อันที่จริงผู้เฒ่าก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองดีกว่าหวังอี้หรานหัวหน้าหมู่บ้านเหิงเตาสักเท่าไหร่
มารยาทมาจากตระกูล กฎเกณฑ์มาจากสำนัก
มารยาทกฎระเบียบ หากเป็นลูกหลานตระกูลเซียนที่แท้จริงจะต้องได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเด็ก วิชาอาคมของเทพเซียน ตระกูลเซียนบนภูเขาสืบทอดต่อกันมาอย่างมีระบบ
สำหรับเรื่องนี้ซ่งอวี่เซามีประสบการณ์อย่างลึกล้ำ เขาเคยเดินทางไกลไปที่แคว้นหนันเจี้ยน เคยคบค้าสมาคมกับคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของที่แห่งนั้น ต่อให้จะมีนิสัยแตกต่างกันไป แต่ทุกคนก็มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเอง ต่อให้เป็นเพียงบัณฑิตที่ไม่มีแม้แต่แรงมัดไก่ก็ยังทำให้คนรู้สึกละอายใจที่สู้ไม่ได้
ข้างทางระหว่างน้ำตกกับหมู่บ้านวารีกระบี่มีศาลาริมทางที่ชายคาตวัดโค้งงอขึ้นอย่างน่ารัก ห้อยกรอบป้ายคำว่า ‘ภูเขาแม่น้ำ’ กลอนคู่ที่ติดเอาไว้คือประโยคว่า ‘หินขาววับแวววาว น้ำใสไหลระริก’ เรียบง่ายแต่มีท่วงทำนองแปลกใหม่
เห็นได้ชัดว่าซ่งอวี่เซาชื่นชอบศาลาแห่งนี้มากเป็นพิเศษ เขาลากเฉินผิงอันไปนั่งลงบนม้านั่งตัวยาวในศาลา คนทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ผู้เฒ่าวางกระบี่พาดหัวเข่า เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ไว้ด้านหลัง คนหนึ่งมีเวทกระบี่ที่เลื่องลือไปทั้งยุทธภพว่าอยู่ในขอบเขตของอริยะ อีกคนหนึ่งตอนนี้แม้แต่จะออกกระบี่ยังไม่มีความมั่นใจ
การมองเห็นเปิดกว้าง เทือกเขายาวไกลดุจคิ้วของสาวงาม
ลมภูเขาพัดโชยเย็นสบาย ทำให้จิตใจของคนปลอดโปร่ง
ซ่งอวี่เซานั่งเงียบๆ อยู่อย่างนั้น ไม่ได้คิดจะพูดคุยตามมารยาทกับเด็กหนุ่ม เพียงแค่คิดเรื่องในใจตัวเองไปเรื่อยๆ
ซ่งเฟิ่งซานหลานชายของเขาไม่ถือว่ามีความทะเยอทะยานต่อเรื่องราวในยุทธภพเท่าใดนัก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นหลานสะใภ้คนนั้นที่คอยยุแยงอยู่เบื้องหลัง คอยเป่าหูอยู่ข้างหมอนตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เป็นเหตุให้หลานชายของตนรู้สึกว่าการเป็นผู้นำของยุทธภพเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ที่ถือโอกาสทำไปพร้อมกันได้เลย อีกทั้งไม่ว่าจะขาวหรือดำก็เอาหมด ยังถึงขั้นคิดยื่นมือเข้าไปในราชสำนัก หาไม่แล้วด้วยนิสัยของซ่งเฟิ่งซาน ตอนนั้นไหนเลยจะสนใจองค์หญิงใหญ่ของแคว้นซูสุ่ย ไม่ฟันนางให้ตายด้วยกระบี่เดียวก็ถือว่ามีเมตตามากแล้ว
คำเรียกขานว่าสี่พิฆาตของแคว้นซูสุ่ยเพิ่งจะมีเมื่อสิบปีที่ผ่านมา ไม่ได้เผยแพร่ในยุทธภพอย่างกว้างขวางเท่าใดนัก โดยทั่วไปแล้วมีเพียงปรมาจารย์ที่อยู่ในตำแหน่งอย่างหวังอี้หรานเท่านั้นที่พอจะเคยได้ยินมาบ้าง คนที่เป็นผู้นำก็คือชายฉกรรจ์ร่างกำยำที่เดินทางมาพร้อมกับ ‘หมัวมัว’ มารผู้นั้น เขามีง้าวเงินที่เป็นสมบัติอาคมของตระกูลเซียนชิ้นหนึ่ง สร้างพรรคมารพรรคหนึ่งขึ้นมาในแคว้นซูสุ่ย ส่วนอันดับที่สองคือหญิงสาวปีศาจในวัดโบราณ จากนั้นก็เป็นลูกหลานสกุลหานแห่งภูเขาเสี่ยวฉงที่วางตัวถ่อมตน มีชาติกำเนิดจากตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่กลับฝึกวิชามาร ผูกมัดจิตใจและควบคุมขุนนางใหญ่ตำแหน่งสูงของแคว้นซูสุ่ยไว้มากมาย
คนสุดท้ายของสี่พิฆาต ไกลสุดขอบฟ้า ใกล้แค่ตรงหน้า ก็คือหลานสะใภ้ของซ่งอวี่เซา
มีครั้งหนึ่งที่ซ่งอวี่เซาออกเดินทางไกล นางได้รู้จักกับซ่งเฟิ่งซาน ‘โดยบังเอิญ’ คนทั้งสองจึงแต่งงานเป็นสามีภรรยากันลับหลังซ่งอวี่เซา ป่าวประกาศให้คนทั่วหล้ารับรู้ รอจนซ่งอวี่เซากลับมาถึงหมู่บ้าน ไม้ก็กลายเป็นเรือไปแล้ว ที่น่าจนใจที่สุดเลยก็คือซ่งเฟิ่งซานที่รู้ทั้งรู้ว่าภรรยาเป็นมาร แต่ก็ยังหลงมัวเมา ครั้งนั้นซ่งอวี่เซาออกกระบี่แล้ว หนึ่งกระบี่ฟันให้กระบี่เล่มเดิมที่หลานชายพกติดตัวขาดท่อน แล้วแทงอีกกระบี่ทะลุหน้าท้องของหญิงสาว ซ่งเฟิ่งซานสู้ตายกับปู่ของตัวเองราวกับเสียสติ ด้วยความโมโห ซ่งอวี่เซาจึงจะใช้กระบี่ตัดเส้นเอ็นข้อมือของหลานชายไม่เอาไหนคนนี้ให้ขาด จะได้สะบั้นหนทางแห่งวิถีกระบี่ของเขาลง วันหน้าจะได้ไม่ต้องเป็นภัยแก่คนบนโลก คาดไม่ถึงว่าสตรีผู้นั้นจะเอาตัวมาขวางเบื้องหน้าซ่งเฟิ่งซาน ปล่อยให้ผู้เฒ่าแทงกระบี่ทะลุหัวใจ แม้ว่านางจะไม่ได้ตายคาที่ แต่สะพานแห่งความเป็นอมตะกลับขาดลงอย่างสิ้นเชิง นับแต่นั้นมากลายเป็นเพียงคนขี้โรคที่แม้แต่ลมหนาวของฤดูใบไม้ผลิก็ยังทนรับไม่ไหว
เรื่องราวเละเทะในครอบครัวที่น่าอับอายเหล่านี้ ซ่งอวี่เซารู้ดีว่าหลักการที่ต้องใช้ความรู้สึกทำให้คนซาบซึ้ง ใช้เหตุผลทำให้คนเข้าใจนั้นไม่มีประโยชน์ สุดท้ายเขาถึงขนาดออกกระบี่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้อย่างชัดเจน จนมันกลายมาเป็นบัญชีเลอะเลือนที่เกิดขึ้นโดยที่ใครก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
ซ่งอวี่เซาถอนหายใจยาวเหยียด
ศาลาภูเขาแม่น้ำเอยศาลาภูเขาแม่น้ำ ภูเขาทับซ้อน สายน้ำไหลริน ทัศนียภาพนั้นสวยงาม แต่เรื่องราวบนโลกมนุษย์กลับเป็นดั่งลมมรสุม ไม่เคยง่ายสมใจคนปรารถนา
จู่ๆ เฉินผิงอันก็ถามขึ้นว่า “ผู้อาวุโสซ่ง หลังจากนี้ข้าสามารถไปฝึกวิชาหมัดที่น้ำตกได้หรือไม่?”
ซ่งอวี่เซาตอบรับทันทีโดยไม่ต้องคิด “ทำไมจะไม่ได้เล่า ข้าจะป่าวประกาศออกไปว่า ตั้งแต่ศาลาภูเขาแม่น้ำไปจนถึงน้ำตกแห่งนั้นถือเป็นพื้นที่ต้องห้ามของหมู่บ้านวารีกระบี่ ใครละเมิดเข้ามาต้องตาย”
เฉินผิงอันเกาหัว รู้สึกเกรงใจไม่น้อย “ข้าแค่ไปฝึกวิชาหมัดตอนกลางคืนเวลาที่ไม่มีคนไปชมทัศนียภาพของน้ำตกก็พอแล้ว ตอนกลางวันไม่ต้องปิดทางหรอก ไม่อย่างนั้นจะดูไร้น้ำใจเกินไป”
ซ่งอวี่เซาส่ายหน้าหัวเราะเสียงดัง “เจ้าเด็กน้อย เจ้านี่ใจไม่ถึงเอาซะเลย ข้าผู้อาวุโสคิดจะขีดเส้นแบ่งพื้นที่ไม่ให้ใครมาขี้ในบ้านของตัวเอง ยังจำเป็นต้องอธิบายเหตุผลกับคนนอกอีกหรือ?”
เฉินผิงอันจึงได้แต่กล่าวว่า “หากทางหมู่บ้านต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไร ท่านผู้อาวุโสก็สั่งมาได้เลย”
ผู้เฒ่าตบกระบี่เหล็กบนเข่า กล่าวเสียงขุ่น “กระบี่ของข้าผู้อาวุโส ไม่เหมือนกับกระบี่สองเล่มที่เจ้าสะพายอยู่”
เฉินผิงอันสีหน้ากระอักกระอ่วน ปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่เอามาดื่มเหล้า ไม่ได้พูดอะไร
ผู้เฒ่ากลั้นยิ้ม เก็บกระบี่แล้วลุกขึ้นพูดว่า “ฝึกวิชาหมัดไปตามสบาย อยากอยู่ในหมู่บ้านนานแค่ไหนก็ได้ ใช่แล้ว ดมจากกลิ่นก็รู้ว่าเหล้าของเจ้าคงไม่อร่อยเท่าไหร่ เดี๋ยวกลับไปข้าผู้อาวุโสจะให้คนนำเหล้าฮวาเตียว (เหล้าเหลืองชนิดหนึ่ง) ที่ฝังไว้ใต้ดินนานถึงยี่สิบปีไปส่งยังที่พักของเจ้าหลายๆ ไห นั่นต่างหากถึงจะเรียกว่าเหล้าที่ดี! ไอ้ที่เจ้าดื่มอยู่ตอนนี้ไม่ได้ดีกว่าน้ำเปล่าเลย ประเด็นสำคัญคือไม่ว่าจะมีคนหรือไม่มีคน มีเรื่องหรือไม่มีเรื่อง เด็กน้อยอย่างเจ้าก็ชอบดื่มอึกสองอึกอยู่เป็นระยะ ข้าผู้อาวุโสล่ะอายแทนเจ้า”
ผู้เฒ่าเตะปลายเท้า ร่างล่องลอยออกไป พริบตาเดียวก็ไปปรากฏตัวอยู่บนกิ่งไม้สูงในป่าที่ห่างไปไกล ทะยานตัวขึ้นๆ ลงๆ อยู่แค่ไม่กี่ครั้งก็หายตัวไปไม่เห็นเงาอีก
เฉินผิงอันนั่งอยู่ในศาลาภูเขาแม่น้ำเพียงลำพัง
ได้เจอกับผู้อาวุโสในยุทธภพท่านนี้สองครั้ง เฉินผิงอันอดนึกไปถึงเสิ่นเวินเทพอภิบาลเมืองของเมืองแยนจือแคว้นไฉ่อีไม่ได้ แม้ว่าคนหนึ่งจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วยุทธภพ อีกคนคือองค์เทพฝ่ายบุ๋นที่เสวยสุขกับควันธูป อ้อ ใช่แล้ว ยังรวมถึงผู้ฝึกลมปราณคนที่รับหลวนหลวนเป็นลูกศิษย์ด้วย เขามักจะรู้สึกว่าพวกเขาสามคนมีบางอย่างคล้ายกัน แต่คล้ายกันตรงไหน เฉินผิงอันก็บอกไม่ถูกอีกเหมือนกัน แต่สรุปก็คือหลังจากที่เฉินผิงอันได้รู้จักพวกเขาแล้วถึงได้รู้สึกว่าเหล้าในน้ำเต้าของตัวเอง จะซื้อประเภทเหล้าต้มที่ถูกที่สุดอีกไม่ได้แล้วจริงๆ
ฮ่าๆ ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวเขาก็จะได้ดื่มเหล้าที่ดีที่สุดของหมู่บ้านวารีกระบี่แล้วไม่ใช่หรือ?!
ประเด็นสำคัญก็คือเฉินผิงอันไม่ต้องจ่ายเงินด้วย!
ดังนั้นตอนที่เฉินผิงอันออกจากศาลาภูเขาแม่น้ำกลับไปยังที่พักจึงอารมณ์ดีสุดขีด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!