กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 255

กระบี่จงมา – บทที่ 255.3 ความจริงใจประทับใจคน แต่ก็ทำร้ายคนให้เจ็บปวด
บทที่ 255.3 ความจริงใจประทับใจคน แต่ก็ทำร้ายคนให้เจ็บปวด
โดย
ProjectZyphon
เจิ้งต้าเฟิงยิ้มตาหยีถามว่า “ในเมื่อสลายยันต์ปราณแท้จริงสองตำลึงได้เองแล้ว ทำไมถึงยังเสี่ยงมาที่นี่? หากข้าจำไม่ผิด เจ้ากับฝูหนันหัวนายน้อยของนครมังกรเฒ่ามีความแค้นที่ลึกล้ำต่อกัน ไม่กลัวว่าจะเผยพิรุธอย่างนั้นหรือ? ถึงเวลานั้นตระกูลซุนสามารถลอยตัวอยู่เหนือเรื่องราวได้ แล้วเจ้านึกว่าข้าจะช่วยเจ้าหรือไง?”

เฉินผิงอันถามสามคำถาม “ปีนั้นใครเป็นคนบอกบิดาข้าเรื่องเครื่องปั้นแห่งชะตาชีวิต? ใครที่ทำให้บิดาข้าต้องตาย? เรื่องพวกนี้เกี่ยวข้องกับหยางเหล่าโถวหรือไม่?”

เจิ้งต้าเฟิงถามกลับยิ้มๆ ด้วยสีหน้าเป็นปกติ “หากเกี่ยวข้องกับท่านผู้เฒ่า เจ้าคิดว่าข้าจะบอกเจ้าไหมล่ะ?”

เฉินผิงอันเงียบไม่ตอบคำถาม

เจิ้งต้าเฟิงใช้หนังสือเล่มนั้นพัดลมเย็นเข้าหาตัว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่เรื่องนี้ท่านผู้เฒ่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทว่าข้าสามารถบอกกับเจ้าอย่างตรงไปตรงมาได้ว่า ตอนแรกนั้นท่านผู้อาวุโสต้องมองเห็นอย่างแน่นอน เพียงแต่รู้สึกว่าไม่มีความหมาย ไม่มีค่ามากพอ จึงคร้านจะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง หากเจ้าจะเคียดแค้นท่านผู้เฒ่าที่ตอนนั้นไม่ยื่นมือขัดขวางก็เป็นเรื่องของเจ้าเฉินผิงอัน เพราะข้าก็จะไม่ห้ามเจ้าเหมือนกัน”

เฉินผิงอันส่ายหน้า ยิ้มจืดเจื่อน “ข้าจะมาเคียดแค้นด้วยเรื่องนี้ทำไม หยางเหล่าโถวมีนิสัยอย่างไร ข้ารู้ชัดเจนดี เขาไม่เคยติดค้างใคร แล้วก็ไม่เคยให้ใครมาติดค้างเขา ไม่ว่าทำอะไรก็ล้วนเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม”

เจิ้งต้าเฟิงพยักหน้ารับ หันหน้ามามองเฉินผิงอัน ยิ้มกว้างพูดว่า “เจ้าคิดได้แบบนี้ย่อมดีที่สุด หลีกเลี่ยงไม่ให้วันหน้าข้าต้องพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากการด่าทอทุบตีของท่านผู้เฒ่าเพื่อมาต่อยให้หัวเจ้าเละด้วยหมัดเดียว”

เฉินผิงอันไม่สะทกสะท้าน หรือไม่ก็เป็นเพราะเขาเดานิสัยของคนเฝ้าประตูเมืองเล็กผู้นี้มาได้ตั้งนานแล้ว

เจิ้งต้าเฟิงโบกหนังสือพัดเอาลมใส่ตัว “ตอนนั้นในบรรดาเด็กทั้งหลาย หากไม่พูดถึงการสืบทอดและฝักฝ่ายของแต่ละคน ข้าเห็นดีในตัวของหม่าขู่เสวียนแห่งตรอกซิ่งฮวา จ้าวเหยาบนถนนฝูลวี่และซ่งจี๋ซินในตรอกหนีผิงมากที่สุด ส่วนหลี่เอ้อร์ศิษย์พี่ของข้า หรือก็คือบิดาของพวกหลี่ไหวหลี่หลิ่ว ถูกน้ำมันหมูบดบังดวงใจ ถึงได้ชื่นชอบเจ้ามากที่สุด ภายหลังสิ่งที่เจ้าพบเจอหลังออกจากถ้ำสวรรค์หลีจูต้าหลี ข้าที่พอจะเข้าใจเรื่องราวได้คร่าวๆ ถึงได้ค้นพบว่าข้ามองเจ้าผิด แล้วก็มองศิษย์พี่ของข้าผิดด้วย เมื่อก่อนข้านึกว่าพวกเจ้าสองคนเป็นคนโง่ที่ขาดสติปัญญา ตอนนี้ถึงได้ค้นพบว่าเป็นข้าเจิ้งต้าเฟิงที่ตาบอด”

อันที่จริงเจิ้งต้าเฟิงอยากพูดว่า แท้จริงแล้วเขาหลี่เอ้อร์กับเจ้าเฉินผิงอันต่างหากที่เป็นคนฉลาดที่สุด

เด็กหนุ่มคนหนึ่งจากตรอกหนีผิงที่ใช้ชีวิตเดียวดายอย่างยากลำบาก เดินแต่ละก้าวมาจนถึงทุกวันนี้ เดินมาจนถึงนครมังกรเฒ่าที่อยู่ทางใต้สุดของแจกันสมบัติทวีปแล้วถึงเพิ่งจะมาเริ่มถามสามคำถามนี้

เฉินผิงอันถามว่า “กับหยางเหล่าโถว ข้าไม่กล้าถามเรื่องพวกนี้ อีกอย่างถามไปก็เหมือนไม่ได้ถาม แต่ถ้าเป็นเจ้า ข้ารู้สึกว่าพอจะลองถามดูได้”

เจิ้งต้าเฟิงถามยิ้มๆ “ทำไม เพราะรู้สึกว่ามีผู้ฝึกลมปราณขอบเขตโอสถทองคนหนึ่งให้การปกป้อง เลยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองแล้ว?”

อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า “หยางเหล่าโถวสามารถชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสีย หากข้าถามถึงเรื่องที่ร้ายแรงจริงๆ เขาอาจจะตบข้าให้ตายด้วยฝ่ามือเดียว แต่เจ้าเจิ้งต้าเฟิงน่าจะไม่กล้า หากข้าเดาไม่ผิด ไม่แน่เสมอไปว่าข้าจะต้องตายสถานเดียว อีกอย่างค่าตอบแทนที่เจ้าต้องจ่ายก็ต้องไม่ใช่น้อยๆ”

อันที่จริงเฉินผิงอันอยากพูดว่า เจ้าเจิ้งต้าเฟิงก็เป็นคนทำการค้าเหมือนกัน แต่ลางสังหรณ์บอกกับเขาว่า วิสัยทัศน์และสถานะของชายสกปรกมอมแมมคนนี้เทียบชั้นกับหยางเหล่าโถวไม่ติด

เมื่อเฉินผิงอันเปิดปากถามคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจมาสิบปีเต็มพวกนี้อย่างแท้จริง เขาก็ยังรู้สึกกระวนกระวายอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าหลังเลื่อนสู่ขอบเขตสี่ เขาสามารถควบคุมจิตใจของตัวเองได้แล้ว แค่ให้แกล้งทำท่าผ่อนคลายไม่ยี่หระ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร อีกอย่างพอเดินเข้ามาในตรอกเล็กแห่งนี้ ตอนที่เจิ้งต้าเฟิงเข้าร้านไปหยิบม้านั่งมา เฉินผิงอันก็หยิบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ออกจากห่อสัมภาระมาดื่มเหล้าแล้ว

หากขอบเขตสี่ของตนยังไม่ดีพอ ก็ยังมีชูอีกับสืออู่ และด้านหลังยังมีผู้ฝึกลมปราณขอบเขตโอสถทองของตระกูลซุนท่านนั้นอยู่อีกคน

แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องบางเรื่องที่เก็บมานานนม ก็ได้เวลาที่ควรจะเปิดรอยแผล เอาออกมาตากแดดบ้างแล้ว

เจิ้งต้าเฟิงมองเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าจริงจังแล้วก็ถอนหายใจ ม้วนตำราที่กว่าจะยืมจากเด็กสาวมาได้อีกครั้งก็ต้องพูดจนปากแทบฉีกเล่มนั้นให้เป็นแท่งกลม ใช้มันเคาะเข่าเบาๆ พูดอย่างเกียจคร้านว่า “เจ้านี่นับวันยิ่งน่ารำคาญ พอเถอะ ไม่ต้องแกล้งทำท่าเป็นผ่อนคลายทั้งที่หวาดผวาจะแย่อีกแล้ว ข้าล่ะเหนื่อยแทน วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางฆ่าเจ้าหรอก ตอนนี้หยางเหล่าโถวให้ความสำคัญกับเจ้ามาก แล้วนับประสาอะไรกับที่แค่เจ้าถามคำถามไม่กี่คำ ข้ายังไม่ถึงขั้นต้องลงมือฆ่าแกงกัน ต่อให้ข้าใจแคบแค่ไหน ก็ไม่มีทางแคบถึงขนาดนั้น”

แล้วเจิ้งต้าเฟิงก็พูดต่อว่า “แต่คำถามสองข้อนั้น ข้าจะไม่ตอบ เจ้ามีความสามารถก็สืบสาวราวเรื่องเอาเอง…”

พูดมาถึงตรงนี้ เจิ้งต้าเฟิงก็ถามยิ้มๆ ว่า “ทำไมเจ้าไม่ถามฉีจิ้งชุนไปตามตรง?”

เฉินผิงอันผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม เขาเอนหลังที่มีกล่องกระบี่พิงผนังเบาๆ แหงนหน้าดื่มเหล้า เอ่ยประโยคหนึ่งที่ยิ่งทำให้เจิ้งต้าเฟิงสงสัย “ข้ากลัวว่าจะทำให้อาจารย์ฉีผิดหวัง”

เจิ้งต้าเฟิงหันไปตะโกนอีกทางหนึ่ง “เหมยเอ๋อร์ ยกถั่วลิสงและเมล็ดแตงสองจานมารับแขก!”

สตรีหุ่นอวบอิ่มคนหนึ่งยกของว่างสองจานมาตามสั่ง ตอนที่นางโน้มตัวส่งจานมาให้เขา เจิ้งต้าเฟิงแสร้งโวยวายอย่างตกใจ “ภูเขากดทับหัวข้า ช่างน่ากลัวยิ่งนัก”

หญิงสาวกระแทกจานสองใบลงบนมือเจิ้งต้าเฟิงแล้วรีบลุกขึ้นยืน กระทืบเท้าเขาหนึ่งทีพลางคลี่ยิ้มหวานหยดย้อย “นิสัย!”

เจิ้งต้าเฟิงยื่นจานถั่วลิสงให้เฉินผิงอัน ส่วนตัวเองแทะเมล็ดแตง

ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันจะพอคาดเดาคำตอบของเจิ้งต้าเฟิงได้อยู่แล้ว จึงไม่ได้ผิดหวังเท่าใดนัก เพียงถามว่า “เจ้ามีตำราวิชากระบี่ที่ดีๆ ขายหรือไม่?”

เจิ้งต้าเฟิงถามอย่างไม่ใส่ใจนัก “จะเอาวิชากระบี่ตระกูลเซียนของผู้ฝึกลมปราณ หรือว่าคือวิชาลับการเรียนวรยุทธ์ในยุทธภพ?”

เฉินผิงอันตอบไปตามตรง “เจ้าน่าจะมองออกว่า สะพานอมตะของข้าขาดไปนานแล้ว คิดจะฝึกกระบี่ก็ได้แต่ฝึกตำรากระบี่ของผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น”

เจิ้งต้าเฟิงเองก็พูดตรงเช่นกัน “ตำราลับการเรียนวรยุทธ์ที่ดีที่สุด ข้าช่วยเจ้าหาได้ แล้วก็จะเอามาขายให้เจ้าด้วยราคาที่สูงเทียมฟ้า แต่นั่นไม่มีความหมายอะไร ข้าแนะนำเจ้าว่าอย่าพยายามไปตามหาวิชาลับเลิศล้ำในยุทธภพอะไรเลย ตัวข้าเจิ้งต้าเฟิงคือคนบนวิถีวรยุทธ์ รู้ถึงความตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้ดี ในเมื่อตอนนี้เจ้าฝึกวิชาหมัดได้ดีมากแล้วก็อย่าให้มีปัญหาแทรกซ้อน จะเสียเวลาไปเปล่าๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!