กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 255

กระบี่จงมา – บทที่ 255.2 ความจริงใจประทับใจคน แต่ก็ทำร้ายคนให้เจ็บปวด
บทที่ 255.2 ความจริงใจประทับใจคน แต่ก็ทำร้ายคนให้เจ็บปวด
โดย
ProjectZyphon
ต่อให้คนทั้งสี่คิดจนหัวแตกก็คงคิดไม่ถึงว่า ผู้เฒ่าเรือนไม้ไผ่ที่ถ่ายทอดวิชาหมัดให้เด็กหนุ่มเคยเดินไปสู่จุดสูงสุดของวิถีวรยุทธ์ขอบเขตสิบมาก่อน จึงไม่เคยรู้สึกว่าเรื่องประเภทนี้เป็นโชควาสนาอะไร ถือเป็นของนอกกายที่ไม่มีประโชน์ต่อรากฐานของวิชาหมัด! ยังเทียบกับซี่โครงไก่ที่เนื้อน้อยไร้รสชาติแต่จะทิ้งก็เสียดายไม่ได้ด้วยซ้ำ เฉินผิงอันที่เรียนวิชาหมัดของเขาจึงไม่ควรเดินทางลัดแบบนี้ หากผู้เฒ่าเปลือยเท้าได้มาเห็นภาพเหตุการณ์นี้ต้องหัวเราะชอบใจเสียงดัง รู้สึกว่าเด็กหนุ่มทำได้ดี นี่ต่างหากถึงจะเป็น ‘เรื่องโง่’ ที่ ‘เฉินสืออี’ จะทำ

หลังจากซุนเจียซู่กลับมาที่บ้านบรรพบุรุษ ก่อนจะไปพบเฉินผิงอัน บุรพาจารย์สกุลซุนท่านหนึ่งมาพูดหยอกเย้าเจ้าประมุขตระกูลคนปัจจุบันเป็นการส่วนตัวว่า “เจ้าเชิญเทพเซียนคนหนึ่งมาเป็นแขกที่บ้าน”

ซุนเจียซู่สอบถามด้วยความประหลาดใจ บุรพาจารย์ที่มาหลบเร้นกายอยู่ที่สามร้อยกว่าปีจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง ซุนเจียซู่ยกมือตบหน้าผาก กล่าวอย่างอ่อนใจว่า “เทพเซียนจริงๆ ด้วย”

ตอนที่กินข้าวด้วยกัน เฉินผิงอันสังเกตเห็นว่าสีหน้าซุนเจียซู่แปลกประหลาด ค่อนข้างคล้ายคลึงกับสีหน้าที่ตนเคยมองหลิวป้าเฉียวเมื่อครั้งอดีต…

เฉินผิงอันเข้าใจผิดคิดว่าการที่เขาต่อยมังกรเมื่อเช้านี้นำพาความยุ่งยากมาให้บ้านบรรพบุรุษตระกูลซุน จึงถามอย่างเป็นกังวลว่า “เป็นอะไรไป? เมื่อเช้าที่ข้าออกหมัดสร้างความตื่นตระหนกให้ตระกูลฝูที่นครมังกรเฒ่าหรือ? พวกเขาก็เลยค้นพบเบาะแสของข้าแล้ว?”

ซุนเจียซู่ส่ายหน้ายิ้ม “ในนครมังกรเฒ่ามีผู้ฝึกลมปราณและปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์หลายพันหลายหมื่นคน เรื่องแปลกประหลาดมีให้เห็นมากมาย แต่หากเกี่ยวพันกับบ้านบรรพบุรุษตระกูลซุน เรื่องประหลาดจะไม่ดูประหลาดสักเท่าไหร่ อีกอย่างคนอื่นก็ไม่ค่อยกล้ามาลอบมองสถานที่แห่งนี้ด้วย ดังนั้นการออกหมัดครั้งนี้ของเจ้าจึงไม่มีปัญหาอะไร…”

กล่าวมาถึงตรงนี้ ซุนเจียซู่รู้สึกผิดต่อเจตจำนงเดิมของตัวเอง อีกทั้งยังรู้สึกเสียดายแทนเฉินผิงอัน จึงเกิดความลังเล ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกความจริงแก่เด็กหนุ่มดีหรือไม่

ซุนเจียซู่คิดไม่ตกอยู่นาน แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา บอกความจริงแก่เฉินผิงอันที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองพลาดอะไรไป

พอเฉินผิงอันฟังจบก็ดื่มเหล้าเงียบๆ ถามหยั่งเชิงว่า “หากพรุ่งนี้ข้าไปชมแสงอรุณอีกครั้ง จะยังมองเห็นมังกรสีทองพวกนั้นอีกไหม?”

ซุนเจียซู่ฉุนจัดจนกลายเป็นขำ “เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”

เฉินผิงอันถอนหายใจ ดื่มเหล้าอึกใหญ่ พูดอย่างสะท้อนใจว่า “เรียนหนังสือมาน้อยนี่เสียเปรียบจริงๆ”

ซุนเจียซู่มองเฉินผิงอัน เอ่ยหยอกล้อว่า “ทำไม คิดว่าคืนนี้จะไปตกปลาที่ริมน้ำ แล้วก็รอพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้งงั้นหรือ?”

เฉินผิงอันตกตะลึง “ซุนเจียซู่ นี่เจ้าอ่านใจคนออกด้วยหรือ?”

ซุนเจียซู่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี โบกมือกล่าวว่า “ข้าไม่มีความสามารถนั้นหรอก แต่ได้ยินว่าบุรพาจารย์ของสำนักการค้าเรามีคนที่มีความสามารถนี้อยู่จริง”

หลังจากนั้นเฉินผิงอันก็พกคันเบ็ดตกปลาไปที่ริมน้ำ ซุนเจียซู่เดินถือข้องปลาตามไปด้วย ถือโอกาสเล่าเรื่องร้านยาฮุยเฉินให้เฉินผิงอันฟัง เฉินผิงอันก็เล่าให้ฟังว่าตัวเองฝ่าทะลุขอบเขตสี่แล้ว จะไปที่ร้านยาฮุยเฉินหรือไม่ ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นอีกแล้ว แต่เขาก็อยากไปเจอคนคุ้นเคยคนนั้นสักหน่อย ซุนเจียซู่เองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร บอกว่าพรุ่งนี้สามารถเดินทางได้ แค่ต้องรอเวลาเตรียมการสักเล็กน้อย ตัวเขาเองตามไปไม่ได้แน่นอน เพราะความหวังดีอาจจะทำให้เสียเรื่องเอาได้ แต่จะให้ผู้รับใช้คนหนึ่งของตระกูลซุนที่เป็นขอบเขตโอสถทองติดตามเฉินผิงอันไป

ในฐานะเจ้าประมุขของตระกูล ในมือซุนเจียซู่มีงานให้ต้องทำมากมาย ย่อมไม่มีเวลามานั่งแกร่วอยู่ข้างแม่น้ำเป็นเพื่อนเฉินผิงอัน และปลาที่ตระกูลซุนของเขาจะตกล้วนต้องตัวใหญ่มาก

เพียงไม่นานซุนเจียซู่ก็เดินกลับมาที่บ้านบรรพบุรุษเพื่อจัดการธุระในตระกูล หลังจากนั่งลงข้างหลังโต๊ะก็กางสมุดบัญชีแต่ละปึกออก ด้านหน้าวางลูกคิดโบราณเก่าแก่ไว้อันหนึ่ง มองภายนอกลูกคิดอันนี้ไม่ได้แปลกใหม่อะไร ส่วนที่มหัศจรรย์อย่างแท้จริงอยู่ที่โดยรอบลูกคิดมีคนจิ๋วสีทองขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือหลายคนนั่งล้อมอยู่ พวกมันสืบทอดสายเลือดมาจากแมลงเงินในตำนาน ถือกำเนิดขึ้นมาในคลังสมบัติ ด้านหลังของพวกมันมีปีกส่องแสงสีทองระยิบระยับ เวลาอยู่ว่างๆ ก็มักจะชอบกลิ้งไปกลิ้งมาเล่นสนุกกันเอง โดยมีความหมายว่าให้ทรัพย์สินไหลมาเทมา

ขณะที่ซุนเจียซู่พูดตัวเลขในใจอย่างรวดเร็วก็จะต้องมีคนจิ๋วสีทองบินมาบนลูกปัดแล้วผลักมันอย่างว่องไว

ลูกคิดที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษและคนจิ๋วสีทองต่างก็ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา แต่สิ่งของทุกอย่างในห้องหนังสือนอกเหนือจากนั้นล้วนเป็นของธรรมดา แม้แต่ตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะก็ยังเป็นเช่นนี้ บางครั้งซุนเจียซู่ยังต้องเติมน้ำมันหอมด้วยตัวเอง ตระกูลซุนมีคำสอนลูกหลานจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาว่า อะไรที่ประหยัดได้ก็ควรประหยัด เงินหนึ่งอีแปะก็ถือเป็นต้นทุนของตระกูล อะไรที่ควรจ่ายก็จ่าย ต่อให้ทุ่มหมดหน้าตักก็ไม่จำเป็นต้องกะพริบตา

ระหว่างที่ลุกขึ้นเพื่อเติมน้ำมัน ซุนเซียซู่จะมาหยุดอยู่ข้างหน้าต่างเพื่อมองแม่น้ำ หยุดพักชั่วขณะสั้นๆ

ครั้งสุดท้ายที่มองไปยังสีท้องฟ้า จู่ๆ เขาที่เป็นผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลางก็ใช้เสียงในใจส่งข้อความไปพูดกับข้ารับใช้ตระกูลนอกเหนือจากบรรพบุรุษของตระกูลตนเอง “มาพนันเล็กๆ กันเถอะ พวกท่านทั้งสามกล้าพนันกับข้าหรือไม่? หากข้าแพ้ ในเมื่อเป็นการพนันเล็กๆ ก็จะมอบเงินร้อนน้อยหนึ่งเหรียญให้กับพวกท่าน แต่หากทั้งสามท่านแพ้ต้องช่วยดูแลบ้านบรรพบุรุษตระกูลซุนไปอีกร้อยปี? แน่นอนว่าเงินเดือนที่ตระกูลซุนควรมอบให้พวกท่านทุกปีก็จะยังคงเดิม”

คนตัดต้นไม้พูดยิ้มๆ ว่า “ซุนเจียซู่ เรื่องแบบนี้ใครจะกล้าเดิมพัน? ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย”

ซุนเจียซู่ยิ้มตอบ “ข้าจะเดิมพันว่าการเฝ้าคืนในครั้งนี้ของเด็กหนุ่มจะยังได้พบภาพมหัศจรรย์ของฟ้าดินอีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกท่านจะกล้าเดิมพันหรือไม่?”

“กล้า!”

เทพเซียนผู้เฒ่าทั้งสามท่านเอ่ยตอบพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง

หากแพ้ก็จ่ายเงินร้อนน้อยสามเหรียญ หากชนะ ในอนาคตอีกร้อยปีตระกูลซุนจะมีขอบเขตโอสถทองเพิ่มอีกสามท่าน หากโชคดี ในบรรดาสามคนนี้ก็อาจจะมีผู้ฝึกลมปราณใหญ่ขอบเขตเก้าก่อกำเนิดเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!