แต่คนของฝ่ายหลังที่เมื่อเผชิญหน้ากับหนึ่งคนแก่หนึ่งเด็กหนุ่มคู่นี้ แต่ละคนกลับทำท่าเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ เมื่อกลองรบลั่นขึ้น นายทหารหนุ่มบางคนที่มีชาติกำเนิดมาจากกองทัพประจำแต่ละพื้นที่ก็ถึงกับกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
เพราะปราณกระบี่ขยับเข้ามาใกล้
รับมือกับชาวยุทธ์ที่บุ่มบ่ามสองคน แค่เผาผลาญพละกำลังของอีกฝ่ายให้หมดลงก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันในเรื่องการจัดขบวนค่ายกลอะไรทั้งนั้น เพราะถึงอย่างไรก็คงต้องใช้ทหารม้าบุกเปิดทางไปก่อน จากนั้นค่อยแยกตัวเรียงเป็นเส้นกองหน้าอย่างเหมาะสม ซ้ายขวาขนาบรับมือ พยายามให้ฝนลูกธนูกลบทับเส้นทางการฝ่าขบวนรบของอริยะกระบี่แคว้นซูสุ่ยให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็ให้ทหารเดินเท้าที่อยู่ด้านหลังตั้งขบวนรับ มือโล่พกดาบบังอยู่ด้านหน้า แทงทวนยาวออกไป สร้างผนังเหล็กที่ทับซ้อนกันหลายชั้น
นอกจากธนูของพลเดินเท้าที่กองทัพแคว้นซูสุ่ยเป็นผู้สร้างขึ้นแล้ว ยังมีธนูเทพอีกหลายสิบคันที่เอาออกมาจากคลังสมบัติเชื้อพระวงศ์ปะปนอยู่ด้วย ธนูเหล่านี้ ช่างของสำนักโม่เป็นผู้สร้างขึ้นอย่างตั้งใจ เป็นอาวุธสำคัญที่แม่ทัพของสำนักการทหารใช้มาโดยตลอด ปลายธนูสลักลายเมฆ ตัวธนูทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดี หางลูกธนูคือขนนกสีทอง ลูกธนูลูกหนึ่งทนทานและหนักมาก เป็นเหตุให้พลธนูทั่วไปไม่สามารถบังคับได้ มีเพียงมัลละในกองทัพที่มีพรสวรรค์ด้านวิถีวรยุทธ์ไม่ธรรมดาเท่านั้นถึงจะสามารถง้าวธนูได้สุดสาย พลานุภาพยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุด ความเร็ว ระยะการยิงและระดับความแม่นยำล้วนเหนือกว่าธนูแข็งแกร่งทั่วไป
สุดท้ายจึงเป็นผู้ติดตามในยุทธภพเกือบยี่สิบคนที่มารวมตัวกันอยู่รอบกายแม่ทัพใหญ่ฉู่หาว ยอดฝีมือห้อมล้อมให้การอารักขา ซ่งอวี่เซาคิดจะใช้กำลังของคนคนเดียวฝ่าขบวนรบ สังหารมาจนถึงเบื้องหน้าฉู่หาวนั้นยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์
แต่ฉู่หาวรู้ดีว่าตัวเองกำชัยชนะไว้ได้อย่างมั่นคงแล้ว ญาติสายตรงพลทหารม้าใต้บังคับบัญชาสามพันนายที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ต่างก็ไม่กลัวตำแหน่งอริยะกระบี่ของคนผู้หนึ่ง ฉู่หาวอยู่ในสมรภูมิรบมานาน เข้าใจดีว่าการที่กล้าบุกเป็นทัพหน้าไม่ได้หมายความว่านายทหารคนอื่นๆ จะเก่งกล้าไม่กลัวตาย ดังนั้นเขาจึงส่งคนนำความไปบอกแม่ทัพที่ตั้งฐานบัญชาการณ์ประจำท้องที่แห่งต่างๆ ว่า ม้าศึกที่เหยียบย่ำยุทธภพในครั้งนี้ ทุกคนในกองทัพที่ตายไป ทางราชสำนักจะมอบเงินช่วยเหลือด้วยจำนวนที่ทำให้คนอ้าปากค้าง ซึ่งมากถึงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน คนในตระกูลของทหารที่ตายไปไม่ต้องเขาร่วมกองทัพเป็นเวลาสิบปี!
แต่ใครก็ตามที่กล้าหนีทัพจะถูกสังหารทันที อีกทั้งยังจะถูกลงโทษตามกฎของกองทัพ คนในตระกูลถูกเนรเทศไปไกลพันลี้!
มีทั้งรางวัลและการลงโทษ เมื่อเป็นเช่นนี้คนทั้งกองทัพก็มีแค่ทางเลือกเดียวคือรบจนตัวตายเท่านั้น
แม่ทัพใหญ่ฉู่หาวบังคับม้ายืนตระหง่านรับลมภายใต้ธงทัพที่โบกสะบัดเปี่ยมบารมี สีหน้าเต็มไปด้วยความฮึกเหิมลำพองใจ
กองทัพใหญ่บุกประชิดพรมแดน ผู้เฒ่าที่บุ่มบ่ามคนนี้ก็ไม่ต่างจากตั๊กแตนที่ขวางหน้ารถ ฮ่องเต้เคยให้คำสัญญากับตนว่า ทรัพย์สินทั้งหมดในหมู่บ้านวารีกระบี่ เขาฉู่หาวสามารถเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองได้ครึ่งหนึ่ง เป็นการให้รางวัลพิเศษแก่ทัพใหญ่สกุลฉู่ที่เคลื่อนทัพในครั้งนี้ ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งต้องมอบให้แก่ท้องพระคลังของแคว้น แต่ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับกองทัพท้องถิ่น เขาฉู่หาวต้องเป็นผู้แก้ไขเพียงลำพัง ห้ามไปรบกวนกรมโยธาธิการและกรมการคลัง
ค่าใช้จ่ายเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ขอแค่ริบทรัพย์มาจากหมู่บ้านวารีกระบี่จนเกลี้ยงแล้ว ฉู่หาวก็ยังได้กำไรก้อนใหญ่อยู่ดี
ซ่งอวี่เซาไม่ได้ทะยานขึ้นกลางอากาศสูงให้กลายเป็นเป้าสายตาในทันที เขาค้อมเอวลงต่ำ ในมือถือตั้งตระหง่าน ห้อตะบึงไปเบื้องหน้าตลอดทางด้วยพลังอำนาจน่าครั่นคร้าม รวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ
พุ่งปะทะกองทหารม้าสกุลฉู่ที่แยกตัวเรียงเป็นแถวกองหน้าอย่างเป็นระเบียบโดยตรง
ฝนลูกธนูห่าแรกสาดเทลงมา ท้องฟ้าเห็นเป็นเพียงจุดสีดำแน่นขนัด เมื่อลูกธนูยิงออกมาแล้ว สายง้าวที่ขึงจนตึงก็พลันคลายลงเกิดเป็นเสียงดังอื้ออึง
และนี่ยังเป็นแค่การยิงของพลธนูบนหลังม้าในรอบแรกเท่านั้น
ซ่งอวี่เซากระทืบเท้าลงบนพื้นหนักๆ หนึ่งที ร่างที่เดิมทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วอยู่แล้วยิ่งเปลี่ยนมาเป็นเลื่อนลอย กระโจนออกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็บิดข้อมือ พลิกตัวหมุน ปราณกระบี่กลิ้งตลบหลุนๆ ในรัศมีรอบด้านหลายสิบจั้ง ปราณกระบี่มหาศาลก่อตัวรวมกันเป็นกลุ่มก้อน จากนั้นก็ระเบิดกระจายไปสี่ทิศ
พื้นดินด้านหลังซ่งอวี่เซาถูกลูกธนูที่ตีวงโค้งลงมาจากท้องฟ้าปักเต็มในชั่วพริบตา ดินปริแตก เศษฝุ่นคลุ้งตลบ
ลูกธนูที่เหลือซึ่งเพิ่งจะพุ่งมาถึงก็ถูกปราณกระบี่ที่แผ่ไปสี่ทิศของซ่งอวี่เซาโจมตีเป็นผุยผง
แม้ว่าความเร็วของซ่งอวี่เซาจะเหนือเกินกว่าใครจะคาดการณ์ ปราณกระบี่ที่พลุ่งพล่านก็ยิ่งทำให้เหล่าทหารแห่งสมรภูมิรบได้เปิดโลกกว้าง ทว่าลูกธนูกลุ่มที่สองก็ยังสาดยิงตามมาติดๆ อย่างเป็นระเบียบประหนึ่งฝนที่ตกกระหน่ำ
ในมือของซ่งอวี่เซาถือตั้งตระหง่าน ร่างพลันหมุนคว้างหนึ่งตลบดุจลูกข่าง เห็นเพียงว่ารอบกายของอริยะกระบี่เฒ่าแคว้นซูสุ่ยผู้นี้มีกระบี่ ‘ตั้งตระหง่าน’ อีกนับร้อยนับพันเล่มผุดเพิ่มขึ้นมาในชั่วพริบตา ปลายกระบี่แหลมคมพุ่งไปยังนอกวงอย่างพร้อมเพรียงกัน
ปราณกระบี่แยกตัวเป็นกระบี่นับร้อยนับพันได้ในรวดเดียว
ในมือของซ่งอวี่เซาไม่ถือกระบี่อีกต่อไป แต่ประกบสองนิ้วเป็นท่ามุทรากระบี่ ชี้ไปที่ท้องฟ้าสูงพลางตวาดเบาๆ “ไป!”
จากนั้นก็กระทืบเท้าหนึ่งครั้ง กระบี่ยาวที่เกิดจากการรวมตัวกันของปราณกระบี่ซึ่งตั้งแถวเป็นค่ายกลกระบี่ครึ่งวงเบื้องหน้าเขาสาดโปรยไปยังทหารม้าถือหอกที่ควบตะบึงดาหน้ากันเข้ามา ครู่ขณะเดียวก็ตัดขาม้าไปหลายสิบตัว ทั้งยังแทงทะลุลำคอของทหารที่นั่งอยู่บนหลังม้าถึงยี่สิบนาย บนเส้นทางที่ทหารม้ากองหน้าพุ่งทะยานมาพลันเกิดภาพคนผงะกลิ้งม้าพลิกหงาย
กระบี่ตั้งตระหง่านเล่มหนึ่งบินโผนสู่ฟากฟ้า ภายใต้การชักนำจากคาถากระบี่ของซ่งอวี่เซา ปราณกระบี่จากทั่วทุกสารทิศมารวมตัวกันเป็นเหมือนร่มคันใหญ่บังเม็ดฝน เมื่อลูกธนูทั้งหลายตกกระทบลงบนร่มคันนี้ก็แตกย่อยยับไม่ต่างจากเอาไข่ไปกระทบหิน
ทหารม้าที่เรียงเป็นปีกสองข้างควบตะลุยมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วพากันยิงธนูเข้าใส่ซ่งอวี่เซาจากทางด้านข้าง ปราณกระบี่ครึ่งวงที่เหลืออยู่ด้านหลังผู้เฒ่าเข้ามาชดเชยค่ายกลกระบี่ครึ่งวงก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะสาดยิงออกไปอีกครั้ง ในกลุ่มทหารม้าที่อยู่สองปีกข้างจึงมีม้าศึกตายคาที่ไปอีกหลายสิบตัว พลทหารพลัดตกลงมาจากหลังม้า เพียงแต่ว่าความสามารถในการฝึกทหารของฉู่หาวก็ได้ปรากฎให้เห็นในนาทีนี้ ในบรรดาทหารม้าเหล่านั้น นอกจากคนจำนวนน้อยนิดที่หมดสติไปแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนพลิ้วกายลงบนพื้น บ้างก็กลิ้งตัวแล้วลุกขึ้นยืน ดึงดาบที่อยู่ตรงเอวออกมา กระโจนเข้าสังหารซ่งอวี่เซาโดยตรง
ตำแหน่งอริยะกระบี่แห่งแคว้นซูสุ่ย ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในยุทธภพเพียงคนเดียวไม่สามารถทำให้ทหารกล้าห้าวหาญที่เคยแช่อยู่ในเลือด นอนอยู่ในกองกระดูกเหล่านี้หวาดกลัวได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!