กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 242

กระบี่จงมา – บทที่ 242.1 ดื่มเหล้าของเซียนกระบี่แล้วก็เอาไปคุยอวดได้
บทที่ 242.1 ดื่มเหล้าของเซียนกระบี่แล้วก็เอาไปคุยอวดได้
โดย
ProjectZyphon
หวังอี้หรานสีหน้าเคร่งเครียด บิดตัวหมุนกลับไป ดีดปลายเท้าขึ้นไปเหยียบบนราวระเบียงโดยไม่สนใจว่าสตรีคนอื่นๆ ที่อยู่ในศาลาจะตกใจหรือไม่ ครั้นจึงเหินร่างพุ่งไปยังบ่อน้ำเพื่องมบุตรสาวของตัวเองขึ้นมา

หัวหน้าหมู่บ้านหนุ่มของหมู่บ้านวารีกระบี่สีหน้าเป็นปกติ ฝ่ายบัณฑิตหนุ่มที่โบกพัดจุ๊ปากพูดว่า “นึกไม่ถึงว่าจะเป็นยอดฝีมือที่อำพรางตัวได้อย่างลึกล้ำ”

บัณฑิตหุบพัดดังพรึ่บ มองไปยังเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่ค่อยๆ จากไปไกลบนถนนสายเล็ก อีกฝ่ายต้องเป็นปรมาจารย์น้อยขอบเขตสี่ของวิถีวรยุทธ์อย่างแน่นอน! หรือว่าเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของเทพกระบี่แคว้นไฉ่อี? เพียงแต่ว่ายุทธภพอันตราย บวกกับที่เทพกระบี่ผู้เป็นอาจารย์เพิ่งตายอยู่ในป่าเขา จึงจำต้องแกล้งปลอมตัวเป็นคนต่างถิ่นที่ท่องเที่ยวในยุทธภพเพียงลำพังเพื่อหลบภัย? หาไม่แล้วเขาก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครที่สามารถสั่งสอนผู้มีพรสวรรค์ด้านวิถีวรยุทธ์ที่อายุน้อยขนาดนี้ให้เลื่อนสู่ขอบเขตปรมาจารย์ได้เร็วกว่าซ่งเฟิ่งซาน

ภรรยาของซ่งเฟิ่งซาน สตรีอายุยังน้อยที่หน้าตางดงามกิริยาสำรวมเรียบร้อยผู้นั้นถามขึ้นมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “จะเกิดเรื่องกับซานหูหรือไม่?”

ซ่งเฟิ่งซานใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ถูด้ามกระบี่สั้นชื่อว่า ‘วารีสีคราม’ ที่พกไว้ตรงเอวเงียบๆ เพียงยิ้ม แต่ไม่ตอบ

บัณฑิตจึงเป็นคนอธิบายด้วยรอยยิ้มบางๆ “ฮูหยินโปรดวางใจ แม่นางหวังไม่ได้เป็นอะไรมาก หมัดนั้นของเด็กหนุ่มต่อยด้วยแรงที่ไม่มาก แค่ใช้แรงภายนอกของพายุหมัดโจมตีให้แม่นางหวังหมดสติไปเท่านั้น เป็นเพียงแค่บาดแผลภายนอก ไม่ได้บาดเจ็บไปถึงร่างกายและจิตวิญญาณของนาง การประลองฝีมือในครั้งนี้ เด็กหนุ่มออมแรงไว้กะทันหัน คงอยากทำเหมือนที่หัวหน้าหมู่บ้านหวังกล่าวไว้ นั่นคือไม่ต้องการให้เส้นทางในยุทธภพของตัวเอง ยิ่งเดินก็ยิ่งแคบลง”

แล้วก็จริงดังคาด หวังอี้หรานอุ้มบุตรสาวกลับเข้ามาในศาลา และเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากหวังอี้หรานด้วยการจี้ไปตามจุดบนร่างกายไม่กี่ครั้ง หญิงสาวก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ นอกจากที่นางจะมีสภาพกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าเปียกปอน มองเห็นความสาวได้วับแวม ต้องอับอายขายหน้าผู้คนครั้งใหญ่แล้ว สีหน้าและท่าทางก็ยังคงดีอยู่เหมือนเดิม หญิงสาวที่ห้อยดาบกลับด้านดิ้นรนลุกขึ้นยืนกลางศาลา หน้าผากบวมเป่ง นางหันหลังให้กับทุกคน มือหนึ่งยันเสากลางศาลา อีกมือหนึ่งปิดปากของตัวเอง ดวงตาทั้งคู่ของหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่เปียกโชกไปทั้งตัวมีไอน้ำเอ่อคลอ เมื่อเทียบกับความเย็นชาในเวลาปกติแล้ว เวลานี้กลับมีความน่าสงสารเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วน

เด็กสาวที่กลัวว่าเรื่องราวจะครึกครื้นไม่มากพอยืดคอยาวออกไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังดื่มเหล้าเดินอยู่บนทางสายเล็ก แล้วทอดถอนใจด้วยความทึ่ง “ว้าว สมกับเป็นยอดฝีมือจริงๆ”

บัณฑิตชำเลืองตามองแผ่นหลังอรชรของหญิงสาวแบบเร็วๆ แวบหนึ่ง หญิงสาวที่สภาพเหมือนไก่ตกน้ำเปิดเผยส่วนเว้าส่วนโค้งบนร่างออกมาจนหมดสิ้น มุมปากของบัณฑิตตวัดขึ้นสูง ถอนหายใจให้กับขาที่อวบยาวได้อย่างน่าตะลึงของอีกฝ่าย เกรงว่าเด็กหนุ่มซื่อบื้อคนนั้นคงไม่เข้าใจเรื่องราวทางโลกในมุมนี้ ต้องลูกหลานตระกูลร่ำรวยที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนแบบเขานี่แหละที่รู้ว่าภาพแบบนี้ทำร้ายร่างกายของบุรุษได้ดีที่สุด

มรสุมแรกยังไม่สงบ มรสุมใหม่ก็บังเกิดขึ้น

ยุทธภพให้ความสำคัญกับคำว่านายได้รับความอัปยศบ่าวสมควรตายมากที่สุด ในบรรดาผู้ติดตามของแต่ละฝ่ายที่ยืนอยู่นอกศาลา บุรุษคนที่สะพายธนูเขาวัวคันใหญ่ไว้ด้านหลังคล้ายมองเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันอันคลุมเครือจากผู้ติดตามคนอื่น เมื่อโทสะบังเกิดความกล้าจึงตามมา เขาตวาดกร้าวเสียงดัง ปลดธนูแข็งล้ำค่าที่ช่างใช้เวลาสิบปีกว่าจะสร้างเสร็จลงมา ดึงลูกธนูในถุงซึ่งมีลูกธนูขนนกสีขาวเบียดเสียดกันเต็มแน่นออกมาหนึ่งดอก ง้าวสายจนธนูวาดโค้งเป็นทรงพระจันทร์เต็มดวง “เจ้าคนชั่วบังอาจทำร้ายคุณหนูของข้า กินลูกธนูของข้าซะ!”

เหตุการณ์น่าตกใจเกิดขึ้นติดต่อกัน มาจนถึงตอนนี้หวังอี้หรานหัวหน้าหมู่บ้านเหิงเตามีชื่อเสียงด้านความสุขุมหนักแน่น อีกทั้งยังเป็นปรมาจารย์ด้านวิชากระบี่ที่วิชากระบี่มี ‘กลิ่นอายแห่งขุนเขา’ ก็เริ่มเกิดโทสะขึ้นมาบ้างแล้ว เขาแผดเสียงตะคอกเดือดดาล “หม่าลู่! ห้ามใช้อาวุธลับทำร้ายคนอื่น!”

เฉินผิงอันที่เดินห่างออกไปได้ร้อยก้าวกำลังจะหันตัวมาอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย เพราะหางตาเหลือบไปเห็นว่าบนกิ่งไม้สูงยอดบนสุดของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งมีคนยืนเอาสองมือไพล่หลัง เมื่อลมภูเขาพัดโชย ร่างของผู้เฒ่าชุดดำก็แกว่งไกวตามกิ่งไม้คล้ายคลื่นน้ำที่กระเพื่อมเบาๆ เกิดเป็นภาพชวนมอง เพียงไม่นานสายตาของคนทั้งสองก็สบประสานกัน ผู้เฒ่าผงกศีรษะให้ เฉินผิงอันจึงล้มเลิกความคิดที่จะลงมือ เพียงหมุนตัวกลับ หันหน้าเข้าหาศาลาริมน้ำอีกครั้ง

ร่างของผู้เฒ่าพกกระบี่สะบัดวูบหนึ่งครั้งก็หายวับไป นาทีถัดมาจึงมาปรากฏตัวอยู่บนทางเส้นเล็ก พุ่งสวนไหล่ของเฉินผิงอันไปดุจควันสีดำหนึ่งกลุ่ม เขายกมือ ตั้งนิ้วข้างหนึ่งขึ้นตรงแล้วยื่นไปด้านหน้า

ลูกธนูขนนกที่แหวกอากาศเข้ามาถูกผู้เฒ่าชุดดำสกัดไว้ด้วยนิ้วเดียว ลูกธนูที่พกพาพละกำลังอันหนักอึ้งปริแตกทีละชุ่นอยู่กลางอากาศ ส่วนนิ้วของผู้เฒ่ากลับยังปกติดังเดิม ไม่มีความเสียหายแม้แต่นิดเดียว

ผู้เฒ่ายื่นนิ้วออกมาอีกหนึ่งนิ้ว คว้าลูกธนูที่เป็นม้าตีนปลายซึ่งเหลือเพียงปลายลูกศรแหลมคมไว้แล้วขว้างกลับไปส่งๆ ลูกศรแหลมพุ่งกลับไปแทงทะลุฝ่ามือข้างหนึ่งของชายฉกรรจ์ที่ถือคันธนู ชายฉกรรจ์เองก็มีความหาญกล้าเต็มเปี่ยม เขายังคงไม่ปล่อยธนูเขาวัวทิ้ง แขนข้างที่ฝ่ามือโชกไปด้วยเลือดถูกปล่อยลงข้างกาย ถือธนูด้วยมือข้างเดียว ถลึงตากว้างจ้องมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญผู้นั้นอย่างดุดัน

ผู้เฒ่าชุดดำสีหน้าเฉยชา “ท่องอยู่ในยุทธภพ เป็นตายต้องรับผิดชอบเอง! ไม่มีผู้อาวุโสคนไหนสอนหลักการข้อนี้ให้พวกเจ้าหรือ? อยู่ในยุทธภพแห่งอื่นของแคว้นซูสุ่ย ไม่ต้องทำตามกฎเกณฑ์อะไรทั้งนั้น เอาแค่ที่พวกเจ้าสบายใจก็พอ แต่เมื่ออยู่ในหมู่บ้านวารีกระบี่ของข้า จะทำอย่างนั้นไม่ได้”

สตรียังสาวลุกขึ้นยืน ยอบตัวคารวะอย่างดงาม เอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยความนอบน้อม “ท่านบรรพบุรุษ”

หวังอี้หรานหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย รีบกุมหมัดคารวะ ก้มหน้าลงนิดๆ “หวังอี้หรานผู้นำหมู่บ้านเหิงเตา คารวะอริยะกระบี่ซ่ง!”

บัณฑิตรีบลุกขึ้นตามมาติดๆ หันไปตบศีรษะของเด็กสาวเบาๆ เพื่อให้นางลุกขึ้นต้อนรับอีกฝ่าย จากนั้นบัณฑิตก็วางมือทับซ้อนกันทำท่าคารวะของลัทธิขงจื๊อ เอ่ยเสียงดังกังวาน “หานหยวนซ่านลูกหลานสกุลหานจากภูเขาเสี่ยวฉงคารวะอดีตท่านผู้นำหมู่บ้าน”

เด็กสาวมีนิสัยร่าเริง ไม่เคยหวั่นกลัวเรื่องใด นางทำท่าคารวะเลียนแบบพี่ชาย แม้จะสอดมือประสาน แต่กลับไม่ก้มหัว เอาแต่จ้องเป๋งไปยังเทพเซียนผู้เฒ่าที่ชื่อเสียงระบือก้องไปทั่วยุทธภพผู้นั้นพลางพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “หานหยวนเสวียลูกหลานสกุลหานจากภูเขาเสี่ยวฉง คารวะอดีตท่านผู้นำหมู่บ้าน”

ซ่งอวี่เซาอริยะกระบี่เฒ่าปรากฏกาย ในฐานะหลานชายคนโตของผู้เฒ่า ซ่งเฟิ่งซานกลับเป็นคนสุดท้ายที่ลุกขึ้นยืน เขาเอ่ยเนิบช้าด้วยน้ำเสียงที่ไร้คลื่นอารมณ์ “ท่านปู่ออกจากบ้านคราวนี้กลับมาค่อนข้างเร็ว เดิมทีหลานนึกว่าต้องรอให้เรื่องของทางหมู่บ้านเงียบสงบลง ไม่มีแขกเหลืออยู่แล้ว ท่านปู่ถึงจะยอมกลับมา”

ผู้เฒ่ากวาดตามองไปรอบด้าน ทิ้งประโยคที่มีความหมายลึกล้ำไว้ว่า “บรรยากาศเลวร้าย” แล้วหมุนกายเดินจากไปพร้อมกับเฉินผิงอัน จะสกุลหานแห่งภูเขาเสี่ยวฉงเสาเอกของราชสำนักแคว้นซูสุ่ยหรือหมู่บ้านเหิงเตาอะไร เขาล้วนไม่สนใจ ราวกับว่าไม่มีใครเข้าตาเขาได้สักคน เป็นเหตุให้อดีตผู้นำหมู่บ้านไม่แม้แต่จะชายตามามอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!