กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 249

กระบี่จงมา – บทที่ 249.3 เทพเซียนซื้อขาย วันหน้าพบกันใหม่
บทที่ 249.3 เทพเซียนซื้อขาย วันหน้าพบกันใหม่
โดย
ProjectZyphon
ผู้เฒ่าที่เดิมทีนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้เปล่งประกายสดใสออกมาทางสีหน้าทันที เขาไม่ปกปิดความประหลาดใจของตัวเองแม้แต่น้อย ใช้สองมือรับตะเกียบไม้ไผ่คู่นั้นมา พอนั่งลงแล้วก็เอาตะเกียบไม้ไผ่วางไว้ด้านหน้าตัวเองอย่างระมัดระวัง หยิบผ้าไหมที่ทำขึ้นเป็นพิเศษผืนหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก เช็ดฝ่ามือและนิ้วมือทั้งห้าของสองมืออย่างละเอียด ถึงได้หยิบตะเกียบไม้ไผ่ด้ามที่สลักคำว่า ‘ไม้ไผ่เสินเซียว’ ขึ้นมาพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดเงียบๆ อยู่เป็นนาน

วาง ‘ไม้ไผ่เสินเซียว’ ลงแล้วก็หยิบ ‘ภูเขาชิงเสิน’ ขึ้นมา ผู้เฒ่าถอนหายใจหนึ่งครั้ง เงยหน้ามองนักพรตหนุ่มด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดาย “วัตถุชิ้นนี้ทำมาจากวัสดุที่ดีเยี่ยม ไม่เพียงแต่มาจากถ้ำสวรรค์จู๋ไห่ (ทะเลไผ่) แต่ยังมีความเป็นไปได้ถึงแปดเก้าในสิบส่วนว่าทำมาจากไม้ไผ่เสินเซียวของภูเขาชิงเสินจริงๆ หลังจากที่ภูเขาชิงเสินปิดไปได้หนึ่งร้อยปี วัตถุที่ทำมาจากไม้ไผ่เสินเซียวซึ่งมีเฉพาะในภูเขาชิงเสินก็มักจะมีราคาสูงเหมือนเรือที่ลอยตามน้ำขึ้น บอกว่าราคาเพิ่มสูงอย่างบ้าคลั่งก็ยังไม่มากเกินไป น่าเสียดายก็แต่แทนที่จะนำมาทำเป็นแส้โบยผีขนาดเล็ก กลับเอามาทำเป็นตะเกียบ…คู่หนึ่งแทน! สิ้นเปลืองเกินไปแล้ว! นี่มัน…เกินไปแล้วจริงๆ!”

กล่าวมาถึงช่วงท้าย ผู้เฒ่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขาดอีกนิดก็จะตีอกชกหัวตัวเอง ผรุสวาทเจ้าของตะเกียบคนเก่าที่ย่ำยีวัตถุสวรรค์ให้สิ้นเปลือง

ผู้เฒ่ายื่นมือไปลูบตัวอักษรสามตัวว่าภูเขาชิงเสินแล้วได้แต่ปลอบใจตัวเองเสียงเบาว่า “แต่หากนำมาทำเป็นแส้โบยผีไม้ไผ่เสินเซียว ท่านลูกค้าก็คงต้องตรงไปที่ชั้นสามแล้ว ไหนเลยที่ข้าจะยังมีโอกาสได้เห็นของชิ้นนี้กับตาตัวเอง ภูเขาชิงเสินในถ้ำสวรรค์จู๋ไห่เชียวนะ ถ้ำสวรรค์ชนาดใหญ่ถึงเพียงนั้นกลับมีเทพภูเขาแค่ท่านเดียว นั่นก็คือจู๋ฮูหยินแห่งภูเขาชิงเสิน ต้องรู้ว่าบรรพบุรุษของสำนักผู้ประพันธ์เคยบรรยายเกี่ยวกับฮูหยินเทพภูเขาในตำนานท่านนี้เอาไว้ว่า ‘โฉมงามพิลาส ชอบเปลือยเท้า จอนผมสีเขียวเข้ม’ เขียนด้วยตัวอักษรแค่ไม่กี่ตัว แต่กลับบรรยายบุคลิกของสุดยอดเทพธิดาที่ไร้ซึ่งใครจะเทียบเทียมผู้นี้ได้อย่างแจ่มชัด…”

ผู้เฒ่าจมจ่อมอยู่ในจินตนาการของตัวเองอย่างสิ้นเชิงแล้ว

แม้ว่าสตรีที่เป็นคนนำทางมาจะรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่ลึกๆ ในใจกลับลิงโลดสุดขีด วันนี้ตนต้องได้ส่วนแบ่งก้อนใหญ่แน่นอน! แถมยังโชคดีมากด้วย เพราะไม่ใช่นังพวกแพศยาที่ชอบวางท่าชั้นสามได้ไป พวกผู้หญิงที่อยู่ด้านบน แต่ละคนเหมือนเทพธิดาเสียยิ่งกว่าเทพธิดา บุคลิกคล้ายจะเยือกเย็น แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับมีแต่เล่ห์อุบายอยู่เต็มท้อง ใครที่มีเงินก็ถือเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดในโลก ไม่ว่าอายุมากหรือน้อย แต่ละคนล้วนเป็นเหมือนนังปีศาจจิ้งจอกที่ชอบล่อลวงผู้ชาย หลังจากทำการค้าสำเร็จยังทำหน้าหนาเอาตัวเข้าแลก พวกนางมักจะพาลูกค้าไปยังเรือนพักส่วนตัวที่อยู่ด้านหลัง แหวกฟ้าคว้าฝนกันไประลอกหนึ่ง หน้าด้านหน้าทน! ไร้ยางอายยิ่งนัก!

เฮ้อ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตนถึงจะได้ขึ้นไปรับหน้าที่บนชั้นสามบ้าง ความสามารถในการปรนนิบัติคนบนเตียงของตนเคยแย่ตั้งแต่เมื่อไหร่? ต่อให้เป็นลูกค้าผู้หญิง ตนก็มีวิธีเฉพาะตัว เชื่อว่าต้องปรนนิบัติให้พวกนางสุขสมสบายตัวสบายใจได้อย่างแน่นอน

จางซานเฟิงได้แต่ขัดจังหวะความคิดของผู้เฒ่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านผู้เฒ่า ข้าผู้เป็นนักพรตแค่อยากรู้ว่าตะเกียบคู่นี้มีมูลค่าเท่าไหร่กันแน่?”

ผู้เฒ่ารีบหยุดความคิดทั้งหมด ยิ้มตาหยีมองไปยังสตรีผู้นั้น “ชุ่ยอิ๋ง ส่วนของข้าผู้อาวุโสในหอชิงฝูปีนี้ยังเหลืออีกครั้งหนึ่งใช่หรือไม่?”

สตรียังสาวตกตะลึงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ยิ้มหวานตอบว่า “ท่านหง ท่านยังมีโอกาสเก็บสมบัติเข้ากระเป๋าตัวเองอีกครั้งหนึ่งจริง เพียงแต่ว่าต้องทำกฎเกณฑ์เดิมคือให้เถ้าแก่ชั้นบนดูก่อนถึงจะสามารถมอบให้ท่านหงเก็บไว้เป็นของส่วนตัวได้”

ผู้เฒ่ายิ้มอย่างเบิกบาน “นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”

จากนั้นผู้เฒ่าก็พูดกับนักพรตหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ตะเกียบคู่นี้ หากจะพูดถึงประโยชน์ต่อการฝึกตนนั้นคงมีไม่มาก แต่หากเอาไปไว้ในราชวงศ์ด้านล่างภูเขา ย่อมต้องถูกพวกอัครเสนาบดี ขุนนางใหญ่และชนชั้นสูงทั้งหลายแย่งชิงกันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า เพราะทุกครั้งที่ใช้ตะเกียบคีบอาหารก็จะได้สัมผัสปราณวิญญาณส่วนหนึ่ง เป็นเหตุให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาว ขอแค่ไม่เจอกับโรคร้ายหรือภัยพิบัติใหญ่ คนธรรมดาคิดจะเพิ่มอายุขัยให้ตัวเองสักสามปีห้าปีก็ไม่ยากเลย อีกอย่างคำเรียกว่าภูเขาชิงเสิน ไม้ไผ่เสินเซียวสองอย่างนี้ก็สามารถเพิ่มราคาได้อีกสูงมาก โดยเฉพาะหากนำไปขายให้ถูกคน สมกับคำว่าทองคำพันชั่งก็ไม่อาจซื้อใจคนได้จริงๆ”

ผู้เฒ่าชำเลืองมองตะเกียบไผ่เขียวที่อยู่บนโต๊ะ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเบิกบาน “หอชิงฝูของพวกเรา…หรือจะพูดว่าตัวข้าหงหยางโปเอง ยินดีเปิดราคาที่สี่ร้อยห้าสิบเหรียญเงินเกล็ดหิมะ ลูกค้าวางใจได้ ข้ารับรองได้ว่า ไม่ว่าจะบนหรือล่างหอชิงฝู ในเมืองท่าเรือแห่งนี้ หรือว่าในร้านค้าเล็กใหญ่อีกสิบหกร้านก็ช่าง ล้วนไม่มีที่ไหนจะให้ราคาสูงไปมากกว่านี้แล้ว ราคาตลาดโดยทั่วไปอย่างมากสุดก็อยู่ที่ระหว่างสามร้อยถึงสี่ร้อยเหรียญเงินเกล็ดหิมะเท่านั้น ข้าชอบของสิ่งนี้มากจริงๆ อีกทั้งปีนี้ยังมีโอกาสเก็บของที่ตรวจสอบเข้ากระเป๋าตัวเองเหลืออยู่อีกหนึ่งครั้ง ข้าถึงได้เต็มใจจ่ายราคาสูงขนาดนี้ นักพรตท่านนี้ ท่านคิดว่าอย่างไร? เต็มใจจะขายตะเกียบไม้ไผ่คู่นี้หรือไม่?”

สายตาของผู้เฒ่าฉายแวววิงวอน มองนักพรตหนุ่มด้วยสายตาน่าสงสาร “สี่ร้อยห้าสิบเหรียญเงินหิมะน้อย ราคานี้ เพิ่มสูงขึ้นอีกไม่ได้แล้วจริงๆ หากพวกท่านกลัวว่าข้าจะวิเคราะห์ผิดพลาด ไม่เชื่อในป้ายอักษรทองของหอชิงฝูเรา กลัวว่าข้าจะหลอกพวกท่านก็ไม่เป็นไร พวกเราสามารถไปหาเจ้าของหอด้วยกัน หรือไม่พวกท่านก็สามารถไปเดินดูตามร้านเล็กใหญ่บนถนนสักรอบก่อนก็ได้…”

จางซานเฟิงหันไปมองสวีหย่วนเสีย ชายฉกรรจ์เคราดกพยักหน้ารับเบาๆ

จางซานเฟิงจึงยิ้มกว้าง ยื่นมือออกมาหนึ่งข้าง “ราคาเดียว ห้าร้อยเงินเกล็ดหิมะ แล้วข้าจะขายทันที!”

หญิงสาวหันหน้าไปทางอื่น แอบปิดปากหัวเราะ

เยี่ยมไปเลย ด้วยนิสัยดึงดันของท่านหง เวลารับของจะดูที่บุพเพวาสนาไม่สนใจราคา หากเจอของที่ถูกใจ ต่อให้เจ็บปวดแค่ไหนก็ยอมควักเนื้อจ่าย

“ใครใช้ให้เจ้าปากดี ใครใช้ให้เจ้าบอกว่าทองพันชั่งยากจะซื้อใจคน!”

ผู้เฒ่าตบปากตัวเองหนึ่งที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน เขายังคงดีใจมากกว่าเสียดาย กล่าวอย่างใจกว้างว่า “ตกลงตามนี้! ชุ่ยอิ๋ง เจ้าเก็บตะเกียบไม้ไผ่คู่นี้ไปให้ดี นำไปมอบให้เจ้าหอที่อยู่ชั้นบนตรวจสอบ หลีกเลี่ยงไม่ให้ข้าตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าได้รับประโยชน์จากของส่วนรวมที่เบียดบังเป็นของส่วนตัว หลังจากได้รับการยืนยันว่าราคายุติธรรมแล้ว ข้าก็จะควักกระเป๋าของตัวเองจ่ายเงินให้ลูกค้า แน่นอนว่าส่วนแบ่งของเจ้าก็ย่อมขาดไปไม่ได้!”

สตรีผู้นั้นเก็บตะเกียบไม้ไผ่มาอย่างระมัดระวังแล้วเดินเนิบช้าจากไปอย่างสง่างาม

ชายฉกรรจ์เคราดกรู้ว่าการค้าครั้งนี้ จางซานเฟิงได้กำไรแล้ว แถมยังได้กำไรไม่น้อยด้วย

มีเพียงเฉินผิงอันที่ยังยืนอยู่ข้างโต๊ะ เขาแอบก้มหน้าลงไปจ้องตากับคนจิ๋วชุดสีเขียวเหล่านั้น รู้สึกว่าเจ้าตัวน้อยพวกนี้น่าสนใจมาก ท่าทางซื่อๆ ไร้เดียงสา น่ารักอย่างยิ่ง คิดว่าวันหน้าตัวเองควรจะเก็บสะสมไว้สักส่วนหนึ่ง แล้วนำไปมอบให้เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูที่อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว นางคงจะชอบ อีกอย่างเวลาอยู่ที่เรือนไม้ไผ่ นางจะได้ไม่รู้สึกเบื่อด้วย ส่วนเจ้าตัวน้อยทั้งหลายก็รู้สึกว่าคนบ้านนอกผู้นี้ไม่รู้จักพวกตนได้อย่างไร ดังนั้นจึงรู้สึกสนใจไม่ต่างกัน

ทั้งสองฝ่ายมองตากันอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ต่างคนต่างอารมณ์ดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!