กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 226

กระบี่จงมา – บทที่ 226.1 ในกล่องมีกระบี่สองเล่ม กำจัดปีศาจปราบมาร
บทที่ 226.1 ในกล่องมีกระบี่สองเล่ม กำจัดปีศาจปราบมาร
โดย
ProjectZyphon
ทางฝั่งของโรงเตี๊ยมเงียบสงบตลอดทั้งคืน

เฉินผิงอันอาศัยอยู่ในห้องสุดปลายระเบียงเพียงลำพัง ก่อนจะเข้านอนเขาฝึกท่าเดินนิ่งหกเก้าและท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูอย่างละหนึ่งชั่วยาม สุดท้ายหยิบถ้วยกระเบื้องที่วาดภาพของห้าขุนเขา รวมไปถึงไม้สีดำเหมือนถ่านชิ้นนั้นออกมาพลิกดู ตั้งใจศึกษาอย่างละเอียดอยู่นานก็ยังมองสายสนกลในอะไรไม่ออก

หวังว่าของทั้งสองชิ้นนี้จะมูลค่ามากถึงหนึ่งหรือสองร้อยเงินเกล็ดหิมะ เฉินผิงอันเก็บไม้สีดำที่หนักอึ้งลงไป รินเหล้าต้มพื้นเมืองรสร้อนแรงจากน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงไปในถ้วยขาวใบเล็ก จากนั้นก็พลิกเปิดตำราท่องเที่ยวสองเล่มที่หลิวเกาหวามอบให้อ่านอยู่ใต้แสงไฟ คอยจิบเหล้าคำเล็กๆ เป็นระยะ ดื่มได้อย่างมีรสมีชาติ

หลังจากดับไฟขึ้นเตียง เฉินผิงอันหลับตาลงแล้วเริ่มหวนนึกถึงการต่อสู้บนถนนเส้นเล็กกับหม่าขู่เสวียน ทบทวนประโยชน์และผลเสียของทุกหมัดที่ตัวเองปล่อยไป กระบวนท่าหมัดทั้งหลายที่ผู้เฒ่าเปลือยเท้าถ่ายทอดให้ ตอนนั้นเฉินผิงอันมีหรือจะกล้ากั๊กเอาไว้ ท่ามกลางการต่อสู้ที่เอาจริงเอาจัง ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายทุกเมื่อ เขาก็ได้แต่ปล่อยฝีมือทั้งหมดออกไป และเมื่อปล่อยหมัดที่อยู่ในกระบวนท่าม้าเหล็กทะลวงขบวนรบออกไปหลายครั้งก็ทำให้ตระหนักได้ถึงสัจธรรมของหมัดที่ลึกล้ำไปอีกระดับหนึ่ง ที่น่าเสียดายที่สุดก็คือปล่อยกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าไปได้แค่สิบห้าหมัดเท่านั้น ลางสังหรณ์บอกกับเฉินผิงอันว่าหากตนสามารถปล่อยหมัดได้ยี่สิบหมัดในรวดเดียว ก็จะเหมือนกับตอนที่เล่นงานบัณฑิตปีศาจต้นไม้สวมเสื้อเกราะกวางหมิงในบ้านโบราณซึ่งมีความเป็นไปได้มากว่าหม่าขู่เสวียนจะต้องยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ

แต่ว่าเฉินผิงอันคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ากระบวนท่าที่ทำให้หม่าขู่เสวียนเข้าใจว่าตัวเองจะเอาชนะได้อย่างหวุดหวิดก็คือการเลือกที่ดีที่สุดในเวลานั้น

เพียงแต่การที่เขาพอจะสู้กับลูกศิษย์ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจของภูเขาเจินอู่ผู้นี้ได้อย่างสูสี อันที่จริงแล้วเฉินผิงอันไม่ได้มีความรู้สึกอะไรนอกเหนือไปจากรู้ว่าแพ้หรือชนะ หนึ่งเพราะเขาไม่รู้ถึงความหมายของการที่หม่าขู่เสวียนฝ่าขอบเขตได้สามขั้นในเวลาเพียงแค่หนึ่งปี สองเพราะหม่าขู่เสวียนเกลียดชังเฉินผิงอันจากตรอกหนีผิง แล้วเฉินผิงอันจะไม่รำคาญคนวัยเดียวกันจากตรอกซิ่งฮวาคนนี้ได้อย่างไร

ระหว่างมนุษย์ด้วยกันนั้น โชควาสนาเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างแท้จริง คนบางคนแค่มองไปก็เกิดความรู้สึกอันดีได้ เหมือนเขาเป็นแสงอาทิตย์ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ ยกตัวอย่างเช่นคนอย่างอาจารย์ฉี หลี่ซีเซิ่งและจางซานเฟิง คนบางคนแค่มองไปกลับเหมือนดวงตะวันในฤดูร้อนแผดเผา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็แสบตา ก็เหมือนกับหม่าขู่เสวียน ฝูหนันหัวแห่งนครมังกรเฒ่า สตรีแต่งงานแล้วแซ่สวี่แห่งนครลมเย็น

ความคิดสุดท้ายก่อนที่เฉินผิงอันจะหลับไปก็คือกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้น่าจะเป็นกระบวนท่าหมัดที่เป็นดั่งสมบัติใต้กรุของตนในเวลานี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากสามารถต่อยได้ห้าสิบหมัดหรือหนึ่งร้อยหมัดในรวดเดียว จะสามารถต่อยแม่น้ำสายใหญ่ให้ขาดครึ่งท่อน บุกเบิกให้เกิดเส้นทางสายหนึ่งได้หรือเปล่า? ภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่งจะถูกผ่าจนเกิดเป็นหุบแคบๆ แห่งหนึ่งหรือเปล่า?

ฟ้าเริ่มสว่าง เฉินผิงอันก็ลุกขึ้นมาฝึกท่าเดินนิ่งหกก้าวอยู่ในห้อง ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ก็ได้ยินว่ามีเสียงคนท่องหนังสือดังมาจากในลานบ้านที่มีภูเขาจำลองและต้นไม้เขียวขจี เป็นเสียงของบัณฑิตแซ่หลิ่วคนนั้น ฟังดูแล้วมีท่วงทำนองของคนที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอย่างยากลำบาก น้ำเสียงเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำเสนาะหู เนื้อหาที่อ่านล้วนเป็นคำสอนของอริยะ

เฉินผิงอันฝึกหมัดของตัวเองต่อไป แล้วก็เป็นดังคาด เพียงไม่นานก็มีคนที่มาเข้าพักในห้องต่างๆ ของโรงเตี๊ยมเริ่มสบถด่าเสียงดัง จอมยุทธ์ที่นิสัยฉุนเฉียวขี้โมโหบางคนลงจากเตียงทั้งที่ร่างเปลือยเปล่า หยิบจอกเหล้าหรือไม่ก็ถ้วยที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นได้ก็ผลักหน้าต่างเปิดอ้าแล้วขว้างลงไป ไก่บินหมากระโดดโกลาหลวุ่นวายกันไปหมด บัณฑิตแซ่หลิ่วคนนั้นก็เริ่มโมโหแล้วเหมือนกัน เขากระโดดหลบไปทั่วสี่ทิศ เสียงที่อ่านคัมภีร์ของนักปราชญ์ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ยิ่งทำให้ผู้คนเดือดดาล แขกบางคนที่ใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะก็แล้วแต่ยังไม่มีประโยชน์ต่างก็ลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าพลางด่าทอไปด้วย จากนั้นก็ลุกขึ้นมาทักทายกับบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของบัณฑิตแซ่หลิ่วตรงข้างหน้าต่าง

บัณฑิตหนุ่มง่วนอยู่กับการหลบอาวุธลับ แต่ปากก็ยังไม่ลืมด่ากลับไปด้วย เป็นภาพที่อลหม่านเละเทะ หมดสิ้นซึ่งภาพลักษณ์ของสุภาพชน

หนึ่งก้านธูปต่อมา เฉินผิงอันกับชายฉกรรจ์เคราดกก็มานั่งอยู่ในห้องของจางซานเฟิง นักพรตหนุ่มกำลังช่วยทำแผลที่ศีรษะให้กับบัณฑิตแซ่หลิ่ว

เถ้าแก่โรงเตี๊ยมเพิ่งเดินหน้าดำคร่ำเครียดออกไป เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห มาเจอกับแขกสารเลวที่แยกแยะถูกผิดไม่ออกเช่นนี้ แถมจะตีจะด่าก็ไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่บุตรชายของเจ้าเมืองเป็นคนพามา คนใบ้กินหวงเหลียน (หวงเหลียนคือสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีนที่ขมมาก คนใบ้กินหวงเหลียนจึงเปรียบเปรยถึงว่าขมก็พูดไม่ออก มีความทุกข์ใจก็ยากจะบอกแก่ผู้อื่น) มันช่างน่าอัดอั้นตันใจจริงๆ ปัญหาก็คือคนที่มาพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ต่างก็มีฐานะไม่ธรรมดา หากไม่ใช่พ่อค้าของแต่ละพื้นที่ที่ตรงเอวรัดเงินหมื่นกว้าน ก็เป็นพวกจอมยุทธ์ที่ท่องอยู่ในยุทธภพ ทุกคนล้วนเป็นมังกรข้ามแม่น้ำที่ไม่อาจดูถูกได้ พวกเขาต้องมาถูกบัณฑิตผู้นี้ก่อกวนตั้งแต่เช้า วันหน้าตนจะยังทำอาชีพนี้ต่อได้อย่างไร? พวกเขาจะกลับมาเป็นลูกค้าประจำของตนอีกหรือไม่?

บัณฑิตแซ่หลิ่วมีชื่อว่าหลิ่วชื่อเฉิง เป็นคนจากแคว้นป๋ายซาน ตอนที่บัณฑิตแนะนำบ้านเกิดของตัวเอง เขาเน้นย้ำคำว่า ‘อยู่ใกล้กับสำนักศึกษากวานหู’ ราวกับว่าเป็นคำกล่าวที่มีเกียรติยิ่งกว่าชื่อต่อท้ายของสกุลเฉินแห่งหลงเหว่ยซีซะอีก

หลังจากนั้นพวกเขาที่อยู่ในโรงเตี๊ยมก็ว่างงานไม่มีอะไรทำ หลิ่วชื่อเฉิงยังแอบออกไปข้างนอก ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าต้องแอบไปพลอดรักกับพี่สาวของหลิวเกาหวา ชายฉกรรจ์เคราดกพาเฉินผิงอันกับจางซานเฟิงไปยังโบราณสถานที่มีชื่อเสียงแห่งต่างๆ ในเมือง ศาลบุ๋นบู๊คือสถานที่ที่ต้องไปอย่างแน่นอน จุดศูนย์รวมอย่างศาลเทพอภิบาลเมืองก็ยิ่งต้องไป ระหว่างทางที่กลับมาสีหน้าของสวีหย่วนเสียอึมครึม จางซานเฟิงถามว่าเป็นอะไร เขาก็ตอบแค่ว่าเหนื่อยกับการเดินทาง

การลงเรือที่แคว้นหนันเจี้ยนเพื่อเดินทางลงใต้ในครั้งนี้ นักพรตจางซานเฟิงต้องการเดินทางไปยังนครมังกรเฒ่า จึงเดินทางร่วมกับเฉินผิงอัน ส่วนชายฉกรรจ์เคราดกต้องการเดินทางไปแคว้นชิงหลวนที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ บอกว่าจะนำของชิ้นหนึ่งไปส่งให้กับสหาย สหายคนนั้นเขารู้จักในยุทธภพ ถูกชะตากันมาก เลยร่วมเดินทางกับพวกเขาสองคนชั่วคราว ส่วนข้อที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะแยกย้ายกันตอนไหนก็ต้องดูที่ทิศทางการมุ่งไปของเรือซึ่งจะจอดตรงท่าเรือของตระกูลเซียน

อยู่ในเมืองแยนจือสามวันเต็มก็ยังไม่เจอกับเซียนซือแก่และเด็กของสำนักโองการเทพที่ลงจากภูเขามาหาประสบการณ์ กลับกลายเป็นว่าเจอกับหญิงชราของบ้านโบราณแทน นางตามหาจวนเจ้าเมืองมาตลอดทางจนกระทั่งได้เจอกับหลิวเกาหวา จากนั้นหลิวเกาหวาก็พามาที่โรงเตี๊ยม นางนำข่าวดีมาบอกกับทุกคน ที่แท้ไม่รู้ว่าทำไมโชคชะตาภูเขาและแม่น้ำที่อยู่รอบบ้านโบราณถึงเหมือนฟ้าดินพลิกตลบ เหมือนโลกหมุนกลับ ปราณสกปรกขุ่นมัวกลายเป็นปราณที่ใสสะอาด ตอนนี้ไม่เพียงแต่นายหญิงของบ้านที่ไม่ต้องกังวลกับโรคร้ายซึ่งจะตามมาภายหลัง ไม่ต้องกังวลว่าจะกลายไปเป็นผีร้าย กล้ามเนื้อทั่วร่างกายก็เริ่มหายดี และหลังจากร่างของผีชางหยางหว่างได้รับการหล่อเลี้ยงบำรุงไปด้วย จิตวิญญาณของเจ้าบ้านฝ่ายชายก็เริ่มดีขึ้น ขอบเขตค่อยๆ ไต่ทะยานขึ้นสูง ถึงขั้นมีความหวังว่าจะฝ่าห้าขอบเขตกลางไปได้ เรียกได้ว่ามีแต่เรื่องดีๆ มาเยือน

ส่วนต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ หญิงชราได้แต่เดาเอาว่าเป็นบุรพาจารย์บางท่านของสำนักโองการเทพลงมือช่วยเหลืออย่างลับๆ

เฉินผิงอันรับฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะตะลึงพรึงเพริดอย่างหนัก แต่สีหน้ากลับเป็นปกติ

ก่อนที่หญิงชราจะจากไปได้บอกว่าตัวเองนำเหล้าดีๆ ไหหนึ่งที่ซื้อระหว่างทางมาฝากเฉินผิงอันด้วย คนทั้งสองจึงพากันกลับไปที่ห้องของเฉินผิงอัน เฉินผิงอันเพิ่งจะปิดประตูลง หญิงชราที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยยับย่นก็เตรียมจะคุกเข่า ทำเอาเฉินผิงอันตกใจรีบเข้าไปประคองนาง ให้ตายก็ไม่ยอมรับการคารวะใหญ่นี้ เพราะครั้งที่เฉินผิงอันกรอกเหล้าใส่น้ำเต้าตอนอยู่ในห้องครัว เขาจงใจเปิดเผยความลับบางอย่าง หญิงชราจึงพอจะรู้ความนัยของเหตุการณ์ในครั้งนี้ และการที่นางคาดเดาได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

หญิงชราไม่ได้ถามอะไรมาก เฉินผิงอันก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน

เพียงแต่ว่าก่อนจะจากไป หญิงชราควักของสิ่งหนึ่งที่ใช้ผ้าไหมห่อออกมาวางลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวังพลางอธิบายเบาๆ ว่า “ร่างทองของเทพภูเขาเถื่อนแซ่ฉินแหลกสลาย นับแต่นี้ไปบนโลกไม่มีองค์เทพที่ทำลายชะตาของภูเขาและแม่น้ำในแถบหนึ่งผู้นี้อีกแล้ว แน่นอนว่านี่คือเรื่องดีที่ใหญ่เทียมฟ้า ตอนนั้นพอนายท่านของข้าได้ยินข่าวก็รีบไปที่ศาลทันที เขาแอบขโมยเศษชิ้นส่วนทองคำส่วนใหญ่ของเทพภูเขาแซ่ฉินมาก่อนที่เซียนซือจากสำนักโองการเทพกลุ่มนั้นจะไปถึง นับรวมๆ กันแล้วได้ประมาณแปดชิ้น ตามคำบอกของนายท่าน ชิ้นส่วนที่เหลือจากร่างของของเทพภูเขาเถื่อนไม่ควรมีมากขนาดนี้ คิดดูแล้วคงเป็นเพราะตอนที่ยังมีชีวิตอยู่คนแซ่ฉินได้รับโชควาสนาบางอย่างที่แปลกประหลาด ไม่ว่าอย่างไร เศษชิ้นส่วนร่างทองเหล่านี้ล้วนถือเป็นของดี ได้แค่ปรารถนาแต่ไม่อาจได้มาครอบครอง ต่อให้เป็นในคลังสมบัติลับของราชวงศ์แห่งหนึ่งก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะมีสะสมไว้มากขนาดนี้ คุณชายเฉินแค่เก็บเอาไว้ก็พอ ถือว่านี่เป็นการตอบแทนจากพวกข้านายบ่าวสามคน”

กล่าวมาถึงตรงนี้ หญิงชราก็ตาแดงก่ำอีกครั้ง “อันที่จริงพระคุณยิ่งใหญ่ของคุณชาย เศษชิ้นส่วนร่างทองไม่กี่ชิ้นนี้จะตอบแทนพอได้อย่างไร เพียงแต่ว่าตอนนี้บ้านโบราณไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเหลือแล้ว ฮูหยินของข้าจึงตั้งป้ายบูชาให้กับคุณชายที่ยังมีชีวิตอยู่ วันหน้าหากคุณชายเดินทางผ่านแคว้นไฉ่อี ได้โปรดแวะไปที่บ้านให้ได้…”

เฉินผิงอันได้แต่พยักหน้ารับ

สุดท้ายหญิงชรากระซิบว่า “ตอนนี้ฮูหยินเท่ากับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นทางการ นางมองภาพปรากฎการณ์ของเมืองแยนจืออยู่ไกลๆ พบว่าสองวันมานี้มักจะมีปราณสกปรกเป็นกลุ่มๆ ลอยขึ้นกลางอากาศ นี่ทำให้จิตใจของฮูหยินไม่เป็นสุข หวังว่าคุณชายจะรีบออกไปจากเมืองในเร็ววัน ไม่ว่าคุณชายจะมีวิชาอภินิหารยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่นายท่านมักจะพูดเป็นประจำว่า บนเส้นทางของการฝึกตน หากระมัดระวังก็ขับเรือได้นานเป็นหมื่นปี ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยทุกเรื่อง ต่อให้ในแต่ละครั้งจะแค่น่าตกใจ ทว่าไร้อันตราย แต่นั่นย่อมถ่วงเวลาของการฝึกตนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ไม่ดี…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!