มีเพียงตรงตำแหน่งที่เจียวเฒ่าสีทองขดตัวอยู่ที่สงบนิ่งเป็นพิเศษ
คนพายเรือเฒ่าโยนข้องราชามังกรไว้ข้างเท้า ความเป็นความตายของเจียวน้อยตัวหนึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ใหญ่แล้ว ผู้เฒ่าชำเลืองตามองเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่อยู่ด้านหลังตัวเอง ทั้งร่างของเขาเหมือนถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่าง หนึ่งคนหนึ่งพู่กันหนึ่งกระดาษยันต์ผสานรวมกันเป็นหนึ่ง ราวกับกลายมาเป็นฟ้าดินขนาดเล็กที่สูงหมื่นจั้งแห่งหนึ่ง
ผู้เฒ่าเอ่ยชื่นชมอยู่ในใจหนึ่งคำรบ เจ้าหนุ่มน้อยมีกลิ่นอายของความยิ่งใหญ่จริงๆ แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับขอบเขตสูงต่ำ หรือตบะตื้นลึกสักเท่าไหร่ แต่ผู้เฒ่ายอมรับเลยว่าตอนที่ตนยังเป็นหนุ่มไม่เคยมีบุคลิกท่าทางเช่นนี้
เพียงไม่นานผู้เฒ่าก็ถอนสายตากลับ พูดขึ้นเบาๆ ว่า “กุ้ยฮูหยิน เกาะกุ้ยฮวาตกอยู่ในอันตราย เฉินผิงอันกับยันต์แผ่นนี้มอบให้ข้าเป็นคนปกป้องชั่วคราวเถอะ กุ้ยฮูหยินไปพิทักษ์เกาะกุ้ยฮวาได้เลย บอกให้หม่าจื้อและพวกผู้ดูแลทั้งหลายไปแจ้งให้ผู้โดยสารทุกคนบนภูเขารู้ถึงผลดีผลเสีย อย่าได้อำพรางตบะกันอยู่อีกเลย บุญคุณความแค้นส่วนตัวทั้งหมด รวมไปถึงค่าตอบแทนและค่าชดเชยทั้งหลาย รอให้เกาะกุ้ยฮวาพ้นหายนะครั้งนี้ไปได้ก่อนค่อยว่ากัน”
“เจียวเฒ่าลงมือครั้งนี้ประหลาดมาก อีกอย่างดูจากวิธีที่มันใช้ฆ่าผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตโอสถทองคนนั้น หากมันไม่ได้เลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนแล้ว ก็ต้องมีคนแอบวางค่ายกลไว้ในร่องน้ำเจียวหลง เปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายมาเป็นเหมือนสถานศึกษาสำนักศึกษาของลัทธิขงจื๊อ ไม่แน่ว่าอาจมียอดฝีมือของสำนักนอกรีตบางคนหมายตาสถานที่แห่งนี้ ถึงได้มอบความมั่นใจให้แก่เจียวเฒ่าในการงัดข้อกับอริยะลัทธิขงจื๊อของนาตยทวีป แต่ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตหยกดิบหรืออริยะจำลอง หากมันลงมืออย่างเต็มกำลัง ไม่มีข้าอยู่ด้วย เจ้ารับมือคนเดียวย่อมลำบากมาก”
กุ้ยฮูหยินรู้สึกลังเลเล็กน้อย นางไม่ได้รีบร้อนกลับไปที่เกาะกุ้ยฮวา ถึงขั้นยังจงใจชะลอความเร็ว ระหว่างนี้ก็ชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียไปด้วย ท่ามกลางเส้นทางการฝึกตนที่ยาวนาน กุ้ยฮูหยินรู้ดีว่าเมื่ออยู่ท่ามกลางภาวะยากลำบากที่หันมองไปทางใดก็ล้วนเลือนรางเช่นนี้ ทำสิบเรื่องร้อยเรื่อง ไม่สู้ทำเรื่องที่ถูกต้องเพียงเรื่องเดียว
น้ำทะเลสามทิศเหมือนน้ำที่ทำนบพังทลายโจมตีกระแทกใส่เรือข้ามฟากที่อยู่ ‘ก้นถ้วย’
บนเกาะกุ้ยฮวา นอกจากต้นกุ้ยบรรพบุรุษที่อยู่บนยอดเขาแล้ว ต้นกุ้ยที่เหลืออีกพันกว่าต้นล้วนใบร่วงระนาว ใบไม้ที่ร่วงยังไม่ทันตกสู่พื้นก็พร้อมใจกันบินขึ้นกลางอากาศอย่างเป็นระเบียบ หลังจากที่ใบกุ้ยทยอยกันหยุดอยู่กลางอากาศแล้วก็ก่อตัวเป็นรูปครึ่งวงกลม ปกคลุมเกาะกุ้ยฮวาไว้ภายใน จากนั้นใบกุ้ยทั้งกลายก็กลายเป็นเถ้าถ่านในเสี้ยววินาที แหลกสลายหายไป เหลือไว้เพียงปราณวิญญาณสีเขียวมรกตกลุ่มหนึ่งที่ยังอยู่ที่เดิม ก่อตัวเป็นลูกกลมขนาดใหญ่เล็กจำนวนมาก ระหว่างลูกวิญญาณใบกุ้ยที่ลักษณะเหมือนเกาลัดป่าเหล่านี้มีเส้นใยสีเขียวเข้มหลายเส้นพุ่งออกไปรอบทิศเพื่อชักดึงเชื่อมโยงกันและกัน
น้ำทะเลโถมกระหน่ำรุนแรง เรือข้ามฟากเหมือนกลายมาเป็นเรือแจวลำน้อย ปราณวิญญาณที่ซุกซ่อนอยู่ในใบกุ้ยถักทอเข้าหากัน เหมือนตาข่ายขนาดใหญ่ที่คนพายเรือเหวี่ยงออกไปเต็มแรง เพียงแต่ว่าการ ‘หว่านแห’ ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อจับปลา แต่เพื่อกันฝน
เมื่อน้ำทะเลกระแทกลงบนตาข่ายใหญ่ ลูกคลื่นก็ซัดกระเพื่อม แต่กลับไม่มีน้ำสักหยดเล็ดรอดตาข่ายเข้ามาในเกาะกุ้ยฮวาได้ และเรือข้ามฟากก็แค่โคลงเคลงเล็กน้อย อีกทั้งเมื่อต้นกุ้ยบรรพบุรุษแสดงท่วงท่ามหัศจรรย์ด้วยการแผ่กิ่งก้านให้เจริญเติบโตไปอย่างรวดเร็ว พื้นดินบนยอดเขาปริแตก ร่องลึกจำนวนมากปรากฏขึ้น เผยให้เห็นรากของต้นกุ้ยโบราณที่ขดรัดพันกันอยู่ ตลอดทั้งเกาะกุ้ยฮวาก็ค่อยๆ ลอยขึ้นสูง ราวกับว่าจะต้านทานการโจมตีจากน้ำทะเล ทะยานลมขึ้นไปกลางอากาศ หนีไปจากร่องน้ำเจียวหลงแห่งนี้
ฉิวน้ำ (มังกรตัวเล็กที่มีเขาในตำนาน) จำนวนมากที่มีเขางอกออกจากหน้าผากบุกโจมตีดุดันมากที่สุด แต่ละตัวเกาะติดอยู่บนตาข่ายใหญ่ ใช้กรงเล็บฉีกกระชากค่ายกลใบกุ้ย บ้างก็ใช้เขางัดแทง
ฉิวน้ำประเภทนี้ถือเป็นสมาชิกผู้สูงศักดิ์ที่มีอำนาจในบรรดาเผ่าพันธุ์เจียวหลง มีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิดกับมังกรแท้จริงที่ควบคุมห้าทะเลสาบสี่มหาสมุทรในยุคโบราณ เมื่อเทียบกับพวกงูและปลาหลีแล้วก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เพียงแต่ว่าเมื่อมีคำว่าน้ำเพิ่มขึ้นมา จะด้อยกว่าฉิวที่มีคำเรียกคำเดียวและถือเป็นเชื้อพระวงศ์สมชื่อไปหนึ่งระดับ ฉิวน้ำเป็นเผ่าพันธ์ที่เกิดจากการผสมพันธ์กันระหว่างต้าฉิวในยุคบรรพกาลกับงูเขียวในทะเล เป็นเหตุให้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าฉิวเขียว พวกมันกับฉิวขาวที่ชอบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางภูเขาใหญ่ หนึ่งอยู่ในทะเลลึกหนึ่งอยู่บนบก มักจะปรากฏตัวอยู่ในบทความของนักประพันธ์ และยิ่งเป็นแขกประจำของบทกวีเซียนท่องเที่ยว
ทายาทของเจียวหลงอีกจำนวนมากตามหลังมาติดๆ แต่ละตัวบุกโจมตีตาข่ายใหญ่อย่างดุร้าย อีกทั้งยังร่ายใช้เวทอภินิหารวิชาน้ำที่เป็นพรสวรรค์มาตั้งแต่เกิด แต่ละตัวห่อหุ้มน้ำทะเลหนักนับหมื่นชั่งให้กระแทกลงบนตาข่ายใหญ่
พอเห็นภาพเหตุการณ์นี้ คนพายเรือเฒ่าก็รู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้ง นี่คือตบะเซียนพสุธาที่กุ้ยฮูหยินรวบรวมมาอย่างยากลำบาก นางปล่อยให้พลังต้นกำเนิดที่เป็นรากฐานของร่างจริงถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วงชิงโอกาสรอดชีวิตให้กับทุกคน
ต้องถ่วงเวลารอจนกว่าหม่าจื้อจะสื่อสารกับแขกทุกคนบนเรือเสร็จสิ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่ามวลชนจะสมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันข้ามผ่านหายนะครั้งนี้ไปได้หรือไม่
ในขณะที่เฉินผิงอันพยายามสุดกำลังเพื่อเขียนยันต์ตัดโซ่แผ่นนั้น เจียวเฒ่าสีทองที่นอกจากจะออกคำสั่งให้เผ่าพันธ์ในร่องน้ำเจียวหลงลงมือโจมตีเกาะกุ้ยฮวาแล้ว ตัวมันกลับไม่มีท่าทีว่าจะลงมือ เพียงแค่ทำท่าครุ่นคิด ส่ายร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีทองยาวร้อยจั้งแหวกว่ายไปตามริมขอบของมหาสมุทรที่น้ำใสกระจ่าง สุดท้ายกลายร่างเป็นผู้เฒ่ามากบารมีคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีทองเดินออกมาจากริ้วน้ำที่แผ่กระเพื่อม คิ้วของเขายาวมากจนห้อยย้อยลงมาตรงหน้าอก เขาเดินอยู่กลางอากาศว่างเปล่า ผู้เฒ่าที่จำแลงมาจากเจียวเฒ่าคนนี้ไม่ได้สนใจกุ้ยฮูหยินที่ต้องแบ่งสมาธิไปควบคุมเกาะกุ้ยฮวา แม้แต่ความเป็นความตายของเจียวน้อยตัวนั้น ผู้เฒ่าก็ยังไม่แยแส เขาเหมือนนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่กำลังเดินลงจากเนินเขามาช้าๆ หลุบตามองต่ำมาจากจุดสูง มองไปยังเรือเล็กสองลำและคนสามคนที่อยู่ตรงตีนเขา
เจียวเฒ่ามองไปยังแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม ฝีเท้าไม่ได้หยุดชะงัก เขาพูดพร้อมยิ้มบางๆ “เจ้าหนู การที่เจ้าเล่นตุกติกกับไม้พายตีมังกร เขียนยันต์ตัดโซ่ลงไปโดยพลการ ข้าแค่มองว่าเจ้ายังเด็กไม่รู้ความ ปล่อยให้เจ้าแอบซ่อนกระบี่บินสองเล่มเอาไว้ แต่หากยังได้คืบจะเอาศอก…”
คนพายเรือเฒ่าบังคับเรือเล็กใต้ฝ่าเท้ามาขวางให้เฉินผิงอันกับเรือเล็กอยู่ด้านหลัง แหงนหน้ามองเดรัจฉานเฒ่าที่เปลี่ยนสันดานในฉับพลันแล้วหลุดหัวเราะพรืด “ได้คืบจะเอาศอก แล้วจะทำไม? หรือว่าจะให้ยื่นคอรอเจ้าฆ่าตายด้วยวิธีที่สบายกว่าเดิม? ต้องขอร้องเดรัจฉานอย่างพวกเจ้าว่าเวลาเขมือบพวกเราอย่าเคี้ยวละเอียดเกินไปนัก?”
เจียวเฒ่าชำเลืองตามองผู้เฒ่าพายเรือแล้วยิ้มพูดว่า “พวกเจ้าทำผิดกฎล้วนต้องตายอยู่แล้ว ส่วนจะตายอย่างไร อันที่จริงไม่สำคัญเท่าใดนัก หรือเจ้าลืมไปแล้วว่า หากหลังจากตายไปวิญญาณของพวกเจ้าถูกข้าค่อยๆ ดึงออกมาทำเป็นไส้เทียนสักหลายสิบแท่ง พอนำไปจุดไฟ เอาไปวางไว้ในจุดลึกของร่องน้ำเจียวหลง พวกเจ้าก็ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากความหนาวเย็น ความทรมานนี้รุนแรงกว่าถูกห้าม้าแยกร่าง ถูกแร่เนื้อเถือหนังเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นในลานลงทัณฑ์ของโลกมนุษย์เสียอีก โดยเฉพาะผู้ฝึกตนขอบเขตโอสถทองอย่างพวกเจ้าที่ตบะยิ่งสูงเท่าไหร่ ระดับของเทียนหอมก็ยิ่งสูงเท่านั้น…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ ผู้เฒ่าที่สวมชุดสีทองก็ถอนหายใจ หยุดเดิน เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งใช้สองนิ้วลูบคิ้วยาวสีทองที่ยาวย้อยมาถึงหน้าอก กล่าวอย่างระอาใจว่า “ไอ้หนู ข้ากับคนพายเรือของตระกูลฟ่านช่วยถ่วงเวลาให้เจ้ามานานขนาดนี้ แค่ยันต์ตัดโซ่ที่เป็นคำสั่งของเทพพิรุณแผ่นเดียวเท่านั้น ยังวาดไม่เสร็จอีกหรือ? ตอนนี้ลูกศิษย์สำนักมหายันต์ของลัทธิเต๋าไม่ได้เรื่องถึงขนาดนี้เชียว? หรือว่าเป็นเจ้าที่ยังไม่เชี่ยวชาญมากพอ ความสามารถในการวาดยันต์ห่วยแตก? หรือเป็นเพราะศักยภาพของยันต์ชิ้นนี้สูงเกินไป กระดาษยันต์ล้ำค่าเกินไป ทำให้ตอนวาดยันต์เจ้าเลยเขียนได้ไม่…รื่นไหล? ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ลิ้มรสชาติของยันต์ตัดโซ่มาหลายปีแล้ว คิดถึงมันไม่น้อย ดังนั้นเวลาแค่นี้ ข้ารอไหว เด็กหนุ่มเจ้าค่อยๆ วาดไป ไม่ต้องรีบร้อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!