กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 254

กระบี่จงมา – บทที่ 254.2 คนหนึ่งส่งกระบี่ คนหนึ่งรอ
บทที่ 254.2 คนหนึ่งส่งกระบี่ คนหนึ่งรอ
โดย
ProjectZyphon
นอกประตูนครฝูในเวลานี้มีบุคคลสำคัญจากตระกูลเซียนบนภูเขาหลายกลุ่มที่มาแสดงความยินดีกับการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ที่คนทั้งโลกเรียกว่าเป็น ‘กิ่งทองใบหยก’ ครั้งนี้ ในบรรดานั้นก็มีสำนักอย่างภูเขาเมฆาเรืองที่ไม่ถือว่าเป็นสำนักลำดับสูงสุด แต่เนื่องจากมีหินรากเมฆเป็นผลผลิตที่ได้รับความนิยมในหลายทวีป เงินทองไหลมาเทมา จึงทำให้พวกเขามีแนวโน้มว่าจะพัฒนาก้าวหน้าขึ้นในทุกๆ วัน หากมีผู้มากพรสวรรค์ที่สามารถเป็นเสาหลักแบกรับภาระสำคัญได้โผล่ขึ้นมาอีกสักคนสองคน การที่ภูเขาเมฆาเรืองจะเลื่อนไปอยู่ในลำดับตระกูลเซียนของแจกันสมบัติทวีปก็เป็นเรื่องที่นับนิ้วรอวันได้เลย

นครมังกรเฒ่ากับภูเขาเมฆาเรืองมีความสัมพันธ์ควันธูปกันมาหลายร้อยปี เพราะว่าหินรากเมฆที่ผลิตในภูเขาเมฆาเรืองก็คือหนึ่งในสินค้าสำคัญของเรือปลาวาฬกลืนสมบัติและภูเขาลอยตัวของตระกูลฝู เนื่องจากก้อนหินที่ถูกหล่อหลอมและตีจากหินรากเมฆคือของดีที่ผู้ฝึกกระบี่บนกำแพงเมืองปราณกระบี่ใช้ลับคมกระบี่ เพราะราคาถูกอีกทั้งยังใช้ดี ที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นเรื่องของราคา ต่อให้ประสิทธิภาพจะต่างจากแท่นสังหารมังกรซึ่งเป็นหินลับกระบี่ที่ดีที่สุดในโลกราวฟ้ากับเหว แต่เงินหนึ่งอีแปะก็ทำให้วีรบุรุษอับจนหนทางได้ ทุกครั้งที่พวกเผ่าปีศาจมาก่อความวุ่นวาย สงครามใหญ่เกิดขึ้นติดต่อกัน ต่อให้ต้องติดบัญชีหนี้เละเทะไว้ก่อน ก็ไม่มีเวลามาสนใจแล้ว สำหรับผู้ฝึกกระบี่ไม่มีอะไรสำคัญยิ่งไปกว่ากระบี่ที่ดีเล่มหนึ่ง

แน่นอนว่าคำว่าราคาถูก คือการนำไปเปรียบเทียบกับวัตถุมีค่าหายากที่ต้องขนส่งจากภูเขาห้อยหัวไปยังกำแพงเมืองปราณกระบี่ ราคาหินรากเมฆของภูเขาเมฆาเรืองเมื่อขายให้กับผู้ฝึกลมปราณของแจกันสมบัติทวีป ขายให้กับตระกูลฝูของนครมังกรเฒ่า ขายให้กับผู้ฝึกกระบี่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่จะแบ่งราคาที่พิเศษออกเป็นสามแบบ

คราวนี้ทางฝ่ายของภูเขาเมฆาเรืองมีคนมาทั้งหมดสี่คน บุรพาจารย์ของสำนักสองท่านและลูกศิษย์ที่พวกเขาภาคภูมิใจอีกสองคน

แขกที่วันนี้ฝูหนันหัวออกมารับด้วยตัวเองอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็คือคนผู้หนึ่งที่เดิมทีควรต้องตายไปแล้วอย่าง เทพธิดาไช่จินเจี่ยนแห่งภูเขาเมฆาเรือง

หลังจากที่ฝูหนันหัวปรากฏตัวอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน กลุ่มคนที่อยู่ตรงประตูเมืองก็พากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ เสียงทักทายเสียงแสดงความยินดีมีไม่ขาดสาย ฝูหนันหัวไล่รับคำไปทีละคนอย่างไม่ให้เสียมารยาท สุดท้ายฝูหนันหัวเดินมาหยุดตรงหน้ารถม้าสองคันที่จอดค่อนไปทางช่วงท้าย เห็นม้าชิงชงที่มีสายเลือดของมังกรแบบห่างๆ ลักษณะไม่ธรรมดาสี่ตัว น่าจะเป็นรถม้าที่เช่าชั่วคราวมาจากจุดพักม้าตระกูลซุน คนทั้งในและนอกนครมังกรเฒ่าต่างก็รู้ดีว่า สองวิธีการที่แพงที่สุดในการท่องเที่ยวอยู่ในนครมังกรเฒ่า หนึ่งคือซื้อเครื่องประดับมังกรเฒ่าพลิกเมฆมาจากตระกูลฝู อีกวิธีหนึ่งก็คือเช่ารถม้าจากร้านที่อยู่ในนามของซุนเจียซู่ โดยทั่วไปแล้วมีคนเพียงสองประเภทที่จะทำเช่นนี้ หนึ่งคือคนที่ในกระเป๋ามีเงินจริงๆ สองคือคนโง่ที่มาจากบ้านนอกบ้านนา

แน่นอนว่าบุรพาจารย์สองท่านของภูเขาเมฆาเรืองไม่ใช่คนโง่ หน้าตาเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ยังพอจะฝืนยืนหยัดได้ไหว แล้วก็ต้องยืนหยัดให้ไหวด้วย

เห็นว่าฝูหนันหัวออกมารับด้วยตัวเองถึงหน้าประตู บุรพาจารย์สองท่านก็รีบพาลูกศิษย์เดินลงจากรถม้า คนหนึ่งคือผู้สืบทอดสายตรงของภูเขาเมฆาเรือง ซึ่งก็คือเทพธิดาไช่จินเจี่ยนที่แม้จะหน้าซีดขาวเล็กน้อย แต่กลับยังงดงามดังเดิม อีกคนหนึ่งคือชายหนุ่มที่บุคลิกลักษณะองอาจห้าวหาญ ชุดคลุมอาคมบนร่างที่ได้รับสืบทอดมาพอจะมองเห็นภาพที่ไอเมฆลอยเวียนวนได้รางๆ

หลังจากทักทายปราศรัยกับบุรพาจารย์ทั้งสองท่านแล้ว ฝูหนันหัวก็เสนอข้อเรียกร้องเล็กๆ ว่าจะพาเทพธิดาไช่เข้าไปชมทัศนียภาพในเมืองพลางพูดคุยรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ

อาจารย์ผู้สืบทอดมรรคาของไช่จินเจี่ยนตกใจที่ได้รับความเมตตาอย่างไม่คาดฝัน ไหนเลยจะปฏิเสธความปรารถนาดีนี้ ก่อนหน้านี้ไช่จินเจี่ยนกลับมาจากถ้ำสวรรค์หลีจูมือเปล่า เหรียญทองแดงแก่นทองหนึ่งถุงเต็มละลายหายไปกับสายน้ำ ไม่ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่น้อย นั่นมันเงินเหรียญทองแดงแก่นทองเชียวนะ เงินฝนธัญพืชมาอยู่ต่อหน้ามันก็เหมือนฮูหยินตราตั้งที่พบเจอฮองเฮา เทียบไม่ติดสักกะผีก

เดือดร้อนให้ผู้เฒ่าต้องถูกคนตำหนิและมองด้วยสายตาไม่ดีตลอดสองปีมานี้ ผู้เฒ่าที่เดิมทีคิดอยากจะผลักดันให้ไช่จินเจี่ยนขึ้นนั่งตำแหน่งเจ้าภูเขาเกิดความหมดอาลัยตายอยาก แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นก็คือไช่จินเจี่ยนที่ตนฝากความหวังครั้งใหญ่ไว้กลับทำตัวเหมือนคนตายที่ยังมีชีวิตอยู่ตลอดทั้งสองปีมานี้ นางเกียจคร้านต่อการฝึกวิชาของสำนัก ทำให้ผู้เฒ่าทั้งสงสารแล้วก็ทั้งโมโห จะตีจะด่าก็ทำไม่ลง กลัวว่าไช่จินเจี่ยนจะทุบไหที่แตกให้แหลกละเอียด กลายเป็นสวะไร้ค่าอย่างซูเจี้ยแห่งเขาตะวันเที่ยง

ฝูหนันหัวเดินเคียงไหล่กับไช่จินเจี่ยนลอดผ่านประตูใหญ่ของนครฝู พาเทพธิดาไช่ที่พอจะมีชื่อเสียงคนนี้เดินไปยังเรือนพักส่วนตัวที่โอ่อ่าของเขาในนครฝู

ตอนที่ไปค้นหาโชควาสนาในถ้ำสวรรค์หลีจู ฝูหนันหัวยังเป็นแค่หนึ่งในตัวเลือกมากมายของผู้ที่จะได้ขึ้นเป็นประมุขในอนาคต ดังนั้นฝูหนันหัวที่เชี่ยวชาญด้านการค้าจึงเกรงใจไช่จินเจี่ยนที่ตอนนั้นมีระดับฐานะต่ำกว่าเขาหนึ่งขั้นอยู่มาก แต่ว่าตอนนี้บุรพาจารย์ที่ถ่ายทอดมรรคาและโปรดปรานเขากำลังจะฝ่าขอบเขตได้แล้ว อีกทั้งยังมีเรื่องการผลักดันให้เขาได้แต่งงานกับหญิงสาวสกุลเจียงอวิ๋นหลินเข้ามาเสริม ฐานะของฝูหนันหัวจึงเป็นเหมือนเรือที่ลอยตามน้ำขึ้น สูงส่งจนไม่อาจเปรียบเทียบกับในอดีตได้

ดังนั้นในสายตาของบุรพาจารย์สองท่านของภูเขาเมฆาเรือง การที่ฝูหนันหัวสนิทสนมกับไช่จินเจี่ยนย่อมไม่ใช่แค่เรื่องที่พวกเขาเป็นพันธมิตรกันสั้นๆ ตอนไปถ้ำสวรรค์หลีจูจะสามารถอธิบายได้ หรือว่าทั้งสองคนเคยรักใคร่ชอบพอกันมาก่อน? ก็ไม่ถูกเหมือนกัน เห็นชัดๆ ว่าไช่จินเจี่ยนยังเป็นสาวพรหมจรรย์ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การที่ฝูหนันหัวซึ่งสักวันต้องได้สวมเสื้อคลุมมังกรเฒ่าตัวนั้นยินดีแหกกฎมาพบกับภูเขาเมฆาเรืองอย่างมีมารยาทเช่นนี้ ก็ทำให้บุรพาจารย์ทั้งสองท่านได้หน้ากันอย่างเต็มที่

ฝูหนันหัวกับไช่จินเจี่ยนรู้ใจกันมาก ตลอดทางพวกเขาสองคนไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ จนกระทั่งไปถึงเรือนพักส่วนตัวของฝูหนันหัว เข้าไปในห้องโถงใหญ่ ฝูหนันหัวตบลงบนหยกชิ้นใหม่เอี่ยมที่บิดามอบให้ซึ่งห้อยติดเอวไว้ มองเทพธิดาที่เคยโดนเด็กหนุ่มใช้เศษกระเบื้องปาดคอในตรอกเล็กแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้พวกเราสามารถพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาได้แล้ว”

มองดูเหมือนว่าไช่จินเจี่ยนจะยิ้มหวานหยด แต่ความเป็นจริงแล้วในรอยยิ้มนั้นกลับไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย “คุยอะไร?”

ฝูหนันหัวจ้องเขม็งไปยังหญิงสาวที่เดิมทีกายควรดับมรรคาสลายอยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจู “ข้าจะไม่ถามว่าทำไมเจ้าถึงรอดชีวิต ข้าแค่อยากรู้ว่าทำไมคนผู้นั้นถึงช่วยเจ้า หลังจากช่วยเจ้าแล้ว เขาต้องการให้เจ้าทำอะไร?”

ไช่จินเจี่ยนหุบยิ้ม “หากข้าบอกว่าเจ้าใช้ใจคนถ่อยไปวัดใจวิญญูชน เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”

ฝูหนันหัวแค่นเสียงหยัน “วิญญูชน? หากเขาฉีจิ้งชุนเป็นแค่วิญญูชนคนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นอริยะลัทธิขงจื๊อจะไม่ครอบครองใต้หล้าสี่แห่งหมดเลยหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!