เด็กหนุ่มคิ้วยาวติดตามบรรพบุรุษของตัวเองไปที่ร้านตระกูลหยาง ตอนที่เดินออกมาบนร่างของเขาก็มี ‘วัตถุจื่อชื่อ’ เพิ่มขึ้นมาหนึ่งชิ้น รวมไปถึงคำสัญญาข้อหนึ่งที่หยางเหล่าโถวมอบให้
และค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย ก็คือคำสัญญาข้อหนึ่งอย่างเท่าเทียมกันจากเทียนจวินเซี่ยสือ
กลับมาถึงลานบ้านขนาดเล็ก เซี่ยสือก็เล่าให้เด็กหนุ่มคิ้วยาวฟังเกี่ยวกับต้นสายปลายเหตุที่เรือคุนเกิดเรื่อง
เด็กหนุ่มเห็นว่าบรรพบุรุษมีสีหน้าเคร่งเครียดจึงถามด้วยความใคร่รู้ “ท่านบรรพบุรุษ ในเมื่อแจกันสมบัติทวีปของพวกเราคือทวีปที่เล็กที่สุดของใต้หล้าไพศาล อีกอย่างท่านบรรพบุรุษเองก็เป็นผู้นำแห่งลัทธิเต๋าของทวีปที่ใหญ่โตอย่างอุตรกุรุทวีป แล้วยังมีสิ่งใดให้ท่านต้องเป็นกังวลอีก?”
เซี่ยสือส่ายหน้าเอ่ยยิ้มๆ “เจ้าคิดเกี่ยวกับเรื่องทางโลกง่ายเกินไปแล้ว วันหน้าย่อมต้องถูกคนนับไม่ถ้วนตะโกนใส่หน้าว่า ‘กุรุทวีปทำอย่างนี้เพราะคิดรังแกแจกันสมบัติทวีปของเราที่ไม่มีทางสู้หรือ?’ ในบรรดาคนที่พูดแบบนี้ เกินครึ่งดีแต่โบกธงโห่ร้องปลุกระดม ดีแต่นั่งดูไฟชายฝั่ง อีกเกือบครึ่งที่เหลือจะหมายมั่นปั้นมืออยากลงมือกับเจ้า และในบรรดาคนอีกเกือบครึ่งนี้ก็จะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กรูกันมาจากสี่ด้านแปดทิศด้วยเหตุผลและเจตจำนงที่แตกต่างกันออกไป ในคนกลุ่มนี้จะต้องมียอดฝีมือที่แท้จริงซุกซ่อนอยู่ ยอดฝีมืออย่าง…คนแบบเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะ อีกทั้งคนเหล่านี้ เมื่อถึงท้ายที่สุดจะยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าตอนนี้เจ้าแค่รอดูอย่างเดียวก็พอ สรุปก็คือไม่ว่าเรื่องนี้จะพัฒนาไปในทิศทางใด ก่อนหน้าที่เจ้าจะกลายเป็นผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตบนก็อย่าได้ยื่นมือเข้าแทรก แค่ติดตามอยู่ข้างกายหร่วนฉง ฝึกวิชากระบี่ให้สบายใจไปก่อน”
เด็กหนุ่มคิดหนักเหมือนมีเรื่องมากมายให้กังวลใจ เซี่ยสือเห็นเข้าก็หลุดหัวเราะ “ต่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ก็ไม่มีทางปรากฏภายในปีครึ่งปีนี้ เจ้าจะเป็นกังวลไปทำไม?”
เด็กหนุ่มที่กลัดกลุ้มเป็นทุกข์หมุนกายเดินไปทางประตูเรือน “ท่านบรรพบุรุษ ข้าไปฝึกวิชากระบี่ก่อนล่ะ”
เซี่ยสือนั่งอยู่ข้างโต๊ะหินเพียงลำพัง หลับตาลงคำนวณแนวโน้มของสถานการณ์ในแจกันสมบัติทวีปเงียบๆ
เท้าของเซี่ยสือและเด็กหนุ่มคิ้วยาวก้าวออกจากร้านตระกูลหยางได้ไม่นานเท่าไหร่ เฉาซีก็เดินเข้ามาที่ร้านยา ลูกจ้างในร้านไม่ได้แปลกใจนัก ตอนนี้เมืองเล็กเจริญรุ่งเรือง คนมีเงินมีให้เห็นมากมาย เพิ่มเจ้าอ้วนคนนี้มาสักคนก็ไม่ได้มีอะไรต่างจากเดิม
เฉาซีสอบถามด้วยรอยยิ้มว่าผู้อาวุโสหยางเหล่าอยู่ที่เรือนหลังหรือไม่ ลูกจ้างหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังชั่งน้ำหนักตัวยาอยู่ตรงชั้นวางยาชำเลืองตามามองเศรษฐีร่างอ้วนฉุคนนี้ แล้วพยักเพยิดคางไปยังประตูหลังของห้องโถงใหญ่ที่มีม่านไม้ไผ่ห้อยแขวนอยู่เพราะคร้านจะพูดให้มากความ เฉาซีเอ่ยขอบคุณแล้วเดินไปทางนั้นช้าๆ เลิกผ้าม่านขึ้นก็เห็นเพดานเปิดอ้ารูปทรงสี่เหลี่ยม รวมถึงระเบียงสี่เส้นที่อยู่ใต้ชายคา เมื่อเทียบกับบ้านบรรพบุรุษสกุลเฉาแล้วดูทันสมัยและงดงามมากกว่าเล็กน้อย
ในระเบียงทางเดินที่อยู่ตรงข้ามกับห้องหลักของเรือนด้านหลังมีม้านั่งยาวตัวหนึ่งวางอยู่ ราวกับว่าเตรียมไว้ให้แขกอย่างเฉาซีโดยเฉพาะ
นอกห้องหลักที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หยางเหล่าโถวกำลังนั่งสูบยาอยู่บนม้านั่ง กระบอกไม้ไผ่สีเขียวถูกกาลเวลาขัดเกลาให้กลายเป็นสีออกเหลืองนานแล้ว มองผ่านม่านควันยาสูบออกไป ผู้เฒ่ามองเห็นเซียนกระบี่ที่เดินทางข้ามทวีปมาจากทักษินาตยทวีปผู้นั้น แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้จักกัน ตอนที่เฉาซีไปจากเมืองเล็ก เขาเองก็อายุไม่น้อยแล้ว เพียงแต่ว่าเฉาซีกลับมีความทรงจำต่อหยางเหล่าโถวที่หลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังร้านยา นั่งก้นบ่อมองท้องฟ้าปีแล้วปีเล่าผู้นี้เจือจางมาก แต่เชื่อว่าหยางเหล่าโถวต้องไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าปีนั้นที่เขาเดินออกจากถ้ำสวรรค์หลีจูไปได้สำเร็จ ก็อาจเป็นฝีมือของผู้เฒ่าคนนี้ที่จัดการอยู่เบื้องหลัง
เฉาซีมาที่นี่แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ว่าบุญคุณน้ำหนึ่งหยดตอบแทนด้วยน้ำพุหนึ่งสายอยู่แล้ว ต่อให้หยางเหล่าโถวไปหาถึงที่ ก็ไม่แน่เสมอไปว่าเฉาซีจะเต็มใจให้ความสนใจ หยางเหล่าโถวที่อยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจู หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเขตการปกครองหลงเฉวียน ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นแก่หน้าของเขาอยู่หลายส่วน แต่เมื่อเฉาซีทำการค้าครั้งนี้สำเร็จก็จะหวนกลับนาตยทวีป ทำหน้าหนาไปขอค่าตอบแทนจากบุรพาจารย์สกุลเฉินอิ่งอิน ต่อให้ฐานะของหยางเหล่าโถวจะลึกลับสักแค่ไหน ในอนาคตเขาที่อยู่ในแจกันสมบัติทวีปจะร้ายกาจสักเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเฉาซี
ส่วนสกุลเฉาที่เป็นนายพลเอกเสาหลักค้ำราชวงศ์ต้าหลี ในอนาคตจะโชคดีหรือโชคร้ายก็อยู่ที่บุพเพวาสนาของพวกเขาเอง อย่างมากก่อนจะจากไปเฉาซีก็แค่ช่วยเหลือพอเป็นพิธีเท่านั้น ส่วนข้อที่ว่าฮ่องเต้สกุลซ่งต้าหลีจะรับน้ำใจหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เฉาซีมีลูกหลานจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วนับประสาอะไรกับที่การฝึกตนไม่ได้ฝึกเพื่อให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง คำกล่าวที่ว่าไก่และหมาพากันได้ขึ้นสวรรค์ (มาจากสำนวนคนหนึ่งประสบความสำเร็จ ไก่และหมาพากันขึ้นสวรรค์ เปรียบเปรยว่าเมื่อคนหนึ่งได้ดี ลูกหลานบริวารก็ได้ดีตามไปด้วย) ก็เป็นแค่ของรางวัลที่ได้มาเพิ่มพิเศษเท่านั้น
คำถามแรกของเฉาซีก็คือ “ผู้อาวุโสหยางเหล่า ท่ามกลางกาลเวลาที่ยาวนานหลายพันปี ในถ้ำสวรรค์หลีจูที่มีขนาดเล็กสุดในบรรดาถ้ำสวรรค์ทั้งหลายของใต้หล้าแห่งนี้ คนที่เดินออกไปภายใต้เปลือกตาของเจ้า ใครที่ประสบความสำเร็จสูงสุด?”
หยางเหล่าโถวถามกลับ “เจ้านับเป็นต้นหอมต้นไหน?” (เป็นคำดูหมิ่น คล้ายประโยคว่า คิดว่าตัวเองเป็นใคร?)
เฉาซีชูข้อมือ เผยให้เห็นข้อมือขาวอวบท่อนหนึ่ง ด้านบนรัดเชือกสีเขียวมรกตไว้หนึ่งเส้น พูดพลางหัวเราะฮ่าๆ “ในนี้มี ‘หอมต้นหนึ่ง’ อยู่จริงๆ”
หยางเหล่าโถวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “มีลมก็รีบผาย”
เฉาซีลดมือลง รีบเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่ กล่าวด้วยน้ำเสียงประจบว่า “ผู้อาวุโสหยางเหล่า ผู้น้อยได้ยินมาว่าท่านมีวิชาอภินิหารยิ่งใหญ่เลิศล้ำ ไม่ทราบว่าท่านรู้หรือไม่ว่าวิญญาณของมารดาข้าอยู่ที่ไหน? สลายไปท่ามกลางฟ้าดิน หรือว่าไปเกิดใหม่แล้ว? หรือว่า…ถูกท่านผู้อาวุโสแอบเก็บเอาไว้ เพื่อรอให้ราคาสูงแล้วค่อยขาย?!”
หยางเหล่าโถวไม่สนใจคำพูดช่วงท้ายที่ซ่อนนัยยะทิ่มแทงของเซียนกระบี่พสุธาผู้นั้น เขากล่าวเข้าประเด็นทันทีว่า “เจ้าเฉาซีคิดจะจ่ายเงินซื้อ? ขอแค่เจ้าให้ราคาที่สูงมากพอ อย่าว่าแต่แม่เจ้าเลย ต่อให้เป็นพ่อเจ้าก็ยังไม่มีปัญหา”
เฉาซีหัวเราะเสียงดัง มือข้างหนึ่งชี้ไปยังผู้เฒ่าที่พ่นควันโขมงอยู่อีกฟากหนึ่ง “ผู้อาวุโสหยางเหล่าเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ดีๆๆ! ครั้งนี้นับว่าไม่มาเสียเที่ยว! หึหึ เพียงแต่ไม่รู้ว่าชีวิตของท่านผู้อาวุโสมีค่ามากเท่าไหร่?”
หยางเหล่าโถวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คิดจะทำการค้าก็ยินดีต้อนรับ แต่เมื่อมาเยือนถึงบ้าน ได้พบหน้ากันแล้ว ไม่ยอมควักเงิน ก็รีบไสหัวไปให้ไกล”
เฉาซีได้ยินแล้วก็หรี่ตาลง ถูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เข้าด้วยกันเบาๆ ทั้งสองมือ ท่าทางของเขาจึงดูน่าขันอย่างถึงที่สุด
แต่ปราณสังหารกลับแผ่ออกมาเด่นชัด
หยางเหล่าโถวไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!