กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 246

กระบี่จงมา – บทที่ 246.1 เสียงสวบสาบดังในป่า ลมฟ้าลมฝนมืดทะมึน
บทที่ 246.1 เสียงสวบสาบดังในป่า ลมฟ้าลมฝนมืดทะมึน
โดย
ProjectZyphon
สนามรบพลันเงียบงัน หลังจากความตกตะลึงของคนในขบวนทัพที่ห้อมล้อมเด็กหนุ่มเป็นจุดศูนย์กลางผ่านพ้นไป ก็เกิดเป็นเสียงเกราะเหล็กที่ดังสะเทือนอย่างพร้อมเพรียงกัน การทำสงครามของทัพใหญ่ไม่ใช่การมาร่วมวงดูเรื่องครึกครื้น ทันใดนั้นทวนยาวก็หันปลายแหลมเข้าหา ธนูถูกง้าวขึ้น ล้วนเล็งมาที่เซียนกระบี่เด็กหนุ่มที่บอกว่าตัวเองเป็นคนของต้าหลี

จากนั้นเฉินผิงอันก็ทำในสิ่งที่ไม่ถูกกาลเทศะอย่างยิ่ง มือซ้ายสอดกระบี่ไม้ไหวกลับเข้ากล่องไม้ มือขวาปลดน้ำเต้าบรรจุเหล้าลงมาอย่างคุ้นเคย แล้วชูมือซ้ายขึ้นสูงราวกับกำลังบอกกองทัพใหญ่ของแคว้นซูสุ่ยว่า ‘ทุกท่านโปรดรอสักครู่ ให้ข้าดื่มเหล้าก่อนค่อยตีกันต่อก็ยังไม่สาย’

เสียงฮือฮาดังเซ็งแซ่เหมือนเสียงกระแสน้ำขึ้น ต่อให้เป็นแม่ทัพนายกองที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ก็ยังหันมามองหน้ากันเอง หรือว่าเซียนกระบี่เด็กหนุ่มที่ฟันเกราะทองแหลกสลายด้วยกระบี่เดียวจะสามารถใช้กำลังของคนคนเดียวต่อกรกับคนนับหมื่นได้จริงๆ? ถึงได้มีท่าทางสบายใจเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวน ตั้งแต่ต้นจนจบเอาแต่พุ่งกระโจนไปข้างหน้าอย่างเดียว ราวกับมองไม่เห็นกองทัพใหญ่ที่มีทหารนับหมื่นนายอยู่ในสายตา? สงครามที่น่าอัดอั้นตันใจแบบนี้จะสู้กันต่อได้อย่างไร! ถึงอย่างไรก็คงไม่ควรให้พี่น้องเอาชีวิตไปเต็มเติมหลุมที่ไร้ก้นหรอกกระมัง? เงินช่วยเหลือหนึ่งร้อยตำลึงเงินสูงมากก็จริง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสหายร่วมสมรภูมิรบในใต้หล้าแห่งนี้ ใครเล่าจะเต็มใจอยากเห็นคนคุ้นเคยที่มีชีวิตชีวาอยู่ข้างกายกลายมาเป็นเงินทองที่ไร้ชีวิต?

กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่มอย่างชูอีกับสืออู่ต่างก็สร้างคุณความชอบ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของผู้ไร้เทียมทานลวงตาให้แก่เฉินผิงอัน

ปราณกระบี่ของเซียนไผ่เขียวที่ฟันเข้าหาซ่งอวี่เซาประหนึ่งกระแสน้ำขึ้นที่ซัดมาเบื้องหน้า แต่กลับถูกชูอีที่บินอย่างกำเริบเสิบสานลอดทะลวงอยู่ในกระแสน้ำอย่างต่อเนื่อง คอยลดทอนกลืนกินพลังของอีกฝ่ายทีละนิดจนไม่มีเหลือ ส่วนผู้ฝึกตนสำนักการทหารแคว้นซูสุ่ยที่สองมือถือขวานยักษ์ก็ถูกสืออู่ที่มีความเร็วจนน่าตะลึงแทงเข้าใส่หว่างคิ้ว ทำเอาชายร่างกำยำตกใจรีบหดท่าจู่โจม เขาไม่คิดจะแลกชีวิตกับซ่งอวี่เซา ดังนั้นจึงจำต้องใช้ขวานคู่สกัดไปรอบกายตัวเองทำให้เกิดเสียงเคร้งๆๆ ดังกังวานเสนาะหู ประกายไฟแลบกระเซ็นจากขวานคู่ไม่หยุด

ซ่งอวี่เซาที่ได้โอกาสเปลี่ยนลมปราณเฮือกใหม่จนเสร็จยื่นมือออกไป กำตั้งตระหง่านที่สาดประกายคมกริบ ตรงเอวห้อยฝักกระบี่ไม้ไผ่ ปณิธานกระบี่ทั่วร่างเพิ่มพูน ชุดสีดำของผู้เฒ่าปลิวไสวทั้งๆ ที่ไร้ลม สามารถปลดปล่อยตัวเองต่อสู้อย่างเต็มที่ ช่างสาแก่ใจยิ่งนัก

หลังจากที่เฉินผิงอันยกมือทำให้ผู้คนงุนงงแล้ว ขณะเดียวกันกับที่แหงนหน้าดื่มเหล้า เขาก็พูดในใจตัวเองไปด้วยว่า “ชูอี สืออู่ โรมรันกับคู่ต่อสู้ของพวกเจ้าต่อไป จะเล่นท่าวาดลวดลายมากหน่อย…ก็ไม่เป็นไร!”

กระบี่บินชูอีเป็นดั่งอันธพาลที่ชอบตามตอแยไม่เลิกราซึ่งหมายตา ‘สาวน้อย’ อย่างเซียนกระบี่ไผ่เขียว ส่วนสืออู่ก็ยิ่งฟาดฟันขวานคู่อาวุธหนักของชายร่างกำยำจนไม่เหลือสภาพเดิม พื้นผิวของขวานเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ทำเอาเจ้าของเสียดายอย่างถึงที่สุด

เซียนกระบี่ไผ่เขียวมีทั้งสายตาและตบะที่สูงกว่าผู้อื่น ระหว่างที่ต้านทานชูอี ปรมาจารย์วิถีกระบี่ที่หมายมาดศีรษะของอริยะกระบี่เฒ่าแคว้นซูสุ่ยก็แผดเสียงเดือดดาลเปิดโปงความลับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร “สองครั้งที่เด็กหนุ่มคนนั้นดื่มเหล้าเป็นเรื่องหลอก ผลัดเปลี่ยนลมปราณต่างหากที่เป็นของจริง!”

ศึกระหว่างปรมาจารย์วิถีวรยุทธ์ เมื่อโอกาสมาแล้วไม่ควรพลาด พลาดไปแล้วก็ไม่มีโอกาสอีก

เฉินผิงอันวางมือลง เอาน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่รัดไว้ตรงเอวให้เรียบร้อย กระโดดข้ามขบวนของพลเดินเท้า ส่งยิ้มเจิดจ้าให้กับเซียนกระบี่ไผ่เขียวผู้นั้น

ซ่งอวี่เซาที่เปลี่ยนลมปราณเฮือกใหม่แล้วพูดกลั้วหัวเราะเสียงดังเหมือนราดน้ำมันลงบนกองเพลิง “เจ้าทึ่ม!”

หลังจากเสียสมบัติก้นกรุไป ผู้เฒ่าชุดแพรที่ก่อนหน้านี้ใช้ยันต์เชิญมัลละเกราะทองตนหนึ่งออกมาก็ยิ้มขื่น สองนิ้วคีบยันต์สีเขียวออกมาสามแผ่น เพียงแต่ว่ายันต์พวกนี้ไม่ได้เขียนด้วยตัวอักษรสีทอง หนึ่งแผ่นคือตัวอักษรสีเงิน สองแผ่นตัวอักษรสีแดง โยนพวกมันออกไปอีกครั้ง มัลละพรรคมหายันต์ลัทธิเต๋าอีกสามตนก็ร่วงกระแทกพื้นดังโครม พวกมันยืนเคียงไหล่กันสกัดขวางอยู่ด้านหน้าธงรบผืนใหญ่ของแม่ทัพหลัก มัลละตนหนึ่งสวมเกราะสีเงิน อีกสองตนสวมเกราะสีทองเหลือง

เมื่อซ่งอวี่เซาและเซียนกระบี่เด็กหนุ่มร่วมมือกันบุกสังหารมาถึงธงใหญ่ สองฝ่ายที่เป็นศัตรูกันเริ่มเปลี่ยนสถานะจู่โจมและป้องกันอย่างไร้รูปลักษณ์

หากไม่มีฝ่ายหลัง อันที่จริงซ่งอวี่เซาคงต้องรบตายอยู่ที่นี่ไปแล้ว

ทว่าเมื่อมีคนคนหนึ่งเข้ามาป่วนสถานการณ์ กลับทำให้ซ่งอวี่เซาเป็นฝ่ายได้เปรียบ

ฉู่หาวตัดสินสภาพการณ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน อยู่บนหลังม้ามาครึ่งชีวิต เคยลงสนามรบทั้งเล็กและใหญ่มากว่าสามสิบสนาม ยังไม่เคยพ่ายแพ้ สายตาแค่นี้จึงยังพอมีอยู่บ้าง

ดังนั้นแม่ทัพใหญ่ที่สีหน้าอึมครึมท่านนี้จึงแอบกรอกลมปราณที่แท้จริงใส่เข้าไปในอาวุธหนักสำนักการทหารลักษณะเหมือนก้อนเงินที่อยู่ในมือ เม็ดเสื้อเกราะที่เป็นของล้ำค่าที่สุดในบรรดาสินเจ้าสาวอันอุดมสมบูรณ์ของฮูหยินเขาในปีนั้นทำให้เวลานี้เหมือนมีปรอทสีเงินไหลวนเวียนอยู่ด้านนอกเสื้อเกราะที่ฉู่หาวสวมใส่ เสื้อเกราะหนักของฝ่ายทหารที่เดิมทีเป็นสีดำสนิทกลายมาเป็นเสื้อเกราะวิเศษสีขาวหิมะที่เต็มไปด้วยลวดลายเมฆโบราณ มีชื่อว่าเทพรับน้ำค้าง บนภูเขาเรียกกันว่าเสื้อเกราะน้ำค้างหวาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!