มีความเป็นไปได้มากว่าผู้โดยสารทุกคนจะกลายเป็นอาหารในจานให้กับลูกหลานของเจียวหลงเหล่านั้น
นี่จะเป็นงานเลี้ยงฉลองครั้งใหญ่ที่พวกมันไม่ได้พบเจอมานาน
เกาะกุ้ยฮวาและน้ำทะเลด้านล่างเรือข้ามฟากหยุดลอยอยู่นิ่งๆ แล้ว รอบด้านล้วนมีแต่สายตาเย็นชาน่าสะพรึงกลัวที่มาจากร่องน้ำเจียวหลง
สถานการณ์ในตอนนี้ลี้ลับอย่างถึงที่สุด บนเกาะกุ้ยฮวาเงียบสงัดไร้สรรพสำเนียง ผู้คนที่อยู่บนนั้นมีทั้งความโมโหไม่พอใจต่อเกาะกุ้ยฮวา แล้วก็มีความลนลานทำตัวไม่ถูกกับหายนะที่หล่นลงมาจากฟากฟ้า และยิ่งมีคนแอบคิดคำนวณอยู่ในใจ ต่างคนต่างชั่งน้ำหนักยันต์คุ้มกันกายของตัวเอง พยายามจะหยิบเกาลัดออกจากกองไฟ (เปรียบเปรยว่าเสี่ยงตายเพื่อคนอื่น) หากทำสำเร็จขึ้นมาแล้วมีชีวิตอยู่ได้จนถึงท้ายที่สุด ไม่พูดถึงคลังสมบัติของเกาะกุ้ยฮวา แค่คลำไปตามศพของผู้ฝึกลมปราณทั้งหลายก็ได้ทรัพย์สมบัติก้อนใหญ่เทียมฟ้าแล้ว
ด้านหน้าสุด น้ากุ้ยผู้ดูแลซึ่งอำพรางตัวตนมาตลอดเวลาหยุดลอยตัวอยู่เบื้องหน้าผนังหน้าผาติดน้ำทะเล คอยคุมเชิงอยู่กับเจียวเฒ่าสีทองตัวนั้น ภาษาที่ทั้งสองฝ่ายใช้ฟังยากอย่างยิ่ง ต้องไม่ใช่ภาษาทางการของทวีปใดๆ มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นภาษาพิเศษเฉพาะเจียวหลงในยุคบรรพกาล ซึ่งถูกเมธีร้อยสำนักในยุคสมัยเรียกว่า ‘เสียงน้ำ’ ส่วนข้อที่ว่าทำไมน้ากุ้ยถึงเชี่ยวชาญภาษานี้ เหตุใดถึงกล้าบุกเข้าไปในถิ่นของศัตรูเพียงลำพัง กล้าคุมเชิงกับเจียวหลงจำนวนมากมาย พวกแขกบนเกาะกุ้ยฮวาคร้านจะคิดให้ลึกซึ้งแล้ว ใจพวกเขาปรารถนาอยากจะให้สตรีวัยกลางคนหน้าตาธรรมดาผู้นี้กลายร่างมาเป็นผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตบนซะเดี๋ยวนั้น จะได้ช่วยกอบกู้สถานการณ์ จากนั้นพาเกาะกุ้ยฮวาขับเคลื่อนออกไปจากร่องน้ำเจียวหลงสมควรตายแห่งนี้สักที
ดูเหมือนว่าการสื่อสารระหว่างสตรีแต่งงานแล้วกับเจียวหลงสีทองจะไม่ค่อยราบรื่นนัก นางต้องระงับความเดือดดาล พยายามให้ตัวเองรักษาความสุขุมนิ่งสงบเอาไว้อย่างยากลำบาก นางกล่าวช้าๆ ว่า “จะไม่มีพื้นที่ว่างให้คลี่คลายสถานการณ์เลยหรือไง? จากที่ระบุไว้ในบันทึก ลำพังเพียงแค่ศพของเจียวโปรยพิรุณที่ตระกูลฟ่านช่วยลากกลับมาให้พวกเจ้าก็มากถึงสิบสองตัวแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ขอแค่ผ่านร่องน้ำเจียวหลงของพวกเจ้า เรือของตระกูลฟ่านที่ล่องผ่านก็จำเป็นต้องโปรยกระดาษพับสีเงินให้พวกเจ้าเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นของบรรณาการที่แสดงความเคารพให้กับการโปรยฝนของพวกเจ้า ไม่เคยขาดไปแม้แต่ครั้งเดียว…”
ดวงตาของเจียวเฒ่าเกล็ดสีทองตัวนี้ใหญ่เท่ากระด้งจริงๆ ในสายตาของมันเต็มไปด้วยความเย็นชา “กฎก็คือกฎ หากไม่รักษากฎ บนโลกจะมีร่องน้ำเจียวหลงแห่งนี้ได้อย่างไร?”
น้ากุ้ยยังคิดจะอธิบายอะไรต่อ แต่เจียวเฒ่าสีทองกลับยกกรงเล็บขึ้นตบลงไปบนน้ำหนักๆ ทันใดนั้นกระแสน้ำก็พลันปั่นป่วน ลมพัดกระโชกแรงพุ่งเข้าหาน้ากุ้ยที่ยืนอยู่ ข้างแก้มนางถูกคลื่นลมตบให้ปวดแสบปวดร้อน แต่นางกลับไม่ได้ขัดขวาง ยิ่งไม่ได้อาศัยวิชาอภินิหารขอบเขตเซียนพสุธาของตัวเองหลบหนีไป แค่แข็งใจแบกรับไฟโทสะของเจียวเฒ่าในครั้งนี้เท่านั้น
เจียวเฒ่าหัวเราะเสียงหยัน “มีคนจงใจวางแผนเล่นงานเกาะกุ้ยฮวาของเจ้า ข้าไม่ได้ตาบอด ย่อมต้องมองออกอยู่แล้ว แต่กฎก็คือกฎ เกาะกุ้ยฮวาของพวกเจ้าไม่รู้จักดูคนให้ออกเอง ถึงได้ปล่อยให้ผู้โดยสารที่นั่งเรือข้ามฟากใช้ข้องราชามังกรมาจับเจียวน้อยโดยพลการ ทำลายกฎเกณฑ์ระหว่างพวกเราทั้งสองฝ่าย กุ้ยฮูหยินเจ้าสามารถจากไปได้ แต่ทุกคนที่อยู่บนเรือข้ามฟากจะต้องตายอยู่ที่นี่”
น้ากุ้ยส่ายหน้า “ข้าไม่มีทางทอดทิ้งพวกเขา”
ดวงตาคู่นั้นของเจียวเฒ่าเต็มไปด้วยความเย้ยหยันที่เย็นชา และยังมีสายตาฉายประกายเร่าร้อนของคนตะกละที่เห็นอาหารรสเลิศ สายตาหนึ่งร้อนหนึ่งเย็นสลับกันผุดลอยขึ้นมา “ข้ารู้ ถึงได้พูดอย่างนี้ไงล่ะ กุ้ยฮูหยิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกครั้งที่เจ้าเคลื่อนผ่านเหนือหัวของข้าไป ข้าจำเป็นต้องรักษากฎเกณฑ์ตายตัวห่วยๆ พวกนั้นแต่โดยดี การอดใจไม่กินเจ้าจำเป็นต้องใช้ความเพียรพยายามมากแค่ไหน?”
สุดท้ายน้ากุ้ยถามว่า “พูดคุยกันไม่ได้แล้วจริงๆ รึ?”
เจียวเฒ่าค่อยๆ ขยับเรือนกายที่ใหญ่ยาวราวเทือกเขาช้าๆ หนวดสองข้างส่ายไหวอยู่ในน้ำทะเล ส่องประกายแสงระยิบระยับ มันชำเลืองตามองเรือลำน้อยที่อยู่ห่างจากด้านหลังสตรีแต่งงานแล้วไปไม่ไกลแวบหนึ่ง คนพายเรือของเรือลำนั้นตายอนาถไปนานแล้ว ผู้โดยสารบนเรือคือชายฉกรรจ์ท่าทางหลุกหลิก มองดูเหมือนขี้ขลาดหวาดกลัว คอยเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ตลอดเวลา ในมือถือข้องขนาดเล็กเหมือนกรงจับจิ้งหรีด วัสดุทำมาจากงาช้าง กะทัดรัดน่ารัก
เจียวน้อยวัยเยาว์ที่เดิมทียาวประมาณหกเจ็ดจั้ง พอถูกจับแล้วร่างก็หดเล็กอยู่ในข้องใบนั้นเหมือนปลาหนีชิว มันกำลังดิ้นรนพุ่งชนไปทั่วกรงขัง ส่งเสียงร้องโหยหวนไม่หยุด
ผู้เฒ่าที่พายเรือให้จินซู่กับเฉินผิงอัน ตอนนี้ได้ลุกขึ้นมายืนอยู่บนผิวน้ำข้างเรือลำเล็กของชายฉกรรจ์คนนั้นแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวการแห่งหายนะในครั้งนี้หนีรอดไปได้
ส่วนข้อที่ว่าทำไมผู้เฒ่าพายเรือที่ตัวตนแท้จริงคือขอบเขตโอสถซึ่งพักอาศัยอยู่บนเกาะกุ้ยฮวาตลอดเวลาถึงได้ไม่ลงมือแย่งชิงข้องราชามังกรมาอย่างเด็ดขาด เหตุผลนั้นมีอยู่สองข้อ รอบกายของชายฉกรรจ์หน้าตาอัปลักษณ์ท่าทางเจ้าเล่ห์มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตบินล้อมวนอย่างเชื่องช้า กระบี่ยาวหนึ่งฉื่อ สีดำเหมือนหมึกตลอดร่าง มีควันดำเหนียวข้นผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง ขอบเขตต่ำสุดก็น่าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ประตูมังกรท่านหนึ่ง อีกอย่างก็คือคนพายเรือเฒ่ากลัวว่าคนชั่วผู้นี้จะลงมืออำมหิต ทำลายข้องราชามังกรกับเจียวน้อยไปพร้อมกัน ถ้าอย่างนั้นทั้งเกาะกุ้ยฮวาแห่งนี้ก็คงต้องตายไปพร้อมไอ้หมอนี่จริงๆ แล้ว
คนพายเรือเฒ่าเอ่ยถามชายฉกรรจ์คนนั้นว่าทำไมต้องทำเรื่องที่ทำร้ายคนอื่นแล้วยังไม่ส่งผลดีกับตนเช่นนี้ด้วย ชายฉกรรจ์ที่เป็นตัวการของหายนะครั้งใหญ่แสยะยิ้ม เพียงแค่หันไปมองประเมินสถานการณ์รอบด้าน ไม่ได้ตอบคำถาม คนพายเรือเฒ่าถามหยั่งเชิงอีกหลายครั้ง พยายามจะอาศัยคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ของชายฉกรรจ์มาประติดประต่อกันหวังอนุมานถึงคนที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังคนผู้นี้ จะเป็นคุณชายสกุลเจียงที่ลงเรือไปกลางทาง? หรือว่าตระกูลติงของนครมังกรเฒ่าที่ไม่ถูกกับตระกูลฝูเหมือนน้ำกับไฟ? น่าเสียดายที่ชายฉกรรจ์แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ยอมพูดมากแม้แต่คำเดียวราวกับกลัวว่าดอกพิกุลจะร่วงจากปาก
ผู้เฒ่าคนพายเรือรู้สึกจนใจอย่างมาก ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไรเขาก็ต้องรอให้กุ้ยฮูหยินพูดคุยกับเจียวเฒ่าตนนั้นจนได้ผลลัพธ์เสียก่อน หากแน่ใจแล้วว่าเป็นเงื่อนตายอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่สังหารชายฉกรรจ์ตรงหน้าผู้นี้ พยายามช่วงชิงข้องราชามังกรมาให้ได้ก่อน ช่วยให้คนบนเกาะกุ้ยฮวาตายน้อยลงได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น! จะปล่อยให้กิจการพันปีของตระกูลฟ่านพังลงในวันนี้ พังลงในปากของเศษสวะเหลือเดนจากพวกนักโทษประหารยุคบรรพกาลพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
คนพายเรือเฒ่าทำจิตใจให้สงบ ไม่คาดหวังให้ชายฉกรรจ์ที่ไม่รู้ที่มาผู้นี้เปิดปากพูดอะไรอีก เพียงถามด้วยน้ำเสียงเฉยชา “เจ้าคิดว่าตัวเองจะหนีรอดไปได้งั้นหรือ? หนีไปจากใต้เปลือกตาของเจียวเฒ่าตัวนั้น? หนีไปจากร่องน้ำเจียวหลงแห่งนี้?”
ในที่สุดชายฉกรรจ์ที่หน้าตาไม่โดดเด่นก็แสยะปากยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นข้าจะลองดู?”
“ข้องเล็กใบนี้มีมูลค่าหลายเหรียญเงินฝนธัญพืช ยกให้เจ้าแล้ว! รับให้ดีล่ะ!” จู่ๆ ชายฉกรรจ์ก็โยนที่ระดับไม่สูงใบนั้นขึ้นสูง มีความเป็นไปได้ว่าข้องราชามังกรนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นต่ำที่ถูกผลิตขึ้นเป็นจำนวนมากเมื่ออาณาจักรสู่โบราณยึดครองกองกำลังบนภูเขาบางแห่งได้ เพียงแต่ว่าเมื่อกาลเวลาที่ยาวนานล่วงเลยผ่านไป ข้องราชามังกรถูกยึด เก็บรวบรวมและทำลายไปครั้งแล้วครั้งเล่า จำนวนจึงน้อยลงเรื่อยๆ จนแทบจะกลายมาเป็นของล้ำค่าหายากเทียบเคียงได้กับน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่
คนพายเรือวัยชราไม่ได้ยื่นมือไปรับข้องราชามังกรในทันที หลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองหลงกลแผนชั่วร้าย แต่บังคับปราณวิญญาณให้มันหยุดอยู่ตรงหน้า พอเพ่งสายตามองไปเขาพลันเดือดดาลอย่างหนัก ที่แท้ไม่รู้ว่าชายฉกรรจ์ผู้นั้นแอบใช้วิธีอะไร เจียวน้อยในข้องถึงมีท่าทางใกล้ตาย เนื้อเละเลือดไหลโซม เส้นเอ็นและกระดูกล้วนโผล่ออกมาให้เห็น หายใจรวยรินเต็มที
ส่วนชายฉกรรจ์คนนั้นก็หัวเราะเสียงดัง กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตกลายมาเป็นควันดำโอบล้อมไปรอบกาย คีบยันต์สีทองใบหนึ่งไว้ระหว่างนิ้วสองข้าง “เดี๋ยววันหน้าจะซื้อสุราคารวะไปให้ที่หน้าหลุมศพของพวกเจ้า ฮ่าๆ น่าเสียดายก็แต่บนโลกนี้จะไม่มีเหล้าหมักกุ้ยฮวาแล้ว…”
ยันต์ส่องแสงสีทองวูบหนึ่ง ชายฉกรรจ์ก็หายวับไปจากเรือลำเล็กในเสี้ยววินาที
เจียวเฒ่าที่เกล็ดสีทองส่องแสงอร่ามสะบัดหัวหนึ่งที หนวดเส้นหนึ่งก็เหมือนแส้ยาวที่ฟาดโบยลงไปในน้ำทะเล ทั้งๆ ที่หนวดข้างนั้นโบยลงบนความว่างเปล่าใกล้กับร่างของตัวมันเอง
ทว่านาทีถัดมา ร่างหนึ่งหรือจะพูดให้ถูกคือร่างหนึ่งที่ถูกแบ่งออกเป็นสองท่อนก็ร่วงลงมาจากก้อนเมฆเหนือร่องน้ำเจียวหลง ก็คือร่างของชายผู้ฝึกกระบี่ที่อาศัยยันต์หลบหนีไปจากร่องน้ำเจียวหลงผู้นั้น ต่อให้ยันต์แผ่นนั้นจะเป็นยันต์ฟางชุ่นที่มีมูลค่าควรเมือง อีกทั้งยังหาได้ยาก อยู่ในระดับที่หนึ่งของยันต์ฟางชุ่นในโลก สามารถหลบหนีไปไกลร้อยลี้ได้ในชั่วพริบตา ขนาดคนที่มอบยันต์แผ่นนี้ให้ก็ยังพูดยืนยันหนักแน่นว่า พวกสัตว์เดรัจฉานในร่องน้ำเจียวหลงแห่งนี้จะไม่มีใครสามารถขัดขวางยันต์แผ่นนี้ได้เด็ดขาด ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ชายผู้ฝึกกระบี่คนนี้คิดว่าตัวเองคำนวณมาอย่างดีไร้ช่องโหว่แล้ว โยนข้องราชามังกรออกไป เจียวน้อยจะตายมิตายแหล่ เกาะกุ้ยฮวากับร่องน้ำเจียวหลงเป็นเหมือนฐานทัพสองแห่งที่ตั้งประจันหน้ากัน กุ้ยฮูหยินช่วยดึงความสนใจมาจากเจียวเฒ่าตัวนั้น บวกกับยันต์ฟางชุ่นสีทองแผ่นนี้ที่สามารถช่วยให้หลบพ้นหนึ่งกระบี่จากเซียนกระบี่พสุธาได้ เขาอาศัยโอกาสนี้หนีออกจากสนามรบก็เหมาะแล้วไม่ใช่หรือ?
เจียวเฒ่าใช้หนวดฟาดเข้าที่อากาศว่างเปล่าอีกครั้ง เสียงทึบอื้ออึงเหมือนเสียงสายฟ้าระเบิดในฤดูใบไม้ผลิก็ดังขึ้นกลางมหาสมุทรเป็นระลอก
ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตโอสถที่ถูกฟันร่างขาดครึ่งท่อน โอสถทองแห่งชะตาชีวิตเม็ดหนึ่งแหลกสลายกลายเป็นผุยผงอยู่กลางอากาศ สะเก็ดแสงสีทองกอบใหญ่ร่วงกราวลงมาบนน้ำทะเลที่ใสกระจ่างของร่องน้ำเจียวหลง โอสถทองที่แตกเป็นเศษเสี้ยวค่อยๆ ร่วงลงมาพร้อมกับร่างกายสองท่อน ดึงดูดให้พวกเผ่าพันธ์เจียวหลงจำนวนนับไม่ถ้วนพากันกระโดดขึ้นสู่ผิวน้ำ แย่งชิงอาหารกันเหมือนหมาป่าหิวโหยจนคลื่นน้ำถาโถมอย่างรุนแรง
ผู้ฝึกกระบี่ตายตาไม่หลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!