กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 255

สรุปบท บทที่ 255.4: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปตอน บทที่ 255.4 – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

ตอน บทที่ 255.4 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

กระบี่จงมา – บทที่ 255.4 ความจริงใจประทับใจคน แต่ก็ทำร้ายคนให้เจ็บปวด
บทที่ 255.4 ความจริงใจประทับใจคน แต่ก็ทำร้ายคนให้เจ็บปวด
โดย
ProjectZyphon
จู่ๆ เจิ้งต้าเฟิงก็ถามว่า “ภาพเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในบ้านบรรพบุรุษตระกูลซุนเป็นเพราะการฝ่าทะลุขอบเขตของเฉินผิงอันชักนำมาใช่หรือไม่?”

น้ำเสียงเย็นชาของเทพหยินดังออกมาจากในเงามืดมุมกำแพง “น่าจะใช่”

เจิ้งต้าเฟิงเหน็บหนังสือไว้ใต้รักแร้ หิ้วม้านั่งและเมล็ดแตงมาที่หน้าปากตรอก นั่งลงใต้ร่มไม้คอยมองสาวงามอีกครั้ง

บุรุษสูงใหญ่ท่าทางมีบารมีซึ่งสวมเสื้อผ้าธรรมดาผู้หนึ่งเดินมาอย่างเชื่องช้า ด้านหลังของเขามีหญิงสาวเรือนกายอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่งเดินเยื้องย่างตามมาด้วย

บุรุษเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเจิ้งต้าเฟิง หญิงสาวหยุดยืนอยู่ด้านหลังบุรุษผู้นั้นอีกที สำหรับเถ้าแก่ร้านยาที่นั่งอยู่บนม้านั่งใช้หนังสือแทนพัดผู้นั้น นางเต็มไปด้วยความรู้สึกสนใจใคร่รู้

บุรุษยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เกียรติของซุนเจียซู่แห่งนครมังกรเฒ่ามีค่าแค่ใบหน้าปลอมที่ใช้ปิดบังอำพรางชิ้นเดียวเท่านั้น เถ้าแก่เจิ้งมองได้ทะลุปรุโปร่งยิ่ง”

เจิ้งต้าเฟิงหันหน้ามาชำเลืองมองบุรุษ “ฝูฉี เจ้าไม่ได้ใส่ชุดคลุมมังกรเฒ่ามา ดูท่าคงไม่ได้มาออกคำสั่งไล่แขก”

บุรุษยิ้มพลางชี้นิ้วไปที่ด้านหลังตัวเอง “ข้าจะสวมชุดคลุมมังกรเฒ่าหรือไม่ เมื่ออยู่ในนครมังกรเฒ่าล้วนไม่สำคัญ พานางมาด้วยต่างหากที่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจอย่างแท้จริง”

ทั้งแสดงอำนาจบารมี ทั้งแสดงถึงการยอมอ่อนข้อให้

แสดงอำนาจด้วยการบอกว่า เมื่ออยู่ในนครมังกรเฒ่า ข้าฝูฉีไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเองก็สามารถขับไล่เจ้าเจิ้งต้าเฟิงไปได้แล้ว

ส่วนที่บอกว่าแสดงถึงการยอมอ่อนข้อก็คือ ฝูฉีที่มีฐานะเป็นถึงเจ้าเมืองนครมังกรเฒ่าก็ยังเต็มใจแสดงไมตรีต่อบุรุษด้วยการนำสตรีที่ขายาวมากคนหนึ่งมาปรากฎตัวต่อหน้าเถ้าแก่ใหญ่เจิ้ง

เจิ้งต้าเฟิงจ้องขางดงามของหญิงสาวอย่างเอาจริงเอาจังอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะหันหน้ากลับไปมองกระแสคนที่เดินสวนกันไปมา “ฝูฉีเจ้าพูดจาใหญ่โตขนาดนี้ ทำไมถึงไม่สูบทะเลเมฆเข้าท้องไปด้วยเลยเล่า?”

สีหน้าของฝูฉีไม่น่ามองนัก ต้องยื่นมือไปกุมหยกประดับที่ห้อยไว้ตรงเอว สีหน้าถึงจะผ่อนคลายลง

หญิงสาวตัวสั่นงันงก นี่เป็นครั้งแรกที่นางสัมผัสได้ถึงความโกรธเคืองที่ชัดเจนขนาดนี้ของบิดา

เจิ้งต้าเฟิงหัวเราะเสียงเย็น “เป็นคนทำการค้าเหมือนกัน เจ้าคู่ควรจะมาเปรียบเทียบกับข้าด้วยหรือ?”

ฝูฉียิ้มรับ “ในเมื่อตอนนี้เถ้าแก่เจิ้งอารมณ์ไม่ดี ถ้าอย่างนั้นเรื่องบางเรื่อง ฝูฉีค่อยพูดภายหลังก็แล้วกัน”

ตอนนี้อารมณ์ของเจิ้งต้าเฟิงแค่ไม่ดีเสียที่ใด ต้องเรียกว่าย่ำแย่ถึงขีดสุดเลยต่างหาก

เงินห้าอีแปะ!

แค่เงินห้าอีแปะที่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปล้วนเคยจับผ่านมือ แต่กลับเป็นเหมือนภูเขาใหญ่ห้าลูกที่กดทับอยู่ในใจของเจิ้งต้าเฟิง! ทุ่มเทสมองครุ่นคิดแทบล้มประดาตาย รับมือด้วยความระมัดระวัง กว่าจะหลอกให้เด็กหนุ่มคนนั้นรับปากด้วยตัวเองว่าจะไม่คิดบัญชีนี้ได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย อันที่จริงหลังจากที่เด็กหนุ่มถามคำถามสามข้อนั้น รวมไปถึงพูดประโยคว่า ‘หยางเหล่าโถวไม่เคยติดค้างใคร’ เจิ้งต้าเฟิงก็รู้อยู่แก่ใจตัวเองแล้วว่า ไม่ต้องคาดหวังให้เด็กหนุ่มจากตรอกหนีผิงผู้นี้ทวงเงินห้าอีแปะที่ธรรมดาที่สุดจากตนอีกแล้ว เจ้าลูกหมาน้อยจากตรอกหนีผิงผู้นี้เจ้าเล่ห์จะตายไป คิดจะหลอกเขาไม่ใช่เรื่องง่าย!

เจิ้งต้าเฟิงโมโหอย่างหนัก โบกตำราที่เอามาทำเป็นพัดแรงๆ “มิน่าเล่าข้าถึงไม่ชอบไอ้หมอนี่มาตั้งแต่แรก อายุน้อยๆ แต่กลับมีจิตใจและกลอุบายลึกล้ำนัก เหมือนเด็กหนุ่มเสียที่ไหน?”

จู่ๆ เจิ้งต้าเฟิงก็หยุดบ่น แล้วพูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “หากเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป ไหนเลยจะมีชีวิตอยู่มาจนถึงป่านนี้”

ชายฉกรรจ์ผู้นี้ทอดถอนใจ เริ่มพลิกเปิดหน้าหนังสือด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน เสียงหน้าหนังสือที่ถูกเปิดดังพั่บๆๆ แต่อ่านไม่เข้าหัวแม้แต่ตัวอักษรเดียว เขาพึมพำกับตัวเองว่า “หรือว่าวัตถุหยินตนนั้นพูดถูก ข้าทำตัวอวดฉลาดไปเองจริงๆ?”

เมื่อเปิดหนังสือไปอีกหนึ่งหน้าก็เป็นบท ‘ความจริงใจ’ พอดี ยังคงเป็นเรื่องเล่าตามหัวมุมถนนที่เอามาร้อยเรียงต่อกัน ผสมปนเปกันเป็นต้มจับฉ่าย ช่วงท้ายถึงแสร้งใส่หลักการยิ่งใหญ่เข้าไปสองสามประโยค ยุ่งเหยิงพัลวันไปหมด สำหรับคนที่มีความรู้ลึกล้ำแท้จริงอย่างเจิ้งต้าเฟิงแล้ว หากนำบทความมาแยกออกจากกันก็เหมือนสตรีผู้นี้มีคิ้วตางามเพริศพริ้ง สตรีผู้นั้นมีแก้มอมชมพูน่าหลงใหล สตรีอีกคนมีปากเล็กๆ สีลูกท้อ แต่ละคนต่างก็มีความงามในแบบของตัวเอง แต่หากเอามาประกอบเข้าด้วยกันส่งเดช จะไม่ใช่ความงาม แต่อาจกลับกลายมาเป็นความอัปลักษณ์ที่ทนมองไม่ได้

เจิ้งต้าเฟิงพลิกหนังสือไปอีกหน้าอย่างคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คือช่วงสุดท้ายของบท ‘ความจริงใจ’ พอดี

ยังคงเป็นหลักการว่างเปล่าที่ยิ่งใหญ่จนไร้ขอบเขตสิ้นสุดเหมือนเดิม

“โบราณกล่าวไว้ว่าผู้มีจิตใจอันบริสุทธิ์ มักจะมีความจริงใจจนสามารถสั่นสะเทือนให้หินแข็งแยกร้าวได้ เป็นเหตุให้ความจริงใจคือรากฐานในการหยัดยืนของวิญญูชนลัทธิขงจื๊อ”

“และอริยะของลัทธิเต๋าก็เคยกล่าวไว้ว่า ไม่จริงใจก็ไม่เขย่าคลอนใจคน คนจริงซื่อสัตย์ จึงจะมีความจริงใจ นี่จึงเป็นที่มาของยศ ‘เจินเหริน’ (แปลตามตัวคือคนที่แท้จริง คนที่ซื่อสัตย์จริงใจ แต่ก็แปลได้ว่าเต้าหยินที่บรรลุมรรคผล)”

เจิ้งต้าเฟิงพลิกเปิดไปยังบทถัดไปอย่างรวดเร็ว นั่นคือบท ‘ความจงรักภักดีและกตัญญู’ แล้วก็เปิดหน้ากระดาษตั้งแต่ต้นจนจบอย่างว่องไวอีกครั้ง สุดท้ายตบหนังสือประกบปิดแล้วเอามาทำเป็นพัดพัดลมเย็นๆ เข้าหาตัวอีกครา

ดูเหมือนชายฉกรรจ์คนนี้จะเห็นคำสอนของอริยะในตำราเป็นดั่งลมที่พัดผ่านหูไปเสียหมด

สุดท้ายเขาพูดเหมือนยอมรับชะตากรรม “ในเมื่อท่านผู้เฒ่าพูดว่าชั่วชีวิตนี้ข้าไม่มีหวังจะเลื่อนสู่ขอบเขตเก้า ถ้าอย่างนั้นข้าจะยังดึงดันไปอีกทำไม? อุตส่าห์รอมาตั้งนานหลายปีขนาดนี้แล้ว มิน่าเล่าท่านผู้เฒ่าถึงได้บอกว่าข้าหัวหมอคิดว่าตัวเองฉลาดเฉลียว แต่แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่ ลำพังกับแค่หลี่เอ้อร์ก็ต่อยตีกันมากี่ครั้งแล้ว? ซ่งจ่างจิ้งต่อสู้กับศิษย์พี่แค่ครั้งเดียวก็ฝ่าทะลุขอบเขตได้เลย อันที่จริงข้าเองก็เริ่มเข้าใจแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ร้องขอแล้วจะได้มา ข้าก็แค่แอบหวังว่าตัวเองจะโชคดีเท่านั้น ฮ่าๆ ตอนนี้ได้เห็นสาวงามอยู่ในนครมังกรเฒ่าทุกวัน คงต้องรอตายอยู่ที่ขอบเขตแปดนี่แล้ว…”

เจิ้งต้าเฟิงหลับตาลง นาทีนี้สีหน้าของชายฉกรรจ์ที่ไม่ได้ลอบมองทรวดทรงองค์เอวของสตรีค่อนข้างจะเซื่องซึม

หญิงสาวที่มีหุ่นซึ่งเรียกได้ว่า ‘บึกบึนแข็งแกร่ง’ บนใบหน้าทาผงประทินโฉม สวมชุดสีสันสดใสงดงาม กรามของนางใหญ่มากพอที่จะสยบปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้ เมื่อนางหยุดเดินแล้วเห็นท่าทางเช่นนี้ของชายฉกรรจ์ก็ให้รู้สึกสงสาร ในใจคิดว่าเขาคงอยากจะบอกความในใจกับตน แต่คงไม่กล้า ถ้าอย่างนั้นตนจะไม่สำรวมกิริยาอย่างที่สตรีพึงกระทำอีกแล้ว นางควรจะเป็นคนเปิดปากก่อน ชายในดวงใจของนางจะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์ใจ?

สีหน้าฝูชุนฮวาซีดขาว กลัวว่าบิดาจะเข้าใจผิดคิดว่านางประสงค์ร้ายต่อพี่ชาย

ฝูฉียิ้มบางๆ “ไม่ต้องตื่นเต้น ข้ารู้จักนิสัยของเจ้าดี อันที่จริงการที่ครั้งนี้ซุนเจียซู่คล้อยไปตามสถานการณ์ วางเดิมพันลงข้างเฉินผิงอันก็เพราะอยากจะหยั่งเชิงตระกูลฝูของพวกเรา เกรงว่าเขาคงกลัวแต่พวกเราจะไม่ไปหาเรื่องเขาซะมากกว่า หากตระกูลซุนสมปรารถนา พอกลับไปที่บ้านบรรพบุรุษก็ทำท่าว่าถูกตระกูลฝูใช้อำนาจเข้าข่ม เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า ไม่จำเป็นต้องให้ซุนเจียซู่เกลี้ยกล่อมอะไร ขอบเขตโอสถทองที่อนาคตยาวไกลคนนั้น เดิมทีตระกูลซุนก็มีบุญคุณต่อเขาอยู่แล้ว หากมีเรื่องในครั้งนี้ เขาก็ต้องเลือกที่จะอยู่ในตระกูลซุนต่ออย่างแน่นอน”

ฝูชุนฮวาเอ่ยถาม “ซุนเจียซู่ไม่กลัวว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะตายด้วยน้ำมือพวกเราหรือไร?”

ฝูฉีเงยหน้ามองม่านฟ้า “เจ้าคิดแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป เพียงแต่ว่าวันใดที่เจ้าได้สวมชุดคลุมมังกรเฒ่าก็จะมีโอกาสได้รู้เรื่องจริงบางอย่างที่อยู่ระดับสูงเหนือศีรษะ”

ฝูชุนฮวาเงยหน้ามองทะเลเมฆผืนนั้นตามจิตใต้สำนึก

ฝูฉีคลี่ยิ้ม “ยังมีที่สูงกว่านี้อีก”

จิตใจของฝูชุนฮวาสั่นไหวนิดๆ แหงนหน้ามองไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

ผู้ใดที่เป็นขอบเขตโอสถทองก็คือคนรุ่นเดียวกับข้า

ก่อนหน้าที่จะกลายเป็นขอบเขตโอสถทอง ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าประโยคที่เปี่ยมไปด้วยความห้าวหาญนี้กล่าวได้สาแก่ใจที่สุด ทว่าพอกลายเป็นขอบเขตโอสถทองได้อย่างแท้จริง ถึงได้ค้นพบว่านี่เพิ่งจะเป็นแค่ครึ่งภูเขาของผู้ฝึกลมปราณเท่านั้น แค่นี้เท่านั้น

จู่ๆ ฝูฉีก็เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมา “เมื่อเทียบกับตระกูลซุนและซุนเจียซู่แล้ว ตระกูลฝูของเราและข้าฝูฉีมีความกล้าหาญและสติปัญญามากกว่า ตอนนี้ข้าต้องออกจากนครมังกรเฒ่าไปรับแขกผู้มีเกียรติหลายคนที่มาจากทางทิศเหนือ เจ้าไปหาฝูหนันหัว บอกเขาว่าเฉินผิงอันอยู่ที่บ้านบรรพบุรุษตระกูลซุน ข้าอยากรู้ว่าเขาจะเลือกอย่างไร เรื่องนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าเขาจะกลายเป็นเจ้านครมังกรเฒ่าได้หรือไม่ แน่นอนว่าจะเป็นตัวตัดสินด้วยว่าเจ้าจะมีหวังได้สวมชุดคลุมมังกรเฒ่าหรือไม่ หวังว่าตอนที่ข้ากลับมานครมังกรเฒ่า จะสามารถเลือกในสิ่งที่ถูกต้องได้แล้ว”

ฝูฉีโบกมือ “เจ้านั่งรถกลับเมืองไปเถอะ”

ฝูชุนฮวาทำตามคำสั่ง ส่วนบิดานางนั้นทะยานร่างขึ้นสูง หายวับเข้าไปในค่ายกลใหญ่ทะเลเมฆอย่างสง่างามแล้ว และน่าจะมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ

ฝูชุนฮวาไม่มีเวลามาสนใจว่าแขกมีเกียรติแบบไหนที่มีค่ามากพอให้เจ้านครมังกรเฒ่าออกจากเมืองไปรับด้วยตัวเอง พอเข้ามานั่งในห้องโดยสาร นางก็เริ่มคิดพิจารณาถึงปัญหาข้อนี้

อันดับต่อไปนางควรจะเลือกอย่างไรถึงจะได้ผลเก็บเกี่ยวมหาศาลมากที่สุด? แล้วฝูหนันหัวน้องชายนางจะเลือกอย่างไร?

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!