กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 248

กระบี่จงมา – บทที่ 248.2 จากลากันตรงนี้ ภูเขาสูงน้ำไหลยาว
บทที่ 248.2 จากลากันตรงนี้ ภูเขาสูงน้ำไหลยาว
โดย
ProjectZyphon
เฉินผิงอันย่อมไม่รู้ว่าวิชาอภินิหารนั้นของนักปราชญ์โจวจวี่ทำให้เขามองเห็นความลับของตัวเองมากมายถึงปานนั้น

การที่อริยะของสำนักศึกษากวานหูมาเยือนถึงที่ บางทีอาจเป็นภาพเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่หนึ่งร้อยปีจะพานพบสักครั้งสำหรับผู้คนในยุทธภพแคว้นซูสุ่ย แต่สำหรับเฉินผิงอันแล้ว อันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นตะลึงสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะที่ถ้ำสวรรค์หลีจูบ้านเกิด หรือที่ต้าสุยที่เคยเดินทางไปเยือนในภายหลัง เฉินผิงอันก็ล้วนเคยเห็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมามากมาย แม้แต่ในม้วนภาพวาดแม่น้ำและภูเขาของซิ่วไฉเฒ่า เฉินผิงอันก็ยังเคยเห็นภูเขาเทพสุ้ยซานของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางมาแล้ว ตนยังถึงขั้นส่งกระบี่ผ่าภูเขาไปด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง

เฉินผิงอันไม่ได้หยุดอยู่ในห้องโถงใหญ่ของหมู่บ้านนานนัก เพราะหลังจากที่ซ่งอวี่เซาเอ่ยประโยคหนึ่งแล้วก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว

ประโยคนั้นของผู้เฒ่าสร้างลูกคลื่นที่โถมตัวสูงนับหมื่นจั้งอยู่ในใจของทุกคน

“ทหารนับหมื่นของราชสำนักที่มาล้อมหมู่บ้านได้ถอยจากไปเองแล้ว”

อันที่จริงหมัวมัวเด็กสาวหนึ่งในสี่พิฆาตของแคว้นซูสุ่ยก็ตามพวกเขากลับมาที่หมู่บ้านด้วย แต่เพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับนักปราชญ์ของสำนักศึกษา ตอนนั้นจึงไปหลบอยู่ในมุมมืด ยังดีที่ทั้งอริยะและนักปราชญ์ต่างก็ไม่ถือสา นี่ทำให้นางรู้สึกลิงโลดที่ตัวเองรอดพ้นหายนะครั้งใหญ่มาได้ หลังจากแน่ใจว่าคนจากสำนักศึกษาสองคนนั้นไปจากหมู่บ้านแล้วจริงๆ นางถึงได้เข้ามาในห้องโถงใหญ่ พอนั่งลงเรียบร้อยก็ใช้เสียงในใจสื่อสารกับซ่งเฟิ่งซาน เพียงแต่ว่าเด็กสาวใช้เวทลับของผู้ฝึกลมปราณ ชักนำทะเลสาบในหัวใจ ส่วนซ่งเฟิ่งซานนั้นใช้วิชายุทธ์ รวมเสียงร้อยเรียงเป็นถ้อยคำ คนหนึ่งต้องเป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตห้า อีกคนหนึ่งต้องมีวิถีวรยุทธ์ขอบเขตสี่

ภรรยาของซ่งเฟิ่งซานเริ่มใช้แผนกลยุทธสร้างผลประโยชน์โดยการปลอบใจเหล่าผู้กล้า

ซ่งเฟิ่งซานที่ไม่เอ่ยคำใดมีสีหน้ามาดมั่น

นอกจากจะโล่งอกแล้ว ซ่งเฟิ่งซานยังรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย

ซ่งอวี่เซาท่านปู่ของเขาใช้หนึ่งกระบี่หนึ่งคนไปสกัดขวางอยู่หน้ากองทัพใหญ่จริงๆ อีกทั้งยังเจาะขบวนรบไปจับตัวแม่ทัพใหญ่ฉู่หาวมาได้ ช่วยลดแผนการอีกหลายอย่างให้กับเขาซ่งเฟิ่งซาน ไม่เพียงเท่านี้ ท่านปู่และเซียนกระบี่เด็กหนุ่มที่ลึกลับผู้นั้นยังร่วมมือกับซูหลางเซียนกระบี่ไผ่เขียวที่ได้รับจดหมายลับจากตนจึงย้อนกลับมาสังหารหลินกูซานราชันกระบี่แคว้นกู่อวี๋และเจ้าของหอหม่ายตู๋ในป่าลึก หลินกูซานถูกซูหลางใช้หนึ่งกระบี่ตัดศีรษะ ไข่มุกมรกตเล่มนั้นกลายเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดซึ่งบอกว่า ‘เซียนกระบี่สังหารราชันกระบี่’ น่าเสียดายที่นักฆ่าหอหม่ายตู๋ใช้เวทลับหนีไปทั้งที่บาดเจ็บ และนี่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ซ่งเฟิ่งซานเอ่ยด้วยรอยยิ้มกับเด็กสาวผู้นั้น “ตามข้อตกลง หลังทำสำเร็จ ข้าจะช่วยให้เจ้าได้กลายเป็นเทพภูเขาที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักแคว้นซูสุ่ย ได้ครอบครองร่างทอง เสวยสุขอยู่กับควันธูป แต่คำพูดไม่น่าฟังเอามาพูดกันก่อน พอกลายเป็นองค์เทพร่างทองแล้ว หากเจ้าอยากให้ขอบเขตเพิ่มพูน นอนรอเสวยสุข ยังจำเป็นต้องทำตามแผนการของข้า ในอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้า ต้องฝืนใจทำเรื่องดีที่ขัดต่อนิสัยดั้งเดิมของเจ้า เพื่อสะดวกในการช่วงชิงใจคน หากเจ้าละเมิดข้อตกลง ยากที่จะเปลี่ยนนิสัยอำมหิต ทำลายงานใหญ่ของข้าเพียงแค่เพื่อผลประโยชน์เล็กน้อยเท่าแมลงวันตัวหนึ่ง ถึงเวลานั้นเจ้ากับข้าก็คงได้แต่หันหน้าเข้าห้ำหั่นกันเองแล้ว”

เด็กสาวหัวเราะเสียงหวานผ่านเสียงในใจ “นายน้อยวางแผนได้อย่างรอบคอบรัดกุม ข้าน้อยมิกล้าหาเรื่องใส่ตัวหรอก”

ซ่งเฟิ่งซานรวบเสียงกล่าวว่า “ยังต้องรบกวนเจ้าไปแจ้งหานหยวนซ่านที่เมืองใหญ่อีกรอบหนึ่งว่าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ตามหลังโจวจวี่แห่งสำนักศึกษายังต้องมีคนอื่นมาหาเรื่องเขาอีก ส่วนเขาจะยังใช้ตัวตนของฉู่หาวเบียดแทรกเข้าไปในราชสำนักแคว้นซูสุ่ยหรือไม่ ก็อยู่ที่การตัดสินใจของเขาเองแล้ว”

เด็กสาวถอนหายใจหนึ่งที แล้วจึงลุกขึ้นยืนเตรียมจะไปเตือนหานหยวนซ่านที่เมืองใหญ่ “เดี๋ยวก็บนเตียง เดี๋ยวก็ล่างเตียง ข้านี่ยุ่งจริงๆ อ้อ ใช่แล้ว เจ้าอย่าลืมทวงเม็ดเสื้อเกราะที่อยู่บนร่างของฉู่หาวมาจากเด็กหนุ่มที่ชื่อเฉินผิงอันด้วยล่ะ ไม่ว่านายน้อยต้องจ่ายเงินซื้อมา หรือจะแลกเปลี่ยนของเป็นสินน้ำใจ ก็ต้องเอาของชิ้นนั้นมาให้ได้ วันหน้าหากหยวนซ่านของข้าดึงดันจะเสี่ยงอันตรายหวังความร่ำรวย ปลอมตัวเป็นฉู่หาว เสื้อเกราะน้ำค้างหวานชิ้นนั้นก็คือวัตถุสำคัญ”

ซ่งเฟิ่งซานตอบกลับ “ข้าจะจัดการเอง”

เด็กสาวรู้ดีถึงนิสัยเลือดเย็นอำมหิตของคนผู้นี้จึงออกไปจากห้องโถงใหญ่ ไม่วาดงูเติมหางพูดอะไรให้มากความ

หนึ่งคนหนุ่มหนึ่งคนแก่เดินไปยังเรือนพักที่ทางหมู่บ้านจัดไว้ให้เฉินผิงอัน

ก่อนหน้านี้ระหว่างเส้นทางภูเขาที่กลับมายังหมู่บ้าน เจ้าหอหม่ายตู๋ที่แฝงตัวมานานได้ลอบโจมตีเฉินผิงอันก่อน จากนั้นหลินกูซานราชันกระบี่ที่ตามมาทีหลังถึงเข้ามาโรมรันกับซ่งอวี่เซา

หากเฉินผิงอันกับซ่งอวี่เซาอยู่ในสภาวะสูงสุดย่อมชนะได้อย่างไม่ต้องสงสัย และต้องสามารถบดขยี้นักฆ่าที่ได้รับคำสั่งมาจากแคว้นกู่อวี่สองคนนั้นได้อย่างง่ายดาย แต่จิตวิญญาณของเฉินผิงอันถูกเผาผลาญไปมาก การควบคุมชูอีกับสืออู่จึงไม่คล่องแคล่วสมใจปรารถนาเหมือนตอนที่ทะลวงขบวนรบ เป็นเหตุให้ครั้งที่สองที่ประมือกับเจ้าของหอหม่ายตู๋ ฝีมือคนทั้งสองทัดเทียมกัน ซ่งอวี่เซาได้เปรียบเล็กน้อย แต่พลังอำนาจของหลินกูซานเปี่ยมล้น จึงยังไม่สามารถสลัดตัวออกมาช่วยเฉินผิงอันสังหารนักฆ่าอันดับหนึ่งที่ทำตัวลึกลับคนนั้นได้

หลังจากนั้นเซียนกระบี่ไผ่เขียวและหมัวมัวเด็กสาวก็ทยอยกันปรากฏตัว ทั้งสองฝ่ายต่างก็เหมือนมีพันธมิตรคนหนึ่งมาช่วย ตามหลักแล้วโอกาสที่ฝ่ายของหลินกูซานจะชนะนั้นย่อมมีมากกว่า

ซูหลางกับหลินกูซานร่วมมือกันออกกระบี่รับมือกับซ่งอวี่เซา ส่วนเด็กสาวก็ร่วมมือกับเฉินผิงอันเล่นงานเจ้าของหอหม่ายตู๋

แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ซูหลางตัดหัวหลินกูซานด้วยหนึ่งกระบี่ เจ้าหอหม่ายตู๋เห็นท่าไม่ดีจึงเผ่นหนีไปอีกครั้ง ถูกเฉินผิงอันที่พยายามสุดกำลังบังคับกระบี่บินสืออู่ให้แทงทะลุหน้าท้องของอีกฝ่าย แต่นักฆ่าคนนี้ก็ยังหนีไปได้สำเร็จ มองดูเหมือนเด็กสาวหมัวมัวลงแรงเต็มที่ ตบะวิถีมารของทั้งร่างถูกนำมาใช้ต่อสู้จนฟ้าดินสะท้านสะเทือน แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะถึงอย่างไรเด็กหนุ่มต่างถิ่นคนหนึ่งจะเป็นหรือตายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ใหญ่ของแคว้นซูสุ่ยสักเท่าไหร่ อีกทั้งหากเขาตายอยู่ในป่าลึก คนที่รู้เรื่องวงในซึ่งยากจะควบคุมได้ก็จะลดน้อยไปหนึ่งคน ไม่แน่ว่าอาจส่งผลดีต่อสถานการณ์ของทางฝ่ายนางมากกว่าเดิม

เมื่อมาถึงเรือนพัก วันนี้ชายฉกรรจ์เคราดกและนักพรตหนุ่มต่างก็ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาถูกเฉินผิงอันเกลี้ยกล่อมให้ไปที่เมืองเล็กล่วงหน้าก่อนนานแล้ว บอกว่าวันนี้ต้องไปจากที่นี่ เดินทางไปยังท่าเรือตระกูลเซียนที่อยู่ริมชายแดน เฉินผิงอันเล่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดให้สหายทั้งสองฟังตามตรงอย่างไม่มีปิดบัง จางซานเฟิงจะตามมาให้ได้ แต่ถูกสวีหย่วนเสียห้ามไว้แล้วลากไปที่เมืองเล็กด้วยกัน

หลังจากนั่งลงข้างโต๊ะหิน ซ่งอวี่เซาก็เอ่ยเบาๆ ว่า “มีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าแม่ทัพใหญ่ฉู่หาวจะตายแล้ว”

สำหรับเรื่องนี้เฉินผิงอันไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ

ก็เหมือนก่อนหน้านี้ตอนอยู่ศาลาริมน้ำที่สตรีสะพายดาบใช้ปลายฝักดาบชี้มาที่ตน นั่นก็คือการท่องอยู่ในยุทธภพของชาวยุทธ์

ถ้าเช่นนั้นการที่ครั้งนี้ฉู่หาวนำทัพลงใต้มาบุกหมู่บ้านวารีกระบี่ก็เท่ากับแม่ทัพฝ่ายบู๊ที่อยู่ในสมรภูมิรบ

เฉินผิงอันหยิบเม็ดเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างออกจากชายแขนเสื้อมาส่งมอบให้กับผู้เฒ่า ก่อนหน้านี้หมัวมัวเด็กสาวต้องการของสิ่งนี้ แต่เฉินผิงอันไม่เต็มใจเอาออกมาให้

ซ่งอวี่เซาโบกมือกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนจับตัวฉู่หาวได้ เม็ดเสื้อเกราะชิ้นนี้ย่อมต้องเป็นของเจ้า”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ผู้อาวุโสรับไปเถอะ ในเมื่อมารหญิงผู้นั้นต้องการเม็ดเสื้อเกราะเม็ดนี้ แสดงว่าต้องไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน ข้าก็แค่ไม่ชอบการกระทำของนางถึงได้ไม่อยากมอบให้นาง”

ซ่งอวี่เซายิ้ม “ถ้าอย่างนั้นข้าจะยกเงินหิมะน้อยทั้งหมดที่เก็บสะสมไว้ในหมู่บ้านให้กับเจ้า? ไม่อย่างนั้นจะผิดกฎเกณฑ์แล้ว ข้าคงไม่สบายใจ ทั้งติดค้างน้ำใจทั้งติดเงิน ส่วนเฟิ่งซานจะมีเรื่องให้ต้องใช้เงินหรือไม่ก็ปล่อยให้เขาหาวิธีไปเองเถอะ ถึงอย่างไรเจ้าเด็กนี่ก็มีความสามารถยิ่งใหญ่เทียมฟ้าเทียมดินอยู่แล้ว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแค่เงินหิมะน้อยไม่กี่พันเหรียญ เขาจะหาไม่ได้”

เฉินผิงอันยิ้มกว้าง “หากเป็นเพื่อนกันจริงๆ ต่อให้ติดค้างน้ำใจกันก็ไม่เป็นไร ครั้งหน้าที่ข้ามาเยือนหมู่บ้าน ท่านผู้อาวุโสเลี้ยงเหล้าข้าก็พอแล้ว”

ซ่งอวี่เซาจุ๊ปากพูด “ติดค้างน้ำใจไม่สบายใจยิ่งกว่าติดเงิน เจ้าเป็นคนพูดเอง ตอนนี้เจ้ายังพูดว่าเป็นเพื่อนกันติดค้างน้ำใจก็ไม่เป็นไร ทำไม เหตุผลใต้หล้านี้ล้วนเป็นของเจ้าเฉินผิงอันทั้งหมดงั้นหรือ?”

เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ ดื่มเหล้าอย่างผ่อนคลายสบายใจ ไร้ความกังวล แล้วก็ไร้ซึ่งความกดดัน หลังจากท่องอยู่ในยุทธภพ ได้ดื่มเหล้ารสเลิศอย่างสาแก่ใจ โดยที่ไม่ใช่เพื่ออำพรางหูตาของใครขณะที่เปลี่ยนลมปราณในสนามรบ รสชาติของเหล้าก็ช่างดีเยี่ยมจริงๆ “หากผู้อาวุโสซ่งไม่เห็นข้าเป็นเพื่อนก็เชิญคืนเงิน คืนน้ำใจข้าได้ตามสบาย คืนให้หมดรวดเดียว เอาให้เกลี้ยงเกลา อย่างมากวันหน้าเมื่อข้าเดินทางผ่านแคว้นซูสุ่ยก็จะไม่มาดื่มเหล้าฮวาเตียว กินหม้อไฟที่หมู่บ้านอีกแล้ว”

ซ่งอวี่เซาลังเลอยู่เล็กน้อย ด้วยความจนใจจึงได้แต่รับเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหารชิ้นนั้นมา พลางเอ่ยหยอกเย้าว่า “เจ้านี่เป็นคนยังไงกันแน่ ข้าเริ่มจะสับสนแล้วนะ”

เฉินผิงอันกะพริบตาปริบๆ “ตอนเป็นลูกศิษย์เตาเผามังกรที่บ้านเกิด อาจารย์ที่สอนข้าเผาเครื่องปั้นเคยพูดหลักการข้อหนึ่งว่า หากเป็นน้ำใจ ยกวัวให้ไม่มีปัญหา หากเป็นการค้า เข็มเล่มหนึ่งต้องคิดราคา”

ซ่งอวี่เซาอึ้งตะลึง “หมายความว่าอะไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!