กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 228

กระบี่จงมา – บทที่ 228.2 ชูอี สืออู ตามข้ามาปราบมาร
บทที่ 228.2 ชูอี สืออู ตามข้ามาปราบมาร
โดย
ProjectZyphon
ผีงามโครงกระดูกเหมือนถูกเซียนร่ายเวทกักร่างจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กระดุกกระดิก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ นางหันหน้ากลับมาเหม่อมองเด็กหนุ่มอย่างแข็งทื่อ เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ก็ยังพอว่า แต่เหตุใดถึงมีกระบี่บินตั้งสองเล่ม? ทำไมต้องแกล้งทำเป็นว่าตัวเองคือผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัว?

หลบพ้นชูอีมาได้ แต่หลบไม่พ้นสืออู่!

แต่ว่าต่อให้นางจะถูกกระบี่บินสืออู่แทงทะลุมาจากด้านหลัง เฉินผิงอันก็ยังไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เขาไม่สนใจพวกวัตถุหยินที่ตามตอแยหมายเล่นงานเขาอีกต่อไป ปล่อยให้พวกนางขยับเข้ามาใกล้ลงไม้ลงมือกับตนโดยไม่สนใจ เฉินผิงอันเพียงแค่ใช้ความเร็วที่มากที่สุดขยับเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าผีงามโครงกระดูก ตัดสินใจใช้กระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าอย่างเฉียบขาด หมัดหนึ่งปล่อยไปแล้วก็ตามด้วยหมัดแล้วหมัดเล่า จนกระทั่งถึงหมัดที่ยี่สิบ โครงกระดูกที่อยู่ภายใต้ชุดขาวก็แหลกสลายกลายเป็นผง

สุดท้ายร่างของผีสาวโครงกระดูกก็ระเบิดไปพร้อมกับชุดสีขาว จากนั้นกลางอากาศก็มียันต์ที่วาดเป็นรูปเรือนกายของหญิงสาวปลิวร่วงลงมา

เมื่อนางตาย วัตถุหยินเหล่านั้นก็พลันสูญเสียแกนกลางสำคัญ รีบพากันหลบเข้าไปในตำหนักด้านข้างทั้งสอง ส่วนหนึ่งที่หนีกลับเข้าไปไม่ทันก็ถูกแสงแดดสาดส่องให้สลายไป คราวนี้ด้านในตำหนักไม่มีเสียงหัวร่อต่อกระซิกอีกแล้ว แทนที่มาด้วยเสียงสะอื้นคร่ำครวญ

กระบี่ยาวสีแดงสดร่วงลงพื้น กำไลมรกตเล่มนั้นเหมือนคนที่หลงทาง หมุนติ้วๆ ไม่หยุดอยู่ตรงตำแหน่งที่ผีงามโครงกระดูกหายไป

เฉินผิงอันยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้รีบร้อนไล่ตามไปจับกำไลมรกต แล้วก็ไม่ได้ยื่นมือไปรับยันต์สีเหลืองแผ่นนั้น

กวาดตามองไปรอบด้านแล้วไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ เฉินผิงอันก็ตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ ทั้งชูอีและสืออูจึงบินพรวดหายเข้าไปข้างใน

จากนั้นเฉินผิงอันก็ย่อตัวลงนั่งยองจ้องนิ่งไปที่ยันต์เหลืองแผ่นนั้น

เฉินผิงอันคีบยันต์ลมร้ายจุดไฟอีกแผ่นหนึ่งที่จางซานเฟิงมอบให้ออกมา วางไว้ใกล้กับแผ่นยันต์สีเหลืองที่อยู่บนพื้น ขยับส่ายมันเบาๆ ไม่ใช่ว่ายันต์จุดไฟจะไม่มีความเคลื่อนไหว แต่ความเคลื่อนไหวนั้นเล็กน้อยมาก มีเพียงมุมหนึ่งของแผ่นยันต์เท่านั้นที่ติดไฟ ไม่ได้ลามไปทั่วทั้งแผ่น

เฉินผิงอันถึงได้คีบยันต์เหลืองแผ่นนั้นขึ้นมา เมื่อคีบมาอยู่ในมือจริงๆ เฉินผิงอันถึงได้ค้นพบว่ายันแผ่นนี้ไม่ใช่กระดาษเหลืองธรรมดา เนื้อกระดาษละเอียดนุ่มลื่นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังยืดหยุ่นมาก เกรงว่าต่อให้บุรุษฉกรรจ์ออกแรงฉีกเต็มที่ก็ยังไม่กลัวว่าจะขาด

เฉินผิงอันคิดแล้วก็เก็บแผ่นยันต์เข้าไปไว้ในชายแขนเสื้อ แต่อันที่จริงแล้วเขาซ่อนมันไว้ในวัตถุฟางชุ่น

เหตุผลหนึ่งที่สำคัญมากซึ่งทำให้วัตถุฟางชุ่นล้ำค่ามากเป็นพิเศษก็คือ สามารถสกัดกั้นการรับสัมผัสกับภายนอก แม้จะบอกว่าบนโลกนี้ไม่มีเรื่องใดที่แน่นอน แต่หลักๆ แล้วกฎเกณฑ์เป็นเช่นนี้

ตอนที่เฉินผิงอันหยิบยันต์เหลืองขึ้นมา กำไลมรกตชิ้นนั้นก็เป็นฝ่ายตามติดมาด้วยตัวเอง ยันต์จุดไฟที่อยู่ในมือข้างหนึ่งของเฉินผิงอันไม่มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น เขาจึงรับมาแล้วเก็บไปไว้ด้วยกัน เพียงแต่ว่าพอเขาจะไปเก็บกระบี่ยาวสีแดงสดเล่มนั้น แค่ยันต์จุดไฟขยับเข้าไปใกล้ก็ลุกไหม้เผาตัวเองอย่างรุนแรง เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย กระบี่เล่มนี้ต้องขายได้ราคาดีไม่น้อย เพียงแต่เขากังวลว่าหากบุ่มบ่ามเก็บมันเข้าไปไว้ในวัตถุฟางชุ่นจะส่งผลกระทบต่อกระบี่บินสืออู่หรือไม่

สุดท้ายเฉินผิงอันเก็บกระบี่ขึ้นมา มองซ้ายมองขวาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้ามองไปทางต้นสนโบราณที่ตั้งอยู่ข้างป้ายศิลา เขาวิ่งเหยาะๆ ออกตัวก่อนจะเพิ่มความเร็ว แล้วดีดปลายเท้ากระโดดผลุงขึ้นไปบนต้นสน เก็บซ่อนกระบี่ยาวไว้ในพุ่มใบครึ้มดกบนกิ่งสูงชั่วคราว

เด็กสาวตะโกนเรียกอย่างขลาดๆ “เทพเซียนท่านนี้…”

เฉินผิงอันก้มหน้าลงมองนาง เด็กสาวชี้ไปยังพื้นที่อยู่ข้างเท้า รูปปั้นดินเผาล้มครืนแตกกระจายกองกันเป็นเนินดินปลายแหลมขนาดย่อมหนึ่งกอง มีเศษสีเงินหลายชิ้นที่ส่องประกายแสงวิบวับอยู่ท่ามกลางเนินดิน สะดุดตามากเป็นพิเศษ ที่อยู่เหนือการคาดการณ์ไปมากกว่านั้นก็คือ ยันต์เจดีย์วิเศษสยบปีศาจแผ่นหนึ่งลอยตัวนิ่งๆ อยู่ด้านข้างเนินดิน นอกจากประกายแสงสีทองที่หม่นหมองลงเล็กน้อยแล้วก็ไม่มีความเสียหายอย่างอื่นอีกแม้แต่นิดเดียว

เนินดินอีกเนินหนึ่งก็มีสภาพไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ทว่าที่ไม่เหมือนก็คือคทาเหล็กในมือขุนพลฝ่ายบู๊ซึ่งเจอกับสายฟ้าได้หลอมละลายไปจนหมดสิ้น ทางฝ่ายของขุนพลฝ่ายบุ๋นที่นอกจากยันต์สยบปีศาจสีทองและเศษชิ้นส่วนสีเงินแล้ว แม้ตราประทับเหล็กสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะไม่เหลืออยู่แล้ว แต่กลับมีกล่องไม้สีเขียวโบราณเรียบง่ายขนาดเล็กซึ่งนิ้วทั้งห้าของเด็กสามารถกุมได้พอดีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งกล่อง

ในใจของเฉินผิงอันทั้งตะลึงทั้งดีใจ รีบทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็ว เขาเก็บยันต์สีทองและเศษชิ้นส่วนสีเงินซึ่งรวมกันแล้วได้หกชิ้นไปไว้ในวัตถฟางชุ่นก่อน สุดท้ายจึงหยิบกล่องไม้สีเขียวที่แผ่กลิ่นอายอบอุ่นชิ้นนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ต่อให้แค่กุมไว้เบาๆ เฉินผิงอันก็ยังรู้สึกสงบใจได้อย่างน่าประหลาด

เก็บกล่องไม้ใบเล็กที่ไม่รู้ว่าคืออะไรไว้ในชายแขนเสื้อ ไม่ได้ใส่ไว้ในวัตถุฟางชุ่น เฉินผิงอันถึงพอจะโล่งใจได้บ้าง

เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เบิกตากว้างมอง ‘เซียนกระบี่’ ที่กำจัดปีศาจปราบมาร มีวิชาอภินิหารยิ่งใหญ่อยู่เต็มกายผู้นี้

อาจารย์ที่สอนคาถาเซียนให้นางอย่างลับๆ เคยบอกว่า บนโลกมีเทพเซียนผู้เฒ่าหลายคนที่ฝึกตนจนประความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่กลับมีใบหน้าเหมือนเด็ก นั่นต่างหากถึงจะเป็นเทพเซียนที่มีอิสระเสรี ไม่ต้องถูกฟ้าดินพันธนาการอย่างแท้จริง

วันนี้นางได้เห็นเรื่องประหลาดมามากมาย แต่บนร่างของเทพเซียนที่มองดูเหมือนเด็กหนุ่มผู้นี้นี่แหละที่มีเรื่องประหลาดมากที่สุด

ยกตัวอย่างเช่นใต้หล้านี้ยังจะมีใครเก็บยันต์ที่ใช้แล้วกลับคืนไปบ้าง?

แม้ว่าอาจารย์จะเป็นคนในยุทธภพเกินครึ่งตัว นับเป็นเทพเซียนบนภูเขาได้เล็กน้อย แต่ก็เคยเล่าเรื่องราวทั้งบนภูเขาและด้านล่างภูเขามามากมาย แต่นางก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนจริงๆ

เฉินผิงอันรู้สึกดีกับเด็กสาวไม่น้อย เขาที่เดินไปทางประตูหลักของตำหนักเทพอภิบาลเมือง หมายใช้กระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าทำลายอาคมตราผนึกหันมาถามนางเบาๆ ว่า “ที่นี่อันตรายมาก ก่อนหน้านี้ทำไมเจ้าถึงเข้ามาที่นี่?”

ว้าว เทพเซียนพูดกับข้าด้วยล่ะ!

ประเด็นสำคัญคือน้ำเสียงยังเป็นมิตรมากด้วย

เด็กสาวดีใจอย่างถึงที่สุด นางเขย่าข้อมือเบาๆ เสียงกระพรวนก็ดังขึ้นตามมา “ท่านผู้เฒ่าเทพเซียน กระพรวนทั้งสี่ชิ้นบนร่างข้านี้สามารถคุ้มครองข้าได้ ท่านอาจารย์เคยบอกว่า ต่อให้เทพเซียนขอบเขตถ้ำสถิตคิดจะสังหารข้า ข้าก็ยังประคับประคองตัวเองได้พักใหญ่ แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ…”

“เรื่องที่เกี่ยวพันกับความลับของสมบัติอาคมเช่นนี้ อย่าได้บอกให้คนอื่นรู้” เฉินผิงอันรีบโบกมือตัดบทคำพูดโง่ๆ ของเด็กสาว เอ่ยเตือนว่า “สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะให้อยู่นาน เจ้ารีบไปซะเถอะ ทางที่ดีที่สุดคือออกจากเมืองไปเลย”

เด็กสาวส่ายหน้า “บิดาข้าอยู่ในเมือง ข้าไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ในเมื่อข้าเรียนเวทคาถาเซียนแล้วก็ต้องปกป้องพวกเขา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!