การจัดขบวนรบอย่างหยาบๆ ของมือธนูกับนักปราบมือดาบแทบจะแตกซ่านเซ็น ได้แต่ต่อสู้ประชิดตัวกับมารร้ายที่ไม่กลัวตายพวกนั้น หากไม่เป็นเพราะพวกเฉินผิงอันสามคนมาถึงพอดี เกรงว่าคนของตระกูลจ้าวที่พากันกรูออกมาไม่หยุดคงกระจายตัวกันไปตามสถานที่ต่างๆ สร้างภัยพิบัติให้แก่ชาวเมืองเหมือนฝูงตั๊กแตนไปแล้ว เฉินผิงอันไม่รู้ว่ามีวิธีคลายอาคมปีศาจหรือไม่ เขาจึงยังใช้แค่หมัดและเท้าเตะต่อยให้คนตระกูลจ้าวที่เหมือนถูกผีสิงให้กระเด็นกลับไปใกล้ประตูใหญ่ของจวน กระพรวนของหลิวเกาซินสั่นสะเทือนรุนแรง ดอกไม้สี่ทองกระจายตัวกันไปสี่ทิศ อาคมปีศาจที่ขอแค่สัมผัสโดนดอกไม้สีทองก็จะแตกสลาย กลายมาเป็นเลือดสดเหนียวหนืดกองหนึ่งที่ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง
หลังจากมือดาบแซ่โต้วชักดาบออกมา ตัวดาบก็ปล่อยประกายแสงสีขาวหิมะ ทุกดาบที่ฟันลงไปล้วนตัดร่างชายหญิงเด็กแก่ที่ถูกปีศาจเข้าสิงให้ขาดครึ่งท่อน วิชาดาบของชาวยุทธ์คนนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นขอบเขตของปรมาจารย์ที่หวนกลับคืนสู่สภาพแท้จริงอันเป็นธรรมชาติที่สุด เด็ดขาดตรงไปตรงมา กระบวนท่าเรียบง่ายฉับไว ไม่มีอิดออดล่าช้าเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเทียบกับวิชาดาบของสวีหย่วนเสียมือดาบเคราดกแล้ว การออกดาบของคนผู้นี้ขาดกลิ่นอายของความหยาบเถื่อนอย่างคนในสมรภูมิรบไปเล็กน้อย แต่มีบรรยากาศของการบรรลุถึงจุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบเพิ่มขึ้นมาแทน มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นปรมาจารย์วิถีวรยุทธ์ขอบเขตสี่ที่กำลังก้าวเดินสู่เบื้องบน การที่เขาเก็บซ่อนความโดดเด่นตอนอยู่ในจวนเจ้าเมืองนั้นจึงสมกับคำว่าคนจริงไม่อวดตัวที่กล่าวกันในยุทธภพอย่างแท้จริง
หลังจากสกัดคนตระกูลจ้าวที่ถูกมารสิงร่างไปได้กลุ่มหนึ่ง หลิวเกาซินก็ค้นพบว่ารอบกายมีแต่เลือดสดนองเต็มพื้นเศษแขนขา เศษกระดูกกลาดเกลื่อน จู่ๆ นางก็ทรุดตัวลงนั่งยอง อาเจียนออกมาคำใหญ่
ในจวนจ้าวมีประกายแสงสีแดงเปล่งวูบวาบ แผ่กลิ่นอายของความมืดทะมึนน่าพรั่นพรึงอย่างเข้มข้น
เฉินผิงอันเห็นว่าหน้าประตูจวนจ้าวในเวลานี้ไม่มีอันตรายร้ายแรงจึงดีดปลายเท้า ทะยานร่างกระโดดข้ามกำแพงไปอย่างว่องไวดุจนกนางแอ่นถลาลม ตรงดิ่งไปยังต้นกำเนิดของแสงสีแดงนั้น
ไล่ตามเบาะแสแสงสีแดงไป เฉินผิงอันก็มาถึงเรือนที่เงียบสงบงามสง่าหลังหนึ่ง มีหอเก็บตำราส่วนตัวสามชั้นอยู่หนึ่งหลัง คุณชายสวมชุดขาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนบันไดด้านนอกหอ ท่านั่งของเขาเกียจคร้าน ข้อศอกเท้าอยู่บนที่เท้าแขนเก้าอี้ มือหนึ่งเท้าคาง มือหนึ่งพลิกเปิดหน้าหนังสือโบราณพลางหาวไปด้วย
คุณชายที่หน้าตาหล่อเหลาชวนมองชำเลืองหางตามามองเฉินผิงอัน ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้? คุณชายท่านนี้บุคลิกลักษณะไม่ธรรมดา คือเซียนซือที่ฝึกตนอยู่บนภูเขางั้นรึ? หรือว่าเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ที่เดินทางท่องเที่ยวอยู่ในยุทธภพ?”
จากนั้นคุณชายตระกูลจ้าวก็ขยับตัวนั่งตรง ยกนิ้วขึ้นแตะน้ำลาย พลิกเปิดหน้าหนังสืออีกหนึ่งหน้า ระหว่างที่หน้าหนังสือถูกเปิดก็มีแสงสีแดงสดพุ่งวาบผ่านไปอีกครั้ง
แสงสีแดงมารวมตัวกันเป็นเชือกหนาเส้นหนึ่งคล้ายงูหลามที่บิดพลิกตัวอยู่กลางอากาศ ขยับขดตัวอยู่บนกำแพงสูงของลานบ้านชั่วขณะหนึ่งก็พุ่งเข้าไปยังบางจุดของจวน พยายามหาร่างของคนมาสิงสู่
เฉินผิงอันตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ตรงเอวหนึ่งที
งูหลามสีแดงสดตัวนั้นก็ถูกฟันขาดครึ่งท่อน
คุณชายชุดขาวเลิกคิ้วขึ้นสูง “โอ้โห คือเซียนกระบี่น้อยคนหนึ่งหรือนี่? ร้ายกาจๆ ได้ยินว่าพลังสังหารของผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตล่างมหาศาลมาก แต่ก็ง่ายมากที่เรี่ยวแรงจะไม่เป็นใจ พอปล่อยปราณกระบี่ออกมา ประกายแสงก็ส่องจ้าพร่า แต่ได้แค่ไม่กี่ครั้งก็หมดท่าแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าจะร้ายกาจกว่านั้นหน่อยหรือเปล่า?”
มือหนึ่งของคุณชายชุดขาวถือหนังสือ อีกมือหนึ่งเปิดหน้าตำราโบราณตั้งแต่หน้าแรกไปจนหน้าสุดท้ายเสียงดังพั่บๆๆ
งูน้อยสีแดงฉานหนาเท่านิ้วมือหลายสิบตัวผุดพุ่งขึ้นฟ้าจากหอหนังสือแห่งนี้ หมายจะกระจายตัวไปสี่ด้านแปดทิศ แต่คุณชายชุดขาวกลับเห็นว่าเด็กหนุ่มที่ผูกน้ำเต้าสีชาดบรรจุเหล้าไว้ตรงเอวยังมีอารมณ์ปลดน้ำเต้ามาดื่มเหล้า ไม่รอให้คุณชายตระกูลจ้าวส่งเสียงหัวเราะหยัน เขาก็ไม่มีโอกาสได้หัวเราะแล้ว
เพราะงูแดงตัวน้อยบนท้องฟ้าที่มีชื่อว่าปล้องแดงเหล่านั้นถูกสายสีขาวที่ตวัดฉวัดเฉวียนฟาดฟันย่อยยับในเวลาเพียงชั่วพริบตา
จากนั้นเขาก็รู้สึกเย็นวาบตรงหว่างคิ้ว เบิกตากว้างราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ตายตาไม่หลับทั้งอย่างนั้น
ที่แท้กระบี่บินไม่เพียงแต่แทงหว่างคิ้วทะลุกะโหลกศีรษะของเขาไป ปราณกระบี่ขุมนั้นยังแทรกซอนเข้ามาในร่างกายและจิตวิญญาณ บดขยี้พลังชีวิตทั้งหมดของเขาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบด้วย
ตอนที่เฉินผิงอันผูกน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไว้ตรงเอวเรียบร้อย ชูอีสืออูกระบี่บินสองเล่มก็พากันลอยเอ้อระเหยกลับเข้าไปในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่
ตรงกำแพงเรือน มือดาบแซ่โต้วยืนอยู่บนหัวกำแพง มองเห็นภาพนี้แล้วก็กุมมือคารวะให้เฉินผิงอัน
เฉินผิงอันใจกระตุกวาบ เอ่ยกับเขาว่า “บอกหลิวเกาซินสักคำว่าข้าจะไปที่ศาลเทพผืนดินสักหน่อย แปบเดียวก็กลับมา”
มือดาบหัวเราะเสียงดังกังวาน “สถานที่แห่งนี้ไม่มีอันตรายน่ากลัวอะไรแล้ว ก็แค่หมาแมวตัวเล็กๆ ไม่กี่ตัวเท่านั้น เซียนซือวางใจได้เลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!