แต่ว่าวินาทีนี้ ซ่งอวี่เซาพลันหันกลับไปมองด้านหลัง แล้วก้าวเร็วๆ ออกไปหลายก้าว บังเฉินผิงอันไว้ด้านหลังตัวเองคล้ายตั้งใจแต่ก็คล้ายไม่มีเจตนา จากนั้นค่อยก้าวยาวๆ ข้ามธรณีประตูออกไป จัดระเบียบเสื้อผ้า ผู้เฒ่าค้อมตัวลง กุมมือคารวะให้กับความว่างเปล่าตรงจุดที่โจวจวี่เดินอยู่
จนกระทั่งเวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงถึงได้ค้นพบด้วยความตะลึงพรึงเพริดว่า บนอากาศสูงนอกประตูใหญ่เกิดริ้วคลื่นกระเพื่อม ก่อนที่ผู้เฒ่าสวมชุดสีเขียวของลัทธิขงจื๊อสูงสามจั้งคนหนึ่งจะเผยตัวออกมา เรือนกายของเขาล่องลอย แผ่กลิ่นอายของเซียนเต็มเปี่ยม
อริยะเยื้องกรายมาถึงหมู่บ้านด้วยตัวเอง
เปล่งรัศมียิ่งใหญ่น่าเลื่อมใส ลุ่มลึกเกินจะหยั่ง
ก่อนหน้าที่ซ่งอวี่เซาจะจับความความลี้ลับนี้ได้ โจวจวี่ก็รีบถอนสายตากลับมาจากเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ สะบัดชายแขนเสื้อคลายตราผนึกที่ร่ายใส่แผ่นหยกปลอดภัยของสำนักศึกษาชิ้นนั้น เมื่อเส้นไหมถูกสาวออกจึงเผยให้เห็นหยกประดับที่สลักตัวอักษรสองตัวว่า ‘ระงับโทสะ’ เขาเอามันมาผูกตรงเอวอย่างไม่ให้กระโตกระตาก ขณะที่ซ่งอวี่เซาคารวะตามพิธีใหญ่ของยุทธภพ เขาก็ค้อมหัวประสานมือคารวะแทบจะเวลาเดียวกัน “ศิษย์คารวะท่านอาจารย์”
ผู้เฒ่าหลุบตาลงต่ำมองโจวจวี่ลูกศิษย์ของตนประหนึ่งเทวรูปสูงใหญ่ที่ทางราชสำนักตั้งบูชาไว้ในศาล เอ่ยเนิบช้าด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “เรื่องที่หานหยวนซ่านลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อแห่งแคว้นซูสุ่ยฝึกวิชามาร ข้าจะมอบให้คนอื่นจัดการ เจ้าจงกลับไปที่สำนักศึกษาในทันที”
โจวจวี่ถอนหายใจหนึ่งที ยืดเอวขึ้นตรงแล้วกล่าวอย่างจนใจว่า “อาจารย์ ปรึกษากันก่อนไม่ได้หรือ?”
อริยะสำนักศึกษาตอบชัดเจน “ไม่ได้”
โจวจวี่หน้าม่อย “กลุ้มจริง”
อริยะมองไปทางผู้ฝึกกระบี่เฒ่าแคว้นซูสุ่ยที่ยืนอยู่ตรงธรณีประตู หลังจากคำนับกลับคืนอีกฝ่ายแล้วก็เอาสองมือไพล่หลัง เอ่ยพร้อมยิ้มบางๆ ว่า “หัวหน้าหมู่บ้านซ่งใกล้จะได้ฝ่าทะลุขอบเขตแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย ได้ยินมาว่าทุกครั้งที่หัวหน้าหมู่บ้านซ่งออกเดินทางไปหาประสบการณ์ในยุทธภพจะต้องจุดธูปกราบไหว้ศาลบุ๋นของสถานที่ทุกแห่ง แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ หากมีเวลาว่าง หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านซ่งฝ่าขอบเขตแล้วก็สามารถไปฝึกตนที่สำนักศึกษาของพวกเราสักระยะหนึ่ง เพื่อสร้างขอบเขตร่างทองให้มั่นคงขึ้นได้”
ซ่งอวี่เซาที่ยังคงค้างอยู่ในท่ากุมหมัดนั้นยิ่งรู้สึกเลื่อมใสอีกฝ่าย “ขอขอบคุณในความเมตตาของท่านอริยะมาไว้ ณ ที่นี้ด้วย”
แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษากวานหูผู้นี้ใช้วิชาอภินิหารที่ยิ่งใหญ่ชนิดใดของลัทธิขงจื๊อถึงสามารถออกจากสำนักศึกษามาเยือนแคว้นซูสุ่ยได้เร็วขนาดนี้ ระยะทางยาวไกลหลายพันหลายหมื่นลี้ แต่กลับเหมือนไม่กี่ก้าวของอริยะแห่งสำนักศึกษาเท่านั้น
อริยะลัทธิขงจื๊อที่รับผิดชอบนั่งบัญชาการณ์สำนักศึกษากวานหูท่านนี้คลี่ยิ้ม เพราะเวลานี้เรือนกายสูงใหญ่ของเขาลอยอยู่กลางอากาศ จึงมองเห็นคนในยุทธภพของแคว้นซูสุ่ยที่นั่งอยู่ด้านในของธรณีประตูแทบทุกคน ผู้เฒ่าที่สง่างามสูงศักดิ์มองเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ด้านหลังซ่งอวี่เซาด้วยสายตาล้ำลึก ในดวงตาที่ฉายแววซับซ้อนเกินจะหยั่งถึงมีประกายแสงเปล่งวาบหนึ่งที ราวกับว่าทั้งรู้สึกชื่นชมอีกฝ่าย แต่ก็ทั้งเสียดาย และยังมีการหวนนึกถึงเรื่องในอดีตอีกหลายส่วน สุดท้ายผู้เฒ่าไม่ได้เอ่ยอะไร เขาดึงสายตากลับมา หันไปเอ่ยเตือนโจวจวี่อีกครั้งว่า “ห้ามจงใจเดินทางล่าช้า รีบกลับไปที่สำนักศึกษาโดยเร็ว มีภารกิจสำคัญอย่างอื่นรอเจ้าอยู่”
ดวงตาโจวจวี่เป็นประกายจ้า “เรื่องทางทิศเหนือหรือ?”
สำหรับคำพูดเปิดเผยความลับสวรรค์ที่ลูกศิษย์คนสุดท้ายหลุดปากพูดโดยไม่ได้ตั้งใจ อริยะลัทธิขงจื๊อแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขาไม่ต้องการจะพูดมากต่อหน้าคนนอกสำนักศึกษา เพียงหันไปยิ้มบางๆ เอ่ยกับจอมยุทธ์ที่นั่งกันอยู่เต็มห้องโถงว่า “มหามรรคามีเส้นทางแตกต่างแต่มุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ฝึกวรยุทธ์ก็สำคัญที่การฝึกอบรมจิตใจเช่นกัน เมื่อมองความมหัศจรรย์แห่งวิถีสวรรค์ได้อย่างทะลุปรุโปร่งก็จะสามารถย้อนกลับมาหล่อเลี้ยงรากฐานแห่งวิถีวรยุทธ์ หวังว่าทุกท่านจะไม่ลืมจิตแห่งคุณธรรม สำนักศึกษากวานหูของข้ายินดีเปิดประตูกว้างให้สำหรับทุกท่าน ใช้ย้อนมองตนเพื่อบรรลุมรรคา พยายามเปิดปัญญาให้ได้มากที่สุด”
คำแนะนำจากอริยะเป็นดั่งลมฤดูใบไม้ผลิที่แปรเปลี่ยนเป็นสายฝน เมื่อไม่ได้แจกแจงอย่างละเอียดก็ยิ่งทำให้คนเกิดความรู้สึกมหัศจรรย์จนไม่อาจบรรยายได้
ทุกคนในห้องโถงใหญ่รู้สึกศรัทธาจากใจจริง นี่ต่างหากถึงจะเป็นสายลมพัดสูงแห่งสำนักศึกษา คือมาดของอริยะที่แท้จริง ดังนั้นเหล่าผู้กล้าจากสองสายขาวดำของแคว้นซูสุ่ยที่ลุกขึ้นยืนนานแล้วต่างก็ประสานมือคารวะอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อเทียบกับความประหวั่นพรั่นพรึงต่อสถานะของโจวจวี่ก่อนหน้านี้ การคารวะในคราวนี้กลับมีความชื่นชมและเลื่อมใสศรัทธาด้วยความจริงใจมากกว่า
เรือนกายของเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาสลายหายไปกลางอากาศ จากนั้นก็ตามมาด้วยริ้วแสงสีทองที่กระเพื่อมเป็นระลอก
ก่อนจะจากไปอริยะใช้วิชาอภินิหารเนตรทิพย์มองเด็กหนุ่มสะพายกระบี่อีกครั้งด้วยความรู้สึกสะทกสะท้อนใจ ฉีจิ้งชุนแห่งซานหยาเลือกเด็กหนุ่มต้าหลีที่เพิ่งจะยืนเหยียบอยู่บนธรณีประตูของวิถีวรยุทธ์ขอบเขตสี่คนนี้เป็นผู้ปกป้องมรรคาของเหล่าลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเขาจริงๆ
เรื่องนี้นอกจากคนไม่กี่หยิบมือของสำนักศึกษากวานหูแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องอีก ส่วนอริยะท่านนี้ก็เพราะได้เห็นมากับตาตัวเองถึงได้ไล่สืบมาตามเบาะแสแล้วอนุมานเป็นภาพเหตุการณ์ในระยะไกล
ขณะเดียวกันอริยะก็ใช้เสียงในใจเอ่ยเตือนโจวจวี่ “จวี้หรัน ไม่ว่าเจ้าเห็นอะไรจากตัวของเด็กหนุ่ม ก็ห้ามทำอะไรวู่วามเด็ดขาด จำไว้ว่าต้องระวังทั้งคำพูดและการกระทำ!”
โจวจวี่ตอบกลับกลั้วหัวเราะด้วยเสียงหัวใจ “อาจารย์ เรียนรู้ข้อดีจากผู้มีคุณธรรมและมีความสามารถ หลักการเล็กน้อยเพียงเท่านี้ ศิษย์จะไม่รู้ได้อย่างไร?”
อริยะจากไปแล้ว โจวจวี่ค้นพบว่าหยกประดับตรงเอวตัวเองหายไปด้วย ที่แท้อาจารย์ของตนก็เป็นคนเอาไป
โจวจวี่ไม่ได้หันกลับไปมองห้องโถงใหญ่อีก เพียงแค่ทอดถอนใจไม่หยุด
จนกระทั่งเขาเดินออกจากประตูใหญ่ของหมู่บ้านวารีกระบี่แล้วถึงได้หันกลับไปมองพลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ได้เปิดโลกทัศน์ครั้งใหญ่เลยทีเดียว”
แม้ว่าตอนนี้เขาโจวจวี่ หรือเรียกอีกชื่อว่าโจวจวี้หรันจะเป็นเพียงแค่นักปราชญ์ของสำนักศึกษากวานหู แต่ต่อให้เป็นวิญญูชนใหญ่แห่งแจกันสมบัติทวีปอย่างชุยหมิงหวงก็ยังไม่กล้าดูถูกโจวจวี่แม้แต่นิดเดียว ไม่เพียงแต่ตบะของโจวจวี่ในลัทธิขงจื๊อที่ไม่อาจดูถูกได้ แล้วก็ไม่ใช่แค่เพราะประสบการณ์ที่นักปราชญ์เลื่อนเป็นวิญญูชน แล้วก็เปลี่ยนจากวิญญูชนกลับไปเป็นนักปราชญ์อีกครั้ง แต่เป็นเพราะโจวจวี่สามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์บางอย่างที่อริยะผู้เป็นอาจารย์ของเขามองไม่เห็น สำหรับพรสวรรค์อันเลิศล้ำข้อนี้ ขนาดอริยะของสถานศึกษาก็ยังเคยสั่งความเจ้าขุนเขาสำนักศึกษากวานหูด้วยตัวเองว่า จะต้องปกป้องโจวจวี่อย่างระมัดระวัง ห้ามให้โจวจวี่เดินทางผิดเด็ดขาด
คนบนโลกในสายตาโจวจวี่สมกับคำว่า ‘มนุษย์มีนับร้อยรูปแบบ’ อย่างแท้จริง ทุกคนที่ฝึกบำเพ็ญตน โดยเฉพาะลูกศิษย์ของลัทธิขงจื๊อที่จะนำกลิ่นอายแห่งจิตวิญญาณอันเป็นรูปธรรมซึ่งแฝงความหมายพิเศษบางอย่างมาจำแลงกลายเป็นภาพที่มหัศจรรย์ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นภาพของคนจิ๋วที่ใหญ่เท่าเมล็ดข้าวสาร หรือไม่ก็เท่าเล็บมือซึ่งจะอยู่บนร่าง หรือไม่ก็ในช่องโพรงลมปราณของคนที่อยู่เบื้องหน้าโจวจวี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!