เมื่อนางเดินเข้าไปร้าน เหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ที่กำลังประชันความงามกันก็พลันสีหน้าหม่นหมอง พวกนางหันมามองหน้ากันเอง เมื่ออยู่ห้องเดียวกับหญิงสาวผู้นี้ ความละอายใจที่ตนเองสู้ไม่ได้พลันบังเกิดขึ้นมาในใจของพวกนาง
เมื่อเทียบกับความเกรงใจมีมารยาทของฟ่านเอ้อร์แล้ว สตรีผู้นี้ไม่ได้เป็นกันเองหรือเข้าถึงง่ายขนาดนั้น นางก้าวยาวๆ ไปตรงม่านไม้ไผ่ เดินเข้าไปในเรือนด้านหลัง
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีผู้หญิงในร้านยาคนไหนกล้าส่งเสียงห้ามปราม
เจิ้งต้าเฟิงกำลังนั่งสูบยาอยู่บนขั้นบันไดหน้าห้องหลัก
หญิงสาวสวมชุดเขียวกวาดตามองไปรอบด้าน ยกมือขึ้นกวักหนึ่งครั้ง ม้านั่งตัวเล็กตัวหนึ่งก็พุ่งจากใต้ชายคาห้องปีกข้างมาปรากฎอยู่ด้านหลังนางในเสี้ยววินาที แล้วนางก็นั่งลงเริ่มดื่มเหล้า
แน่นอนว่าเจิ้งต้าเฟิงต้องรู้จักคนผู้นี้ บุคคลแรกที่เขาได้พบเจอหลังจากลงใต้มาถึงนครมังกรเฒ่าก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลฟ่านที่ชื่อเสียงไม่โด่งดัง ฟ่านจวิ้นเม่าผู้นี้
ห้าสกุลใหญ่ของนครมังกรเฒ่าได้แก่ฝู ซุน ฟาง โหว ติง
ไม่พูดถึงฝูฉีเซียนพสุธาและตระกูลฝูที่ครอบครองอาวุธกึ่งเซียนสี่ชิ้น ตระกูลซุนมีชื่อเสียงเรื่องรากฐานลึกล้ำ มีเซียนพสุธาก่อกำเนิดคนหนึ่งนั่งบัญชาการณ์
ตระกูลฟางที่แม้ว่าจะไม่มีก่อกำเนิดคอยสร้างความยำเกรงให้แก่ฝูงชน แต่กลับมีปรมาจารย์วิถีวรยุทธ์ขอบเขตเจ็ดสองคนและผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเก้าโอสถทองอยู่คนหนึ่ง ราชวงศ์ด้านล่างภูเขาทางทิศใต้ของแจกันสมบัติทวีป โดยเฉพาะในยุทธภพ ตระกูลฟางมีพลังอำนาจสูงสุด มีโรงรับจำนำ สำนักคุ้มกันภัย ร้านค้าโรงเตี๊ยมจำนวนมากมายกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง เมื่อเทียบกับตระกูลฝูและตระกูลซุนแล้ว ตระกูลฟางได้รับผลประโยชน์น้อยนิดราวหัวแมลงวัน ใช้วิธีการสะสมจากน้อยจนกลายเป็นมาก
พลังการต่อสู้ขั้นสูงสุดของตระกูลโหว เหล่าเค่อชิงข้ารับใช้ห้าขอบเขตกลางเหล่านั้นไม่ทำให้พวกเขาได้เปรียบใดๆ แต่มีบุตรอนุภรรยาคนหนึ่งที่ออกจากบ้านไปนานหลายปีได้กลายเป็นนักปราชญ์ของสำนักศึกษากวานหู แม้ว่าหลังจากที่ออกจากบ้านไปแล้ว นักปราชญ์ผู้นั้นจะไม่เคยหวนคืนกลับบ้านเกิดมากราบไหว้บรรพบุรุษ แต่ตระกูลโหวก็ได้รับผลประโยชน์ลึกล้ำจากเรื่องนี้ ทุกปีจะต้องส่งคนไปเยี่ยมเพื่อคารวะสวัสดีปีใหม่ที่สำนักศึกษากวานหู
ตระกูลโหวนอกจากเรือข้ามฟากที่จะเดินทางไปยังภูเขาห้อยหัวแล้ว ยังมีเส้นทางการเดินเรือจากนครมังกรเฒ่าไปยังอุตรกุรุทวีปมากที่สุด ระยะทางส่วนใหญ่ล้วนไม่ยาวไกล มีตั้งแต่หลายหมื่นลี้ไปจนถึงสามแสนลี้ ยกตัวอย่างเช่นเส้นทางมังกรเดินที่สุดปลายทางทิศเหนืออยู่ที่แคว้นซูสุ่ยสายนั้น ตระกูลโหวก็ยึดครองไปแล้วถึงครึ่งหนึ่ง หลายพื้นที่รวมๆ กันแล้วก็มากพอไม่ให้ใครมาดูถูกได้
ตระกูลโหวมีความสัมพันธ์กับตระกูลเซียนมากมายทางทิศใต้ของอุตรกุรุทวีป เมื่อผ่านการดำเนินการอย่างยากลำบากมานานเกือบสองร้อยปี ก็สามารถช่วยประคับประคองช่วยเหลือสำนักบนภูเขาของที่แห่งนั้นได้หลายแห่งแล้ว
เดิมทีตระกูลติงเกือบจะถูกตัดชื่อออกจากห้าแซ่ใหญ่ เพราะถูกตระกูลหนึ่งที่ช่วงร้อยปีที่ผ่านมาลุกผงาดอย่างรุ่งเรืองคอยจ้องเขม็งหมายเข้ามาแทนที่ โดยเฉพาะเมื่อตอนนั้นตระกูลติงสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับฉู่หยางบุคคลอันดับหนึ่งในขอบเขตโอสถทองของนครมังกรเฒ่า ซึ่งก็คือบุคคลที่สร้างกระท่อมฝึกตนใกล้กับหอมังกร พลังต้นกำเนิดจึงเสียหายอย่างหนัก อำนาจและชื่อเสียงร่วงดิ่งลงเหว
แต่เวลานี้เอง คนหนุ่มผู้หนึ่งที่มาจากทวีปใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้กลับมาเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ตอนแรกที่เขาเข้ามาในนครมังกรเฒ่าอยู่ในสภาพตกอับชวนเวทนา มาถึงท้ายที่สุดก็ไม่สามารถสร้างริ้วคลื่นใดๆ ให้เกิดขึ้นในนครมังกรเฒ่าได้ ก่อนจะออกไปจากนครมังกรเฒ่าก็ยังคงตกอับอยู่ดี
ทว่าในช่วงเวลาที่ตระกูลติงกำลังจะเสื่อมถอยล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง คนหนุ่มผู้นี้กลับมาถึงนครมังกรเฒ่าทันเวลา พาคนและเงินมาช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้กับตระกูลติง ถึงท้ายที่สุดก็แค่พาหญิงสาวคนหนึ่งจากไปด้วยเท่านั้น
เวลานั้นนครมังกรเฒ่าถึงเพิ่งรู้ว่าคนหนุ่มก็คือลูกศิษย์สายตรงของตระกูลเซียนที่ชื่อมีคำว่าสำนักระดับใหญ่สุดในอาคเนย์ใบถงทวีป วัยวุฒิของเขาสูงมากเป็นพิเศษ
หลังจากนั้นตระกูลติงที่อาศัยเส้นสายในใบถงทวีปจึงเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา พอจะมีวี่แววว่าสามารถงัดข้อกับตระกูลซุนได้
มีเพียงตระกูลฟ่านที่ไม่อุ่นไม่ร้อน ไม่เคยดึงความสนใจจากใครได้
ในตระกูลไม่มีทั้งบุรพาจารย์ขอบเขตสิบก่อกำเนิด แล้วก็ไม่มีโอสถทองที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถลงมือให้ความช่วยเหลือได้อย่างแท้จริง ยิ่งไม่มีเด็กรุ่นหลังที่พรสวรรค์เลิศล้ำ แต่ไหนแต่ไรมาก็เอาแต่ตามติดตระกูลฝูทุกย่างก้าว อาศัยร่มเงาใต้ต้นไม้ใหญ่ อาศัยความสัมพันธ์ชั้นนี้จึงพอจะรักษาตำแหน่งหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่เอาไว้ได้
ดังนั้นตระกูลโหวที่มีความขัดแย้งกับตระกูลฟ่านถึงกล้าพูดว่าตระกูลฟ่านเป็นแค่สุนัขเฝ้าบ้านให้กับฝูฉีเจ้านคร คอยกินของเหลือเดนจากคนอื่นปีแล้วปีแล้ว กินไม่อิ่มแต่ก็ไม่หิวตาย เจ้าประมุขแต่ละรุ่นล้วนไร้ปณิธานยิ่งใหญ่ นอกจากเรื่องกินแล้วก็ทำอะไรไม่เป็นอีก
ส่วนเจ้านครกลับยอมรับมาโดยตลอดว่าตระกูลฟ่านคือหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ของนครมังกรเฒ่า แต่คนส่วนใหญ่ของนครมังกรเฒ่ากลับคิดว่าตระกูลติงเป็นตระกูลใหญ่สมชื่อมากกว่า ตระกูลฟ่านไม่ควรอยู่ในลำดับนี้ด้วย และอันที่จริงนี่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่ง
เจิ้งต้าเฟิงจ้องหญิงสาวชุดคลุมยาวสีเขียวที่นั่งดื่มเหล้าอย่างสบายอารมณ์ห่างไปไม่ไกลผ่านกลุ่มควัน
สำหรับคนผู้นี้ ท่านผู้เฒ่าไม่ได้พูดถึงรากฐานของนางอย่างละเอียด บอกแค่ว่าเมื่อมาถึงนครมังกรเฒ่าให้มาหานางก่อน แค่ทักทายให้เห็นหน้ากันก็พอ จากนั้นถึงค่อยไปพูดคุยเรื่องการค้ากับฝูฉีเจ้านครมังกรเฒ่า
เจิ้งต้าเฟิงเคยชินกับความลึกลับคลุมเครือของผู้เฒ่ามานานแล้ว สูบยาสูบเป็นเช่นนี้ การกระทำของเขาก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงคร้านจะสืบสาวราวเรื่องเกี่ยวกับสตรีที่ชื่อว่าฟ่านจวิ้นเม่า ตอนนั้นเขาใช้ขอบเขตของผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวขั้นแปดไปสังเกตฟ่านจวิ้นเม่าก็เห็นแค่ว่านางเป็นผู้ฝึกตนอ่อนเดียงสาที่ยังไม่เลื่อนสู่ห้าขอบเขตกลาง ตอนนี้พอเลื่อนสู่ขอบเขตเก้าแล้วลองมองประเมินนางอีกครั้ง เจิ้งต้าเฟิงค้นพบว่าตอนนั้นตนมองผิดไป ฟ่านจวิ้นเม่าในเวลานี้เห็นได้ชัดว่าคือผู้ฝึกลมปราณขอบเขตโอสถทองคนหนึ่ง
หญิงสาวเอาแต่ดื่มเหล้าไม่พูดไม่จา
เจิ้งต้าเฟิงจึงเงียบงันไปพร้อมกับนางด้วย ถึงอย่างไรหญิงสาวก็หน้าตาสะสวย เขาที่เป็นคนมองย่อมได้เปรียบ
แต่แล้วจู่ๆ เจิ้งต้าเฟิงก็ส่งเสียงจุ๊ๆๆ ดังเป็นระลอก “ร้ายกาจๆ เมื่อก่อนมักรู้สึกว่านครมังกรเฒ่าไม่ได้มีคนและเรื่องราวประหลาดเยอะอย่างเมืองเล็ก วันนี้ในที่สุดก็ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ แล้ว”
ที่แท้ตอนที่ ‘ฟ่านจวิ้นเม่า’ ผู้นั้นดื่มเหล้าก็ได้เลื่อนขอบเขตสู่ขั้นสิบก่อกำเนิด กลายเป็นเซียนพสุธาในสายตาของชาวโลกด้วยเวลาเพียงครู่เดียว
แม้ว่านางจะพยายามกดข่มเบาะแสที่จะบอกให้รู้ว่าตัวเองฝ่าทะลุขอบเขตไว้อย่างเต็มกำลังแล้ว แต่เจิ้งต้าเฟิงก็ยังจับเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ ได้ ในใจจึงทอดถอนใจด้วยความชื่นชมไม่หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!