เด็กหนุ่มสวมชุดคลุมยาวสีเหลืองสว่าง มองปราดๆ ไม่สะดุดตานักเพราะถูกยอดฝีมือร่ายเวทอำพรางตาเอาไว้เหมือนน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ของเฉินผิงอัน หากมีคนสามารถทำลายเวทอาคมแล้วเพ่งมองอย่างละเอียดจะค้นพบความลับที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ชุดยาวตัวนี้ไม่ใช่ผ้าต่วนหรือผ้าไหมอะไร แต่เป็นชุดที่นำแผ่นไม้ไผ่ที่สีออกเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนมาสานเข้าด้วยกันอย่างงดงาม ฝีมือประณีตเหนือธรรมชาติ แผ่นไม้ไผ่บอบบางแต่กลับยืดหยุ่นทนทาน เอามาห่มกายเป็นเสื้อผ้า ฤดูหนาวอบอุ่นฤดูร้อนเย็นสบาย ไม่ถือว่าแปลกประหลาดอะไร แต่การที่มันทำให้ผู้สวมรู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลตลอดเวลา ช่วยเสริมสร้างการฝึกตน นี่ต่างหากที่เป็นเงินทุนก้อนใหญ่ของตระกูลเซียนอย่างแท้จริง
เสื้อชุดนี้มีชื่อว่า ‘ชิงเหลียง’ (เย็นสบาย) คือชุดคลุมอาคมที่มีชื่อเสียงชุดหนึ่งซึ่งมาจากภูเขาชิงเสินถ้ำสวรรค์จู๋ไห่ เคยเป็นของรักของกษัตริย์ราชวงศ์ใหญ่แห่งหนึ่งในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เมื่อราชวงศ์ล่มสลาย เสื้อวิเศษตัวนี้ก็หายสาบสูญไปเป็นเวลานาน คิดไม่ถึงว่าจะมาอยู่บนร่างของเด็กหนุ่มผู้นี้
เด็กหนุ่มพูดภาษาแจกันสมบัติทวีปที่สำเนียงผิดเพี้ยนฟังยาก “ท่านย่าหลิ่ว ขนาดยันต์ฟางชุ่นร้อยลี้ของผู้ฝึกกระบี่โอสถทองคนนั้นยังใช้ไม่ได้ ยันต์พันลี้ที่อยู่ในมือข้าก็ไม่ต่างกันใช่ไหม?”
หญิงชราถอนหายใจ “อันที่จริงตบะของเจียวเฒ่าตัวนั้นไม่ได้น่าตกตะลึงสักเท่าไหร่ แค่ขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสูงสุดเท่านั้น เพียงแต่ว่ามียอดฝีมือให้ความช่วยเหลือ สร้างร่องน้ำแห่งนี้ให้กลายมาเป็นเหมือนฟ้าดินขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ตัวมันจึงกลายมาเป็นดั่งอริยะ เมื่อบัญชาการณ์อยู่ที่นี่ พลังการต่อสู้จึงเทียบเท่าได้กับผู้ฝึกลมปราณขอบเขตหยกดิบ ได้เปรียบทั้งด้านชัยภูมิและกำลังคน”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “งั้นพวกเราจะทำยังไงกันดี?”
หญิงชราพูดยิ้มๆ “นายน้อยไม่ต้องเป็นกังวล ต่อให้ต้องสู้จนตัวตาย ข้าก็ต้องส่งนายน้อยให้ออกไปจากร่องน้ำเจียวหลงแห่งนี้ให้จงได้ แต่หลังจบเรื่องแล้ว นายน้อยโปรดจำไว้ว่าต้องย้อนกลับไปทางเดิม ไปยังหอหลากสีริมหน้าผาที่โยนลูกบอลปักลายลูกนั้นลงมา บอกชื่อแซ่กับพวกเขา รับรองว่าพวกเขาไม่กล้าเพิกเฉยท่านแน่ ถึงเวลานั้นนายน้อยก็จะสามารถกลับไปยังธวัลทวีปได้อย่างราบรื่น เล่าเรื่องนี้ให้บุรพาจารย์ฟัง ถึงตอนนั้นทัณฑ์สวรรค์ที่หล่นลงมาจากฟ้าย่อมทำลายสถานที่แห่งนี้ให้ราบเป็นหน้ากลอง ช่วยแก้แค้นให้กับยายแก่อย่างข้าเอง”
เด็กหนุ่มบ่น “ท่านยายหลิ่ว ความเป็นความตายเป็นเรื่องใหญ่ เหตุใดท่านถึงได้พูดง่ายขนาดนี้ ข้าไม่ต้องการให้ท่านมาตายอยู่ที่นี่ พวกเรายังต้องกลับบ้านด้วยกัน”
สีหน้าของหญิงชรายังคงผ่อนคลายเช่นเดิม นางหันมามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาเมตตา ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “นี่ก็เป็นคำพูดด้วยความจำใจ ถึงอย่างไรก็ไม่ควรทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ร้องไห้ด้วยความกังวลต่อหน้านายน้อยกระมัง อายุมากขนาดนี้แล้ว ไม่ควรทำแบบนั้นจริงๆ”
หญิงชรานึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงมองไปยังแหวนหยกบนนิ้วของเด็กหนุ่มแล้วพูดเบาๆ ว่า “นายน้อย นี่คือวัตถุจื่อฉื่อที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ต้องเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี อย่าเอาทรัพย์สมบัติที่อยู่ด้านในมาโอ้อวดให้คนอื่นดูง่ายๆ ยามออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก อย่าพยายามหยั่งเชิงใจคน เพราะใจคนเป็นสิ่งที่ทนรับการเคาะตีไม่ได้มากที่สุด”
กล่าวมาถึงตรงนี้ บนใบหน้าแก่ชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของหญิงชราค่อนข้างจะเลื่อนลอย ถึงอย่างไรหญิงชราทุกคนในใต้หล้านี้ก็เคยผ่านการเป็นเด็กสาวมาก่อน
เด็กหนุ่มสวมชุดไม้ไผ่ยื่นมือชี้ไปยังเรือน้อยลำหนึ่ง “ท่านยายหลิ่ว ท่านดูเด็กหนุ่มแบกไม้พายไม้ไผ่คนนั้นสิ เขาน่าจะอายุพอๆ กับข้ากระมัง แต่เขาร้ายกาจจริงๆ กล้าหาญ เท่ห์มาก! แข็งแกร่งกว่าข้าเยอะเลย เดี๋ยววันหน้าข้าต้องหาจิตรกรฝีมือยอดเยี่ยมคนหนึ่งมาช่วยวาดภาพนี้เก็บไว้ให้ข้า”
หญิงชราส่ายหน้าพลางพูดยิ้มๆ “อย่าได้เลียนแบบการทำอะไรโดยใช้อารมณ์แบบเด็กหนุ่มคนนั้นเด็ดขาดเชียว นายน้อยท่านไม่ใช่แค่ลูกหลานตระกูลเศรษฐีร่ำรวยธรรมดาทั่วไป หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับท่านในระหว่างแถบพื้นที่ของแจกันสมบัติทวีปกับนาตยทวีปเข้าจริงๆ นั่นแหละคือปัญหาใหญ่เทียมฟ้า”
เด็กหนุ่มกล่าวอย่างจนใจ “ท่านยายหลิ่ว ข้าผ่านการฝึกประสบการณ์มาหลายครั้งแล้ว อย่ามองข้าเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลาสิ”
หญิงชราเพียงยิ้มรับ ไม่ตอบโต้
การฝึกประสบการณ์ทั้งหลายที่มองดูเหมือนเต็มไปด้วยภยันตรายรอบด้าน มีครั้งไหนบ้างที่ไม่มีบุรพาจารย์คนใดคนหนึ่งคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา
อันที่จริงการออกเดินทางไกลครั้งนี้ จากธวัลทวีปไปยังกุรุทวีป จากนั้นค่อยลงใต้มายังแจกันสมบัติทวีป สำนักโองการเทพ สำนักศึกษากวานหู ตระกูลเจียงอวิ๋นหลิน สุดท้ายมาถึงนครมังกรเฒ่า แล้วก็ลงใต้ต่ออีกครั้ง ขึ้นบกที่ใบถงทวีป จะสำนักใบถงที่อยู่ทางเหนือหรือสำนักกุยหยกที่อยู่ทางใต้ก็ล้วนแวะไปเยี่ยมเยียนมาหมดแล้ว อีกนิดเดียวนายน้อยก็เกือบจะได้เข้าไปยังพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาแห่งนั้น ตลอดทางที่ผ่านมาไร้ลมไร้ฝน แต่มีข้อหนึ่งที่หญิงชราไม่เข้าใจมาโดยตลอด ทำไมถึงมีแค่ตนคนเดียวที่รับหน้าที่เป็นข้ารับใช้ติดตามอยู่ข้างกายนายน้อย? นี่จะประมาทเกินไปหน่อยหรือเปล่า? ผู้ฝึกลมปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง ขอบเขตไม่ถือว่าต่ำ แต่สถานะของนายน้อยสูงส่งถึงเพียงไหน?
ก็เหมือนกับอันตรายที่พบเจอในร่องน้ำเจียวหลงครั้งนี้ หากเปลี่ยนมาเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบที่ได้อยู่ข้างกายนายน้อย นายน้อยไม่ต้องขมวดคิ้วด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องตกอกตกใจ แค่รอดูไฟชายฝั่งอย่างเดียวก็พอ
……
นอกห้องพักธรรมดาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กึ่งกลางภูเขาของเกาะกุ้ยฮวามีศาลาลมขนาดเล็กอยู่หนึ่งหลัง หญิงสาวหน้าตางดงามปานดวงจันทร์นั่งอยู่ในศาลา นางสวมเสื้อตัวสั้น กระโปรงยาว ตรงเอวรัดแถบผ้าหลากสี เมื่อเผชิญหน้ากับหายนะที่พุ่งมาหาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยครั้งนี้ แม้ว่าใบหน้าของนางจะเต็มไปด้วยความเดือดดาล ไฟโทสะที่มีต่อตระกูลฟ่านนครมังกรเฒ่าอัดแน่นอยู่เต็มท้อง แต่กระนั้นนางก็ยังอดทนข่มกลั้นเอาไว้ ยังมีอารมณ์มาต้มชา ดื่มชา เสร็จแล้วจึงเก็บอุปกรณ์ชงชาทีละชิ้น จากนั้นค่อยคิดหาวิธีรับมือ แต่พอเห็นภาพการตายอนาถของผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตโอสถทองคนนั้น นางก็หมดอาลัยตายอยาก รู้แล้วว่ามีความเป็นไปได้เกินครึ่งที่จะต้องตาย
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม ใช้นิ้วเคาะเบาๆ ลงบนผิวโต๊ะ พึมพำกับตัวเองว่า “ไม่มีเหตุผลเลยที่จะดวงซวยขนาดนี้ ตอนอยู่นครมังกรเฒ่ายังพยากรณ์ให้ตัวเองไปรอบหนึ่ง ถึงได้ไม่เลือกเต่าทะเลภูเขา มาเลือกเกาะกุ้ยฮวาแทน ตามหลักแล้วไม่น่าจะผิดได้ แล้วก็ควรจะงมเจอโชควาสนาครั้งสองครั้งถึงจะถูก จะมาตายก่อนวัยอันควรได้อย่างไร?”
เด็กสาวลุกขึ้นยืน ดีดปลายเท้าทะยานตัวขึ้นไปบนหลังคาศาลา มองลงมาจากมุมสูงการมองเห็นจึงเปิดกว้าง นางกลืนน้ำลาย เปลี่ยนจากท่ายืนมานั่งยอง เริ่มนับนิ้วพยากรณ์ “หรือว่ามียอดฝีมือแฝงตัวอยู่ ไม่ก็คนที่จะมาคลี่คลายสถานการณ์ยังไม่ปรากฏตัว? สรุปคือต้องไม่ใช่ทางตายถึงจะถูก ไม่มีทางที่จะ…ขอให้ข้าคำนวณเจ้าดูหน่อย สตรีแต่งงานแล้วที่สามารถคุมเชิงอยู่กับเจียวเฒ่าสีทอง โอ้โห ที่แท้เจ้าก็คือเกาะกุ้ยฮวาเองหรือ แปลกจริง คนที่จะคลี่คลายสถานการณ์กลับยังไม่ใช่เจ้า…”
“มาดูคนพายเรือแจวที่อำพรางตัวลึกล้ำผู้นี้บ้าง เอ๊ะ? คือผู้ฝึกลมปราณที่ถอยจากก่อกำเนิดกลับมายังโอสถทอง? ตอนนี้อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี ไม่เสียแรงที่เป็นคนพายเรือเฒ่าผู้มีเรื่องราว แต่เจ้าก็ยังไม่ใช่คนคลี่คลายสถานการณ์อยู่ดี…”
“ส่วนเด็กหนุ่มที่เป็นดั่งลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวพยัคฆ์คนนี้ก็ช่างเถอะ แบกไม้พายยังพอว่า จุ๊ๆ ยังดื่มเหล้าด้วย? ชอบโอ้อวดเกินไปแล้ว นึกว่าตัวเองเป็นเซียนกระบี่ห้าขอบเขตบนจริงๆ หรือไง โง่เง่าชะมัด…ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หรือว่ากุญแจสำคัญที่จะคลี่คลายสถานการณ์จะอยู่บนภูเขา มีเทพเซียนบางคนกำลังมองดูอยู่เฉยๆ? รอให้เจียวเฒ่าตัวนั้นคลายความระแวงลงแล้วค่อยจู่โจมจนถึงชีวิต? ไหนขอข้าคำนวณดูหน่อยสิ มียอดฝีมือนอกโลกที่จงใจอำพรางลมปราณของตัวเองอยู่จริงๆ ด้วย น่าเสียดายก็แต่…ยังคงไม่ใช่เขา!”
หญิงสาวยกสองมือเกาหัว สองข้างแก้มแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่านางร้อนรนกระวนกระวายเต็มที ปิ่นมุกที่ปักอยู่บนมวยผมเอียงกะเท่เร่ เส้นผมดำขลับยุ่งเหยิง
“อย่าลนลานๆ อาจารย์เคยบอกว่าไม่ว่าสถานการณ์ใหญ่แบบใดในใต้หล้า มักจะซุกซ่อนคำว่า ‘หนึ่ง’ ที่แปรเปลี่ยนหมื่นสรรพสิ่งเสมอ ต่อให้เป็นมรรคาจารย์เต๋าท่านนั้นก็แสวงหาคำนี้อยู่ตลอดเวลา มังกรที่แท้จริงตัวนั้นเป็นเช่นนี้ ความลี้ลับที่แท้จริงในถ้ำสวรรค์หลีจูก็เป็นเช่นเดียวกัน กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ยังเป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นเช่นนี้กันทั้งหมด…”
ในขณะที่หญิงสาวคนนี้กำลังเหม่อลอย จินซู่แม่นางกุ้ยฮวาแห่งเรือนเล็กกุยม่ายก็กำลังสาวเท้าเดินไปเดินมา เดินหนึ่งก้าวหันกลับมามองสามรอบ หันมองกลับไป นางเห็นว่าอาจารย์ของตัวเองกำลังคุมเชิงอยู่กับเจียวเฒ่าสีทอง เห็นคนพายเรือเฒ่าที่มีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตโอสถทองของเกาะกุ้ยฮวา แน่นอนว่ายังเห็นเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่ขึ้นเรือแจวไปสร้างปัญหาเพิ่มคนนั้นด้วย จินซู่รู้ว่าตัวเองไม่ควรกล่าวโทษเด็กหนุ่มที่ออกหน้าหวังให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่รู้ทำไม ไฟโทสะที่นางมีต่อเด็กหนุ่มคนนี้ถึงได้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเหตุให้รู้สึกว่าต้องโยนหายนะทั้งหมดที่ได้เผชิญในวันนี้ให้เป็นความผิดของไอ้หมอนั่น ในใจนางถึงจะได้รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
จินซู่ไม่อยากคิดมาก แล้วก็ยิ่งไม่อยากยอมรับว่าการที่นางอับอายจนกลายเป็นความโกรธนี้ ไม่ใช่เพราะว่าแขกต่างถิ่นที่ชื่อว่าเฉินผิงอันคนนั้นทำถูกหรือผิด แต่เป็นเพราะ ‘การดึงดันจะทำตามใจตัวเอง’ ของเขายิ่งขับดันให้เห็นถึงความขี้ขลาดอ่อนแอของนาง แม้แต่ความกล้าที่จะหยัดยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับอาจารย์ นางก็ยังไม่มี
ระหว่างเส้นความเป็นความตาย บางคนรักตัวกลัวตาย วิเคราะห์และประเมินการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เพื่อหลบลี้หนีภัย บางคนสละชีวิตเพื่อรักษาคุณธรรม กล้าเผชิญหน้ากับความยากลำบาก หวังรอดพ้นจากความตาย
สำหรับคนหนุ่มสาวที่เพิ่งจะเริ่มก้าวเดินไปบนเส้นทางของความเป็นอมตะ คนหนึ่งอาจไม่ผิดเสมอไป และคนหนึ่งอาจไม่ถูกเสมอไป
บนท้องทะเลนอกเกาะกุ้ยฮวา เรือแจวลำเล็กสองลำจอดเคียงกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!