงดูไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ ชายฉกรรจ์ที่ยิ่งแก่นิสัยก็ยิ่งเผ็ดร้อนจึงหยิบแผ่นเย็นแผ่นหนึ่งออกมาจากในห่อสัมภาระ บอกให้บัณฑิตแซ่หลิ่วแปะไว้เหนือจุดไท่หยาง รับรองว่ายานี้จะช่วยกำจัดต้นตอของโรค และไม่ทิ้งผลร้ายไว้เบื้องหลัง
สตรีผู้นั้นถึงได้วางใจ นั่งลงบนเก้าอี้ สายตาอ่อนโยนที่มองไปยังบัณฑิตเต็มไปด้วยความสงสารเวทนา บัณฑิตปลอบใจนางว่าไม่ต้องเป็นห่วง คำพูดที่ใช้สุภาพแต่แฝงความหมายที่ตีความไปได้หลากหลาย
ชายฉกรรจ์หนวดดกทนรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้มากที่สุด เขาที่มองดูอยู่ถึงกับเสียวฟันแปลบ
จางซานเฟิงที่แม้จะเป็นคนออกบวช แต่กลับไม่เคยพลาดเรื่องครึกครื้น สนุกคนเดียวไม่สู้สนุกกันหลายๆ คน เขาจึงรีบวิ่งไปลากเฉินผิงอันมาร่วมวงด้วย บอกว่าพี่สาวของหลิวเกาหวาเป็นแม่นางที่ท่าทางสุภาพเรียบร้อย วันนี้พาบัณฑิตที่ดูเป็นผู้ดีมาด้วยคนหนึ่ง ดูท่าแล้วอีกไม่นานคงจะได้เป็นลูกเขยจวนเจ้าเมือง เฉินผิงอันเพิ่งจะรินเหล้าใส่น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่จนเต็ม ในห้องจึงมีแต่กลิ่นเหล้ากับกาเหล้าเปล่าหนึ่งใบ เห็นว่าจางซานเฟิงจะพาตนไปดูเรื่องสนุกให้ได้ หากตนไม่ไปคงไม่ยอมเลิกรา เพราะไม่อยากเปิดเผยพิรุธเรื่องเหล้าให้ใครเห็นจึงได้แต่ล้มเลิกความคิดที่จะฝึกท่าเจี้ยนหลู ตามเขาไปที่ห้องของสวีหย่วนเสีย รอจนเฉินผิงอันเดินเข้าไปในห้อง คู่รักที่ไปแอบพรอดรักกันในเงามืดใต้แสงจันทร์ก็สูดลมหายใจดังเฮือกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ศัตรูไม่ขยับ ข้าก็ไม่รุก
เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง นั่งแปะลงไปข้างโต๊ะแล้วก็ปลดน้ำเต้าออกมา เริ่มดื่มเหล้าอยู่กับตัวเอง
บัณฑิตแซ่หลิ่วจะนั่งก็กระสับกระส่าย จะยืนก็ไม่เป็นสุข ส่วนพี่สาวของหลิวเกาหวา สตรีที่โดนนิยายรักมัวเมาให้ลุ่มหลงก็ยิ่งร้อนตัว ถึงอย่างไรก็เป็นคุณหนูใหญ่ในตระกูลชนชั้นสูง ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็จะตัดสินใจแต่งงานกับชายแปลกหน้า ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะหยิบยกมาพูดได้ แม้จะบอกว่าประเพณีของชาวแยนจือเปิดกว้าง แต่บุตรสาวคนโตของเจ้าเมืองมาโอบกอดลูบคลำอยู่กับบัณฑิตต่างถิ่น แล้วถูกคนมาพบเห็นเข้า หากเป็นคนที่ปากสว่าง เกรงว่าพรุ่งนี้เรื่องนี้คงแพร่สะพัดไปทั่วเมือง
หลิวเกาหวาถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “ทำไม พวกเจ้าสามคนรู้จักกันหรือ?”
เป็นบัณฑิตแซ่หลิ่วที่ถนัดปั้นเรื่อง เขากระแอมหนึ่งครั้ง แล้วอธิบายว่า “คืนนี้ข้ากับพี่สาวของเจ้าไปเดินเล่นที่ริมทะเลสาบ บังเอิญเจอกับคุณชายท่านนี้พอดี ด้านหลังของเขาสะพายกล่องกระบี่ ประหนึ่งมังกรโผบินพยัคฆ์เยื้องย่าง ท่วงท่าบุคลิกไม่ธรรมดา ทำให้พวกเรารู้สึกเลื่อมใสในสง่าราศีของคุณชาย แน่นอนว่าย่อมยากที่จะลืมได้ลง ตอนนี้ได้มาพบกันอีกครั้งก็ช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!