ริมตลิ่งของท่าเรือมีเรือสามชั้นจอดอยู่ลำหนึ่ง ตรงหัวและท้ายเรือต่างก็สลักเป็นรูปหัวกับหางมังกร นอกจากจะมีขนาดใหญ่จนแทบจะใกล้เคียงกับเรือรบของราชวงศ์ใหญ่แล้ว รูปร่างก็ไม่ต่างจากเรือข้ามฟากทั่วไปในโลกมนุษย์ นอกจากกลุ่มของพวกเฉินผิงอัน ยังมีคนอีกสามร้อยกว่าคนรวมตัวเบียดเสียดกันอยู่บนเรือแล้ว ตรงท่าเรือยังมีร้านค้าอีกมากมาย ส่วนใหญ่เป็นร้านขนาดเล็กที่ไม่แขวนกรอบป้ายใหญ่โต ไม่ติดกลอนคู่ เพียงแค่แขวนป้ายตัวอักษรอย่างเรียบง่ายไว้ข้างนอกเท่านั้น มีทั้งภาพวาด ขนม ผลไม้และผลิตภัณฑ์พิเศษจากพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับแคว้นซูสุ่ยวางขาย ยกตัวอย่างเช่นพรมผืนเล็ก แก้วไก่ชนของแคว้นไฉ่อี ภาพต้นสนเข็มของแคว้นซงซี แผ่นสลักใบไม้ต้นอวี๋ ตอไม้หลัวฮั่นแกะสลักของแคว้นกู่อวี๋ เป็นต้น
เงินเกล็ดหิมะสิบเหรียญที่เฉินผิงอันจ่ายไปก่อนหน้านี้ก็เพื่อเช่าห้องเดี่ยวบนชั้นสอง อันที่จริงชั้นหนึ่งจ่ายแค่สามเหรียญ ซึ่งก็คือสามพันตำลึงเงิน แม้จะบอกว่าเป็นท่าเรือตระกูลเซียน อีกทั้งระยะทางยังยาวไกล แต่เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไกลของราชวงศ์บนโลกมนุษย์แล้วก็ยังน่าตกใจมากอยู่ดี ยังดีที่เฉินผิงอันเคยนั่งเรือคุนมาก่อน จึงไม่ถึงกับตกอกตกใจ อีกทั้งตอนอยู่ที่หอชิงฝูยังขายท่อนไม้สีดำและถ้วยภาพห้าขุนเขาไปได้ ได้เงินเกล็ดหิมะมาเพิ่มอีกสี่ร้อยห้าสิบเหรียญ กำไรนับว่าไม่เลว บวกกับที่เฉินผิงอันต้องฝึกวิชาหมัดเดินนิ่งทุกวัน ดังนั้นเงินส่วนนี้จึงจำต้องควักจ่าย จะประหยัดไม่ได้
มีนักพรตของท่าเรือคนหนึ่งนั่งเก้าอี้ไท่ซืออยู่บนบันไดหินขนาดเล็กริมตลิ่ง ในมือถือถ้วยชาลายกระนกกระทาใบหนึ่ง ยกชาขึ้นดื่มนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เห็นว่าน้ำชาจะหมดเสียที เขาเอ่ยเตือนทุกคนด้วยเสียงอันดังว่า อีกครึ่งชั่วยามเรือจะมุ่งหน้าลงใต้ ก่อนจะขึ้นเรือสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีเฉพาะถิ่นซึ่งสวยงามและราคาถูกกลับบ้าน เขาพูดย้ำทวนถึงพรมของแคว้นไฉ่อีและต้นไม้กระถางของแคว้นซานหลัน พยายามโน้มน้าวและยกยอข้อดีของพวกมันสุดชีวิต แถมยังเอ่ยชื่อร้านของสองร้าน และก็สามารถทำให้ผู้โดยสารเรือหลายคนเกิดความสนใจ ไปทุ่มเงินซื้อของที่สองร้านนั้นได้จริงๆ นี่ทำให้เจ้าของร้านอื่นบ้างก็ค้อนตาคว่ำ บ้างก็อิจฉาริษยา มีเงินก็จ้างให้ผีโม่แป้งได้ ส่วนพวกเขาที่ไม่มีเงินซื้อเส้นสายก็ได้แต่ต้องยอมรับ
เฉินผิงอันยืนเงียบๆ อยู่ท่ามกลางกลุ่มคน แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงหลิวเกาฮวาบุตรชายของเจ้าเมืองแยนจือ รวมไปถึงบัณฑิตภูตต้นไม้แคว้นกู่อวี๋ นึกถึงแก้วไก่ชนที่พวกเขานำออกมาในเวลานั้น ได้ยินว่าหากอยู่ที่อื่นราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จึงวิ่งไปซื้อแก้วไก่ชนมาหนึ่งคู่ สองใบหนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะ หลังจากนำกล่องไม้หวงหยางที่บรรจุแก้วกระเบื้องใส่ไว้ในห่อสัมภาระเรียบร้อยก็ใช้เงินจริงซื้อผลไม้สดมาส่วนหนึ่ง หิ้วถุงใบใหญ่ไว้ในมือ
ท่ามกลางกลุ่มคนที่มากมายนับไม่ถ้วน เด็กหนุ่มสวมรองเท้าสาน สะพายกล่องกระบี่ไม้ไว้ที่หลัง สะพายห่อผ้าบนบ่าเฉียงๆ ถือถุงผลไม้ใบใหญ่
แม้ว่าจะมีคนเยอะมาก ระหว่างแต่ละคนอยู่ห่างกันแค่สองสามก้าวเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับความอึกทึกของตลาดในเมืองใหญ่แล้ว ท่าเรือตระกูลเซียนแห่งนี้กลับสงบเงียบกว่ามาก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสหายที่จับกลุ่มกันมา ชวนกันคุยเสียงเบา น้อยนักที่จะมีใครพูดเสียงดังโฉงเฉง เด็กน้อยบางคนที่นิสัยร่าเริงซุกซนก็ถูกผู้อาวุโสในครอบครัวจับมือไว้แน่น ไม่อนุญาตให้พวกเขาวิ่งเล่นไปทั่ว
เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็คือจุดศูนย์รวมของเทพเซียนที่กล่าวถึงกันในตำนาน
เวลาผู้ฝึกลมปราณบนภูเขาออกจากบ้าน ไม่มีใครที่เขียนชื่อสำนักแปะไว้บนหน้าผาก และยิ่งไม่มีทางเผยตบะขอบเขตที่แท้จริง
ห้าขอบเขตล่างห้าขอบเขตบน รวมกันแล้วสิบขอบเขต ขอบเขตมากมายขนาดนี้เป็นของตายตัว แต่คนนั้นมีชีวิตอยู่ อริยะกล่าวไว้ว่าธรรมชาติของคนมีลักษณะคล้ายกัน แต่สิ่งแวดล้อมทำให้คนแตกต่าง มหามรรคายาวไกล การฝึกตนที่นานหลายสิบหลายร้อยปี สวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่งจะมีนิสัยออกมาเป็นอย่างไร? หากทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรอง ทำทุกอย่างดังใจปรารถนาเพียงแค่อาศัยสองหมัดและตบะของทั้งกาย สักวันหนึ่งย่อมต้องถูกคนเหยียบจมดิน
แต่ว่าตระกูลเซียนที่โชคดีได้ใช้คำว่าสำนัก ยกตัวอย่างเช่นสำนักโองการเทพ ภูเขาเจินอู่ ศาลลมหิมะพวกนี้ โดยเฉพาะสำนักศึกษากวานหูที่มีชื่อเสียงสยบไปทั้งแจกันสมบัติทวีป ต่อให้ไม่ใช่ลูกศิษย์ผู้สืบทอดสายตรง แต่ขอแค่เป็นลูกศิษย์ในสำนักก็มีคุณสมบัติที่จะวางอำนาจบาตรใหญ่ไปทั้งทวีป เหมือนได้แขวนป้ายปลอดภัยสงบสุขที่มองไม่เห็นไว้กับตัวชิ้นหนึ่ง
และหากมีอาจารย์ผู้สืบทอดวิชาเป็นขอบเขตโอสถทอง ขอบเขตก่อกำเนิดก็ยิ่งเหมือนมียันต์คุ้มกันกายที่มีน้ำหนักมากพอแผ่นหนึ่ง
บุญคุณความแค้นบนภูเขาอาจจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาหลายชาติรวมกันของมนุษย์ธรรมดา ดังนั้นความแค้นเคืองพึงละมิพึงผูก สวนลมฟ้ากับภูเขาตะวันเที่ยงก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด เทพธิดาซูเจี้ยที่เคยสูงส่งเหนือผู้ใด ตอนนี้ล่ะเป็นอย่างไร? น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่อันดับหนึ่งในโลกของนางใบนั้นถูกริบกลับเข้าสำนักไปแล้ว จิตแห่งกระบี่และตบะต่างก็แตกสลายไม่เหลือชิ้นดี ว่ากันว่านางเงียบหายไม่มีข่าวคราว ผู้ฝึกลมปราณหนุ่มที่ชื่นชอบนางตั้งกี่คนที่ตอนนี้ยังเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจไม่หาย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!