กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 244

กระบี่จงมา – บทที่ 244.3 อยู่เบื้องหน้ากองทัพที่เกรียงไกร ข้าดื่มเหล้าหนึ่งคำ
บทที่ 244.3 อยู่เบื้องหน้ากองทัพที่เกรียงไกร ข้าดื่มเหล้าหนึ่งคำ
โดย
ProjectZyphon
ในตรอกหนีผิง ความคิดนับร้อยประดังเข้าหาผู้เฒ่านายพลเอกสกุลเฉา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณ แต่ก็ไม่เคยขาดการคบค้าสมาคมกับยอดฝีมือบนภูเขา ทว่าการได้เห็นเทพเซียนตีกันอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดินกับตาตัวเองแบบนี้กลับมีน้อยครั้ง เฉาเม่าผู้ตรวจการงานเตาเผาหลานสายตรงรุ่นนี้ของตระกูลเฉาเอ่ยถาม “ท่านบรรพบุรุษ หากท่านต้องผิดใจกับอริยะของที่แห่งนี้ด้วยสาเหตุนี้?”

เฉาซีแค่นเสียงหยัน “เอาชนะเทียนจวินลัทธิเต๋าขอบเขตสิบสองของอุตรกุรุทวีปไม่ได้ ข้าผู้อาวุโสจะยังเอาชนะขอบเขตสิบเอ็ดคนใหม่ของแจกันสมบัติทวีปไม่ได้อีกงั้นหรือ? เฉาจวิ้นทำให้ตระกูลเฉาขายหน้าได้ แต่ข้าผู้อาวุโสไม่มีทางทำให้ผู้ฝึกตนของนาตยทวีปต้องขายหน้า!”

บัดนี้นายพลเอกสกุลเฉาและเฉาเม่าผู้ตรวจการถึงเพิ่งจะตระหนักได้อย่างแท้จริงว่า เหตุใดบรรพบุรุษที่ดูเหมือนจะจิตใจดีผู้นี้ถึงสามารถเป็นคนเฝ้าพิทักษ์หอพิทักษ์เมืองที่อยู่ริมทะเลแห่งนั้นได้

ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของตรอกหนีผิง “ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู?”

เฉาซีแสยะปาก “ได้สิ เจ้าเลือกสถานที่มาเลย ข้าเลือกเวลา!”

ชายฉกรรจ์ที่ออกจากร้านกระบี่มาเอาเรื่องกล่าวอย่างไม่ลังเล “กลางภูเขาใหญ่ทิศตะวันตกมีเนินดินซึ่งอยู่ในรัศมีร้อยลี้ ไม่มีผู้คน ตอนนี้ยังมีเขตอาคมที่ต้าหลีสร้างเอาไว้ มากพอที่เจ้าและข้าจะต่อสู้จนรู้แพ้รู้ชนะ”

เฉาซีพยักหน้ารับอย่างแรง “ตกลง อีกหนึ่งร้อยปีค่อยตีกัน!”

หร่วนฉงอึ้งค้าง ก่อนจะถ่มน้ำลายลงบนพื้นหนักๆ หนึ่งทีแล้วหมุนตัวเดินจากไป

เฉาเม่ายกมือปิดหน้า

นายพลเอกสกุลเฉาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

เฉาซีค้อนประหลับประเหลือก “ทำไม? นี่เรียกว่าต่อสู้ด้วยปัญญา พวกเจ้าจะไปเข้าใจอะไร!”

เฉาซีเดินนำเข้าไปในบ้านของตัวเองก่อน ปู่หลานที่เดินตามมาด้านหลังกำลังจะเดินตามเข้าไปข้างใน แต่ประตูบ้านกลับปิดดังปัง

เฉาเม่าและปู่ของเขาที่เป็นนายพลเอกต้าหลีหันมายิ้มจืดให้กัน ได้แต่ออกจากตรอกหนีผิงไปยังที่ว่าการจวนผู้ตรวจการ ปรึกษากันถึงแผนการขั้นต่อไปของตระกูลอย่างลับๆ

มรสุมทางทิศเหนือของแจกันสมบัติทวีปก่อตัวขึ้นแล้ว สถานการณ์ส่งผลดีต่อราชสำนักต้าหลี แน่นอนว่ายิ่งลงสนามเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้ผลประโยชน์มหาศาลมากเท่านั้น

แล้วนับประสาอะไรกับที่ตอนนี้สกุลเฉายังมีข่าวดีใหญ่เทียมฟ้า บรรพบุรุษเฉาซีจะอยู่ในแจกันสมบัติทวีปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง เฉาจวิ้นผู้ฝึกกระบี่ที่มีพรสวรรค์จะเข้าร่วมกองทัพชายแดนของต้าหลี คิดดูแล้วฮ่องเต้คงจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ควันธูปนี้ไม่มากก็น้อย ในอนาคตอีกร้อยปี การที่สกุลเฉาจะกดหัวข่มทับสกุลหยวนที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตในราชสำนักได้อย่างมั่นคงก็คือสถานการณ์ที่แน่ชัดแล้ว

……

หลังจากที่ลู่เฉินนักพรตเต๋าสวมกวานดอกบัวมาเยือนครั้งหนึ่ง ผู้เฒ่าแซ่ชุยในเรือนไม้ไผ่ที่สวมผ้าป่าน เปลือยเท้าเดินอย่างเคยชินก็เปลี่ยนนิสัยใหม่ เปลี่ยนมาสวมผ้าชุดเขียวของบัณฑิต ทำไม้เท้าไม้ไผ่ไว้ใช้เวลาเดินให้ตัวเองชิ้นหนึ่ง สวมรองเท้าพื้นไม้หนึ่งคู่ มักจะลงจากเขาไปซื้อตำราโบราณและข้าวของเครื่องใช้ในห้องหนังสือมาเป็นประจำ จัดชั้นสองของเรือนไม้ไผ่จนเป็นเหมือนห้องหนังสือของตระกูลปัญญาชนผู้มีความรู้ เวลาอยู่ว่างๆ ก็มักจะจับพู่กันขึ้นเขียนตัวอักษร

ทำเอาเด็กชายชุดเขียวและเด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูที่เห็นอยู่ในสายตาหันมามองหน้ากัน เข้าใจผิดนึกว่าธาตุมารเข้าแทรกผู้เฒ่า ภายหลังเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูได้เห็นภาพเขียนตัวอักษรที่เลิศล้ำของผู้เฒ่า จึงมักจะพูดคุยกับผู้เฒ่าเป็นประจำ นั่นถึงได้ค้นพบว่าที่แท้ผู้เฒ่าคือผู้มากความรู้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพิณ หมากล้อม พู่กันจีนหรือภาพวาดก็ล้วนเชี่ยวชาญมีฝีมือเป็นเอก สำหรับความรู้ของระบบลัทธิขงจื๊อก็ยิ่งลึกล้ำ

เด็กชายชุดเขียวเป็นคนประเภทไม่ใส่ใจใครทั้งนั้น แถมยังรักตัวกลัวตาย คิดอย่างเดียวว่าหากผู้เฒ่าตั้งใจฝึกวรยุทธ์ให้ดี กลายเป็นผู้อาวุโสใหญ่ที่มีวรยุทธ์สูงส่งในฟ้าดินน้อยๆ แห่งนี้ ตนถึงจะสบายใจ จึงมักจะคอยพูดหว่านล้อมแบบอ้อมๆ กับผู้เฒ่าว่า เขตการปกครองหลงเฉวียนคือสถานที่ที่มังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบ จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด พร่ำพูดว่าสถานการณ์ในยุทธภพของต้าหลีแปลกประหลาดอย่างมาก ต้องอาศัยตบะขั้นสูงสุดถึงจะสยบพวกคนถ่อยได้

น่าเสียดายก็แต่ผู้เฒ่าไม่สนใจเจ้าหมอนี่แม้แต่น้อย อย่างมากก็แค่คุยเล่นกับเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูที่มักจะมาสอบถามขอความรู้ สำหรับคำว่าวิถีวรยุทธ์ ดูเหมือนเขาจะโยนมันลงพื้นแล้วไม่คิดจะเก็บขึ้นมาอีก เด็กชายชุดเขียวจนใจเป็นอย่างยิ่ง คร่ำครวญว่าขอร้องคนอื่นไม่สู้พยายามด้วยตัวเอง จึงได้แต่มุมานะฝึกตนต่อไป พยายามอย่างสุดกำลังในการย่อยหินดีงูชั้นเยี่ยมสองก้อนที่กลืนลงท้องไป

หมู่นี้เว่ยป้อทวยเทพแห่งขุนเขาเหนือที่เพิ่งเลื่อนขั้นใหม่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการต้อนรับขับสู้แขกที่มาเยือน แต่ก็ยังคอยมาที่เรือนไม้ไผ่เป็นระยะ เฝ้ามองบ่อน้ำขนาดเล็กที่โยนเมล็ดพันธ์ดอกบัวม่วงทองดอกหนึ่งลงไป

ตอนนั้นเฉินผิงอันยังฟังคำแนะนำของเว่ยป้อ ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของภูเขาลั่วพั่ว นอกจากทิ้งเมล็ดพันธ์ดอกบัวม่วงทองเมล็ดนั้นไว้ในเรือนไม้ไผ่แล้ว เขายังทิ้งตราประทับชิ้นหนึ่งไว้เพื่อใช้เป็นวัตถุสยบความชั่วร้ายคว้าชัยชนะแห่งภูเขาและแม่น้ำ ตราประทับชิ้นนั้นก็คือ ‘เฉินสืออี’ (เฉินสิบเอ็ด) ที่ฉีจิ้งชุนเป็นผู้แกะสลัก ตราประทับชิ้นนี้ไม่มีความลี้ลับใดๆ เป็นเพียงแค่ความคาดหวังต่ออนาคตอันดีงามที่ฉีจิ้งชุนมอบให้แก่เฉินผิงอันเท่านั้น

เหนือขอบเขตปลายทางขอบเขตที่สิบของวิถีวรยุทธ์ ก็คือเทพแห่งการต่อสู้ของโลก สามารถยืนเคียงไหล่ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสูงสุดในใต้หล้าได้แล้ว

เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเกินกว่าสิ่งใด เหนือกว่าตำราที่ปีนั้นเด็กหนุ่มชุยฉานมอบไว้ให้นางดูแล ทุกๆ วันนางจะต้องแอบหยิบตราประทับอันน้อยที่นายท่านของนางมอบให้ออกมา ใช้ผ้าแพรเช็ดอย่างละเอียดและตั้งใจสามเวลาเช้า กลางวันและเย็น ไม่ว่าเด็กชายชุดเขียวจะหลอกล่ออย่างไร นางก็ไม่มีทางยอมให้เขาแตะแม้แต่ปลายเล็บ

ตอนนี้เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูที่มีชาติกำเนิดจากหอจือหลันแคว้นหวงถิงได้อาศัยหินดีงูที่เฉินผิงอันมอบให้ฝ่าธรณีประตูสุดท้ายของห้าขอบเขตล่าง เลื่อนสู่ขอบเขตแรกของห้าขอบเขตกลางอย่างขอบเขตถ้ำสถิตไปแล้ว หลังจากนี้ก็คือขอบเขตเจ็ดชมมหาสมุทร ขอบเขตแปดประตูมังกร ขอบเขตเก้าโอสถทอง ขอบเขตสิบก่อกำเนิด มหามรรคายังอีกยาวไกล ไกลเกินกว่าจะเอื้อมมือคว้าได้ถึง

เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับเด็กชายชุดเขียวที่มีขอบเขตชมมหาสมุทรซึ่งจู่ๆ ก็ฮึกเหิมอยากพัฒนาก้าวหน้า เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูกลับปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า ทุกวันนอกจากจะทำความสะอาดจนเรือนไม้ไผ่ไม่มีฝุ่นเกาะสักเม็ดแล้ว ก็จะพลิกเปิดตำราหาความรู้ จิตใจผ่อนคลายเป็นสุข เมื่อเทียบกับงูน้ำแม่น้ำอวี้เจียงที่มีนิสัยดุดัน งูหลามไฟจากหอหนังสือตนนี้จึงดูใจเย็น สบายๆ มากกว่า

ดังนั้นตอนนี้จึงกลับกลายเป็นว่าเด็กชายชุดเขียวเป็นฝ่ายรังเกียจที่นางโง่เขลาเกียจคร้าน ไม่รู้จักแสวงหาความก้าวหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!