ร่างทั้งร่างของเขาถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางลูกแสงสีทองอ่อนจาง
แต่ลูกแสงเหนือศีรษะขึ้นไปกลับมีช่องโหว่ขนาดเล็กปรากฏขึ้นมา สภาพเหมือนกับตอนที่ถ้ำสวรรค์หวงเหอถูกกระบี่ของคนผู้หนึ่งฟาดฟันให้เกิดช่องโหว่อย่างไม่มีผิดเพี้ยน เมื่อค่ายกลแสงทองผสานพลังต้นกำเนิดของนครจักรพรรดิขาวที่ปกป้องหลิ่วชื่อเฉิงเอาไว้มีรูโหว่ปรากฏขึ้น ในสายตาของหลิ่วชื่อเฉิงก็เห็นเป็นจุดสีดำขนาดเล็กเท่าเมล็ดงาก่อน จากนั้นถึงกลายเป็นเส้นสีดำเล็กๆ สุดท้ายก็ถึงเป็นกระบี่ที่ฟันฟั่บ ผ่าค่ายกลใหญ่แสงทองให้แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
ปลายกระบี่ชี้มาที่หว่างคิ้วของหลิ่วชื่อเฉิง อยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งชุ่น
หลิ่วชื่อเฉิงยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน
ไม่ใช่ว่าพอเสียโอกาสในการลงมือก่อนไปแล้ว เขาจะไม่มีกำลังเหลือให้ต้านทาน ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ เพราะแต่ไรมานครจักรพรรดิขาวก็มีชื่อเสียงด้านมรรคกถาที่ซับซ้อนและวิชาอภินิหารมากมายหลากหลาย ลำพังเพียงแค่เสื้อคลุมอาคมบนร่างที่เทียบเคียงได้กับอาวุธเซียนครึ่งตัวชิ้นนี้ก็ทำให้เขาที่ยืนนิ่งๆ สามารถต้านทานกระบี่นั้นเอาไว้ได้แล้ว
แต่กระบี่ยาวที่ปัญญาชนสวมชุดเขียวถือไว้ด้วยมือข้างเดียวไม่ใช่กระบี่เล่มที่หร่วนฉงเป็นคนหลอม แต่เป็นแค่กระบี่ไม้ไหวธรรมดาเล่มหนึ่ง
ดังนั้นหลิ่วชื่อเฉิงจึงเลือกที่จะถอยหนึ่งก้าวเพื่อยุติความขัดแย้ง
เพราะเดิมทีเจ้าคนที่ชื่อฉีจิ้งชุนผู้นั้นก็ไม่มีท่าทีที่จะบีบบังคับกันจนเกินเหตุอยู่แล้ว
นี่จึงถือว่าต่างฝ่ายต่างถอยกันคนละก้าว
ฉีจิ้งชุนเก็บกระบี่ไม้กลับมาใส่ไว้ในกล่องกระบี่ด้านหลังเฉินผิงอันช้าๆ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากกระบี่นี้เป็นฝีมือของอาเหลียง หรือของศิษย์พี่จั่ว เหตุการณ์ย่อมแตกต่างออกไป”
หลิ่วชื่อเฉิงเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ใหญ่ออกจากเมืองมาพบเจ้าจริงๆ รึ? แถมยังเป็นฝ่ายเชื้อเชิญให้เจ้าเล่นหมากล้อมด้วยถึงสามตา?”
ฉีจิ้งชุนพยักหน้ารับ
เพราะความจริงเป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจ แล้วก็ไม่มีความจำเป็นให้ต้องปิดบัง
แล้วนับประสาอะไรกับที่ฉีจิ้งชุนไม่เคยเก็บประสบการณ์เหล่านี้กลับมาใส่ใจมาก่อน
นี่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างราวฟ้ากับเหวในด้านนิสัยใจคอระหว่างเขากับเด็กหนุ่มชุยฉานที่ถึงทุกวันนี้ก็ยังภาคภูมิใจในตัวเองที่เคยได้เล่นหมากล้อมสิบตากับเจ้านครจักรพรรดิขาวท่ามกลางชั้นเมฆหลากสี
หลิ่วชื่อเฉิงถอนหายใจหนึ่งทีด้วยสีหน้าเลื่อนลอย
ราวกับว่าในใจมีแก้วหลิวหลีอยู่ใบหนึ่ง แล้วตอนนี้มันระเบิดแตกกระจาย ทั้งผิดหวัง แต่ก็คล้ายว่าได้ปล่อยวางเสียที
สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าในใจจะเคียดแค้นศิษย์พี่ใหญ่ที่ไร้น้ำใจบนมหามรรคาแค่ไหน แต่บุรุษที่สายตามองสูงไม่เห็นหัวใครผู้นั้นก็เป็นบุคคลที่ไร้ศัตรูใดจะทัดทานมาโดยตลอด คือบุคคลผู้สง่างามสูงส่งดุจแก้วหลากสีไร้มลทิน ไม่ควรจะต้องแหกกฎของตัวเองเพื่อใคร
หลิ่วชื่อเฉิงหมดอาลัยตายอยากเล็กน้อย “ในเมื่อไม่อาจเป็นอาจารย์ของเฉินผิงอันได้ ข้าก็คงไม่สอนวิชากระบี่ให้เขาแล้ว มรรคกถาของข้าไม่ได้ราคาถูกด้อยค่าขนาดนั้น คนแซ่ฉี ในเมื่อเจ้ามีความสามารถมากขนาดนี้ก็ถ่ายทอดวิชาให้เขาเองเถอะ”
คล้ายต้องการจะประชด เขาจึงหมุนตัวก้าวยาวๆ ไปทางประตูใหญ่ของวัด
จู่ๆ ฉีจิ้งชุนก็เอ่ยขึ้นว่า “โปรดรอก่อน ข้ามีคำพูดหนึ่งจะมอบให้”
หลิ่วชื่อเฉิงหมุนตัวกลับมาด้วยความสงสัย
แล้วทันใดนั้นในทะเลสาบหัวใจของเขาก็มีริ้วคลื่นหลากสีลักษณะประหลาดกะเพื่อมไหวเบาๆ
หลังจากนั้นบนใบหน้าของหลิ่วชื่อเฉิงก็เผยความตะลึงพรึงเพริดและปิติยินดีเจียนคลั่ง หลังจากคิดสะระตะวุ่นวายอยู่ครู่หนึ่งก็ถามเบาๆ ว่า “ดีนักนะฉีจิ้งชุน เจ้าที่เป็นถึงบุคคลระดับนี้ ไม่ว่าอยู่ในใต้หล้าแห่งใดก็ล้วนถือเป็นเซียนบนยอดเขาที่ร้ายกาจ เหตุใดถึงตกต่ำอยู่ในสภาพนี้ได้?”
ฉีจิ้งชุนถามกลับยิ้มๆ “ทำไมถึงเรียกว่าตกต่ำเล่า?”
หลิ่วชื่อเฉิงอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความเลื่อมใสจากใจจริง “ข้าละอายใจที่สู้ไม่ได้ ครั้งนี้ถือว่าข้าติดหนี้เฉินผิงอันหนึ่งครั้ง วันหน้ารอจนข้ากลับไปมีชื่อเสียงอยู่ในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางใหม่อีกครั้ง ก็ให้เฉินผิงอันไปหาข้าที่นครจักรพรรดิขาวได้เลย”
ก่อนหน้าที่จะไปจากวัดโบราณ หลิ่วชื่อเฉิงโบกชายแขนเสื้อแรงๆ หนึ่งครั้ง คว้าปีศาจจิ้งจอกอายุน้อยที่หลบอยู่ในมุมมืดมา พามันออกไปจากวัดโบราณด้วยกัน
ก่อนหน้านี้จิ้งจอกน้อยได้เปลี่ยนมาสวมชุดใหม่แล้ว นางทาผงประทินโฉมเข้มข้นบนแก้มสองข้าง ข้างหนึ่งสีเขียว ข้างหนึ่งสีแดง มองดูแล้วน่าขันอย่างถึงที่สุด นางคงเข้าใจผิดคิดว่านี่ก็คือคนงามผงสีชาด (แปลตรงตัวจากคำว่า红粉佳人 ผงสีชาดคือผงที่ผู้หญิงสมัยโบราณใช้ประทินโฉมให้งดงาม ซึ่งหากแปลอีกอย่างหนึ่งคำนี้จะหมายถึงผู้หญิงที่งดงามมาก) กระมัง?
ในอ้อมอกของนางโอบหนังสือที่รักที่สุดซึ่งเก็บรักษาติดตัวเป็นอย่างดีมานานหลายปีไว้เล่มหนึ่ง เป็นหนังสือที่จัดพิมพ์อย่างหยาบๆ คำผิดมีมากมาย มีชื่อว่า ‘บุรุษมากความสามารถกับโฉมสะคราญ’ เล่าเรื่องราวความรักระหว่างชายหญิง ช่วงต้นมีการเขียนถึงมารยาทอันเพียบพร้อมของกุลสตรี ยกตัวอย่างเช่นเวลาพูดกับคนอื่น น้ำเสียงต้องนุ่มนวลอ่อนหวาน เมื่อได้พบเจอกับบัณฑิตหล่อเหลาเป็นครั้งแรกต้องก้มหน้าลงอย่างเขินอายก่อน จากนั้นถึงค่อยเงยหน้าขึ้นแอบมองเขาอย่างขลาดเขิน แล้วก็ก้มหน้าลงต่ำด้วยใบหน้าที่แดงก่ำอีกครั้ง ในหนังสือเล่มนี้มีความรู้มากมาย ทำให้นางได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย บางตอนเป็นเรื่องเล่าที่มีฉากจบเศร้า นางก็ยังหลั่งน้ำตาทุกครั้งที่อ่าน
หลิ่วชื่อเฉิงบังคับพาตัวนางไป เดิมทีนางตกใจมาก แต่พอนางเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่นอกวัดโบราณ ในมือของเขาถือกิ่งหลิว กลางหว่างคิ้วมีปานแดงหนึ่งจุด นางกลับลิงโลดขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกว่าสวรรค์ดีกับนางไม่น้อย บุรุษถูกใจที่ทำให้นางหลงรักตั้งแต่แรกเห็นนี้ก็คือของขวัญที่สวรรค์มอบให้นาง
หลิ่วชื่อเฉิงพาลูกศิษย์และปีศาจจิ้งจอกเดินลงเขาจากไปไกล ไม่รู้ว่าไปที่ไหน
ฉีจิ้งชุนกวาดตามองไปรอบด้านแล้วก็พาเฉินผิงอันเดินออกจากวัดโบราณเช่นกัน พวกเขาไปยืนอยู่ตรงพื้นที่โล่งว่างนอกประตู อาศัยแสงจันทร์ทอดสายตามองภาพบรรยากาศยามค่ำคืนของขุนเขาที่อยู่ห่างไกลไปด้วยกัน
ฉีจิ้งชุนเอ่ยเบาๆ “คนเรามีสามจิตเจ็ดวิญญาณ สามจิตแบ่งออกเป็นไถกวาง ซ่วงหลิง โยวจิง (สามจิตคือส่วนที่เป็นจิตใจของร่างกาย ไถกวางควบคุมชะตาชีวิต ซ่วงหลิงควบคุมสติปัญญา โยวจิงควบคุมการสืบทอดนิสัยอารมณ์ทางกรรมพันธุ์) เมื่อข้าตายไปก็ได้แบ่งจิตวิญญาณและโชคชะตาของทั้งร่างคืนให้กับฟ้าดินเป็นส่วนใหญ่ เด็กๆ ที่เป็นลูกศิษย์อย่างพวกหลี่เป่าผิง หลี่ไหว ฯลฯ ต่างก็ได้อักษรคำว่าฉีไปคนละหนึ่งตัว ส่วนบนร่างของเจ้า จ้าวเหยาและซ่งจี๋ซินสามคน ข้าก็ใช้สามจิตที่หลงเหลืออยู่แอบทิ้งลมวสันต์ไว้หนึ่งกลุ่ม ตัวตนของข้าในเวลานี้ อันที่จริงไม่ถือว่าเป็นฉีจิ้งชุนที่สมบูรณ์แบบ ได้แค่ถือว่าเป็นผู้ปกป้องมรรคาที่คุ้มครองให้พวกเจ้าเดินไปบนเส้นทางในช่วงระยะทางหนึ่ง เส้นทางที่ซ่งจี๋ซินเลือก ยิ่งเดินก็ยิ่งห่างไกลจากระบบดั้งเดิมของลัทธิขงจื๊อมากขึ้นทุกที เรื่องราวบนโลกก็เป็นเช่นนี้ ต่างคนต่างก็มีวาสนาเป็นของตัวเอง ไม่สามารถบังคับควบคุมได้”
“ตอนนั้นจ้าวเหยาถูกชุยฉานขัดขวาง ในสถานการณ์ที่ถูกบีบบังคับจึงจำเป็นต้องมอบตราประทับ ‘ใต้หล้ารับวสันต์’ ไปให้อีกฝ่าย เดิมทีนี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าคาดการณ์ไว้ได้ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงบอกกับจ้าวเหยาไว้ล่วงหน้าแล้ว บอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องยึดติดกับการดำรงอยู่ของตราประทับชิ้นหนึ่ง ทว่าหลังจากนั้น ระหว่างที่จ้าวเหยาเดินทางไปยังทวีปอื่นก็ได้รับโชควาสนาอย่างอื่น แต่สภาพจิตใจของเขาก็ยังมีช่องโหว่ปรากฏขึ้น วันหน้าไม่แน่ว่าอาจต้องให้เจ้าที่เป็นอาจารย์อาน้อยในนามช่วยเขาสักครั้ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!