วันนี้ฝูฉีนำแขกท่านหนึ่งขึ้นมาชมทัศนียภาพบนหอสูงด้วยตัวเอง นอกจากนี้ก็มีแค่ฝูหนันหัวคนเดียวที่มาด้วย ไม่มีคนอื่นอีก
อีกทั้งที่น่าประหลาดที่สุดก็คือ พอมาถึงตีนหอมังกร ฝูฉีกลับหยุดเดิน ปล่อยให้แขกคนนั้นขึ้นไปบนsvมังกรเพียงลำพัง
หลังจากที่ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตโอสถทองคารวะทักทายฝูฉีอย่างนอบน้อมแล้วก็หันมามองฝูหนันหัวครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไปที่กระท่อม ทำความเข้าใจกับกระแสน้ำขึ้นของมหาสมุทรเพื่อใช้กล่อมเกลาจิตใจต่ออีกครั้ง
ฝูฉีเอ่ยเบาๆ ว่า “หนันหัว ก่อนหน้านี้ที่เจ้าไม่ได้ลงมือกับเฉินผิงอันเพราะคิดว่าซุนเจียซู่เป็นคนฉลาดถึงเพียงนั้น มีแต่จะทำเรื่องที่ฉลาดยิ่งกว่าเจ้าใช่หรือไม่?”
ฝูหนันหัวตอบไปตามตรง “นอกจากคิดอย่างนี้แล้ว ข้ายังคอยถามใจตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า หากใช้สถานะของเจ้านครมังกรเฒ่ามารับมือกับเรื่องนี้ ข้าควรจะทำอย่างไร ควรนำของส่วนรวมมาใช้ส่วนตัว หรือว่า…”
สีหน้าของฝูหนันหัวกระอักกระอ่วน ไม่พูดต่ออีก
ฝูฉีเอ่ยชม “ดูท่าคำพูดที่ข้าพูดกับเจ้าในวันนั้น เจ้าคงฟังเข้าหูจริงๆ ลูกหลานตระกูลฝูไม่ควรต้องรอให้ถึงวันที่จะได้เป็นเจ้านคร แล้วค่อยทำในสิ่งที่เจ้านครจะทำ หากทัศนวิสัยแค่นี้ยังไม่มี ต่อให้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล แต่ถ้ารู้จักแต่ผลประโยชน์ส่วนตน ดีแต่จะรบราฆ่ากัน วางอำนาจบาตรใหญ่ไปทั่ว หากเจอกับเซียนห้าขอบเขตบนขึ้นมาจริงๆ อย่าว่าแต่ตระกูลฝูเลย ต่อให้เป็นทั้งนครมังกรเฒ่า จะนับเป็นอะไรได้?”
ฝูหนันหัวตัดสินใจได้แล้วจึงกัดฟันพูด “แต่ว่าท่านพ่อ ข้าขอบเขตต่ำแค่นี้ ในอนาคตจะสามารถสืบทอดตำแหน่งเจ้านครอย่างสมศักดิ์ศรีได้อย่างไร?”
ฝูฉีหลุดหัวเราะ “ทำอย่างไร? ก็ทุ่มเงินเข้าสิ ตระกูลฝูของนครมังกรเฒ่า อย่างอื่นอาจจะไม่มี แต่เงินน่ะมีไม่น้อยเลยจริงๆ เจ้าคิดว่าตอนนั้นข้าเลื่อนจากขอบเขตโอสถทองมาเป็นขอบเขตสิบก่อกำเนิดได้อย่างไร? วัตถุดิบวิเศษที่ข้าผลาญไปมากพอให้ซื้อถนนยาวสามร้อยลี้นอกเมืองของตระกูลซุนได้เลยด้วยซ้ำ แล้วหลังจากนั้นข้าเดินแต่ละก้าวมาจนถึงขอบเขตสิบขั้นสูงสุดได้อย่างไร? นอกจากพอจะเรียกได้ว่าขยันฝึกตนแบบถูไถแล้ว ที่มากกว่านั้นคือการทุ่มเงิน ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าทำอย่างไรล่ะ?”
ฝูหนันหัวปากอ้าตาค้าง
ง่ายแค่นี้เอง?
ฝูฉีเอาสองมือไพล่หลัง เงยหน้ามองเรือนกายผอมบางที่เดินทีละก้าวขึ้นไปบนหอมังกร ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “นอกจากข้าที่เห็นดีในตัวเจ้าแล้ว ความเห็นของนางที่ต่อให้จะเป็นเพียงคำพูดที่พูดโดยไม่ตั้งใจ ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จะเรียกว่าเป็นคำตัดสินสุดท้ายก็ไม่เกินจริงเลย คนและเรื่องราวบางอย่างของตระกูลฝูนครมังกรเฒ่า ตอนนี้เจ้ายังไม่อาจสัมผัสได้ แต่หลังจากนี้เจ้าจะเข้าใจมากขึ้น และทัศนียภาพที่แท้จริงบนยอดเขาของแจกันสมบัติทวีปก็จะค่อยๆ ทยอยเปิดเผยสู่เบื้องหน้าสายตาของเจ้า”
ดวงตาฝูหนันหัวฉายประกายร้อนแรง
รอยยิ้มของฝูฉีคลุมเครือ “และหลังจากนั้นสักวันหนึ่งเจ้าจะค้นพบว่ารอบกายมีแต่กลิ่นคาวเลือด”
คนต่างถิ่นที่เดินขึ้นบันไดไปทีละขั้นผู้นั้น คือเด็กสาวคนหนึ่ง พอเดินไปถึงยอดบนของหอมังกร ใบหน้าของนางก็นองไปด้วยเลือด น้ำตาที่เป็นสีเลือดหลั่งลงมาจากดวงตาสีทองของนางไม่ขาดสาย
นางที่ยืนตระหง่านอย่างเดียวดายกวาดตามองไปรอบด้าน
ทวีปใหญ่เก้าแห่ง ห้าทะเลสาบ สี่มหาสมุทร บนภูเขาล่างภูเขามีแต่หลุมฝังศพ ล้วนแต่เป็นศัตรูคู่แค้น!
……
วันนี้เฉินผิงอันยังคงมาตกปลาตอนกลางคืนอยู่เหมือนเดิม จากนั้นก็เริ่มฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูตามเวลาอย่างที่เคยปฏิบัติ รอจนกระทั่งฟ้าสว่างก็จะลืมตามองไปยังกลางอากาศเหนือทะเลทิศตะวันออก เพียงแต่ว่าคราวนี้เฉินผิงอันไม่ได้หาเรื่องให้ลมปราณสีทองพุ่งลงมา แต่เขากลับยิ้มกว้าง ยืนโบกมือไปทางนั้นคล้ายกำลังทักทายคนคุ้นเคย
เฉินผิงอันเก็บคันเบ็ดและข้องใส่ปลา เดินย้อนกลับไปที่บ้านบรรพบุรุษตระกูลซุน ผลคือเจอซุนเจียซู่มายืนรอตนอยู่ที่ริมน้ำ
เขากำลังรอเฉินผิงอัน อันที่จริงเฉินผิงอันเองก็กำลังรอเขาซุนเจียซู่อยู่เหมือนกัน
ตอนนั้นที่อยู่ในตรอกเล็กของเมืองใน เจิ้งต้าเฟิงยั่วยุให้เขาถอดหน้ากากที่อำพรางโฉมหน้าแท้จริงออก จากนั้นเทพหยินก็โผล่มาขัดขวางเจิ้งต้าเฟิง
คำพูดเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลซุน เฉินผิงอันลองขบคิดอย่างละเอียดก็สัมผัสได้ถึงปราณสังหารที่ซุกซ่อนอยู่
ผิดหวัง? แน่นอนว่าต้องมี
ไฟโทสะสูงเทียมฟ้า? ไม่ถึงขนาดนั้น
หลิวป้าเฉียวแนะนำซุนเจียซู่ให้ตนรู้จักเป็นเพราะความหวังดี แต่จะเต็มใจมาที่บ้านบรรพบุรุษตระกูลซุนหรือไม่คือการตัดสินใจของเขาเฉินผิงอันเอง สืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้วยังคงเป็นเพราะสัญชาตญาณของคนที่แสวงหาข้อดีหลีกเลี่ยงข้อเสีย เพียงแต่ว่าเมื่อย้อนกลับมาดู การตัดสินใจนี้อาจจะไม่ได้แย่ที่สุด แต่ก็ไม่ได้ดีที่สุดเหมือนกัน
จุดประสงค์ของคำสอนแห่งวิถีการค้าที่ตระกูลฝูและตระกูลซุนยึดปฏิบัติคืออะไร? อันที่จริงตอนที่พูดคุยกัน ซุนเจียซู่ได้เปิดเผยให้รู้บางส่วนแล้ว
ภาพลักษณ์ของซุนเจียซู่ในใจเฉินผิงอันจึงพร่าเลือนอีกครั้ง อีกทั้งในใจเขายังเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและป้องกัน
คนคนหนึ่งที่มีนิสัยซื่อบริสุทธ์ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะโง่เขลา หากคิดจะเป็นคนดีที่แท้จริงก็ต้องรู้ก่อนว่าอะไรคือคนชั่ว คนดีคนหนึ่งมีชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดีก็คือความปรารถนาดีสูงสุดที่มีต่อโลกใบนี้
สิ่งที่ตื้นเขินเหล่านี้ เฉินผิงอันไม่จำเป็นต้องให้ตำราเป็นผู้บอก ไก่บินหมากระโดดในตลาด เรื่องหยุมหยิมยิบย่อยของพวกเพื่อนบ้าน การปัดแข้งปัดขากันเองของสหายร่วมเรียนในเตาเผามังกรก็ล้วนอธิบายถึงเรื่องพวกนี้ไม่ใช่หรือ?
ซุนเจียซู่มองเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ยังไม่พูดอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ยกมือทาบประสานคารวะ
เฉินผิงอันเบี่ยงเท้าหลบการขออภัยที่ดูคล้ายจะไร้สาเหตุของซุนเจียซู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!