กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 279

กระบี่จงมา – บทที่ 279.2 วรยุทธ์ไร้ที่สอง หมัดสูงเหนือนอกฟ้า
บทที่ 279.2 วรยุทธ์ไร้ที่สอง หมัดสูงเหนือนอกฟ้า
โดย
ProjectZyphon
หนิงเหยาหันหน้ากลับไป ไม่ได้มองเฉินผิงอันอีก นางกอดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไว้ในอ้อมอก มองไปยังสนามรบหมื่นปีที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า ผงกศีรษะรับด้วยสายตาแน่วแน่ “ข้าไม่กล้ารับรองว่าจะต้องไม่ตายแน่ๆ แต่ข้าจะพยายามเอาชีวิตอยู่รอดต่อไปให้ได้”

แล้วจู่ๆ หนิงเหยาก็คลี่ยิ้ม “เฉินผิงอัน เจ้ารีบเป็นเซียนกระบี่ใหญ่อันดับหนึ่งในใต้หล้าเร็วๆ เข้าเถอะ!”

เฉินผิงอันเกาหัว “ข้าเองก็รับรองไม่ได้เหมือนกัน แต่ข้าจะพยายามทำให้ได้!”

เฉินผิงอันเดินมานั่งข้างกายหนิงเหยา

ไหล่ของพวกเขาแอบอิงพิงกัน

หนิงเหยาเขินอายเล็กน้อยจึงชนกลับไปเบาๆ คล้ายอยากจะให้เขาถอยห่างออกไป แต่เฉินผิงอันกลับขยับเข้ามาใกล้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ไหล่ของเฉินผิงอันจึงส่ายกลับไปกลับมาอยู่แบบนี้

สุดท้ายคนทั้งสองนั่งมองไปทางทิศใต้ด้วยกันเงียบๆ

ไหล่ข้างหนึ่งแบกความหวังของอาจารย์ฉีและพี่สาวเทพเซียนเอาไว้

ไหล่อีกข้างแบกความคาดหวังของหญิงสาวผู้เป็นที่รัก

แม้จะไม่มีกิ่งหลิ่วห้อยระย้าและนกน้อยบินล้อมวน ไม่มีแสงตะวันอบอุ่นและภูเขาเขียวน้ำใส

แต่เฉินผิงอันกลับรู้สึกว่าแบบนี้ดีมาก ดีจนดีไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

……

เผยเปย เฉาสือสองอาจารย์และลูกศิษย์เดินเคียงกันไปบนหัวกำแพงช้าๆ เฉาสือหันกลับไปมองยังทิศทางที่ตั้งของกระท่อมแวบหนึ่งแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แม้ว่ารากฐานขอบเขตที่สามของเขายังค่อนข้างห่างชั้นจากของข้าอยู่มาก แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าเขาเฉินผิงอันมีหวังที่จะติดตามมาด้านหลังข้า”

เทพีแห่งการต่อสู้กล่าวยิ้มๆ “นี่ถือเป็นคำจารณ์ที่สูงมากแล้ว”

เฉาสือถาม “อาจารย์ ท่านคิดว่าอย่างไร?”

นางส่ายหน้าเบาๆ “ข้าคิดอย่างไรไม่สำคัญ ต้องดูว่าหลังจากนี้เจ้ากับเฉินผิงอันจะเดินกันไปอย่างไร การเลื่อนขอบเขตของพวกเจ้าจะช้าหรือเร็ว รากฐานแต่ละขอบเขตหนาหรือบาง สุดท้ายวิถีวรยุทธ์สูงหรือต่ำ แน่นอนว่าใครมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานกว่าถึงจะสำคัญที่สุด”

เฉาสือพยักหน้ารับแล้วถามว่า “อาจารย์ หากไม่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไหร่?”

เรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกับความเป็นความตายเช่นนี้ นางกลับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสิบทั่วไปหากพยายามลดการเผาผลาญพลังต้นกำเนิดให้เหลือน้อยที่สุด ลดการเข้าร่วมศึกใหญ่ที่อาจทิ้งต้นตอโรคร้ายยากที่จะกำจัด ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ประมาณสามร้อยปี ข้าน่าจะอยู่ได้มากกว่านั้นอีกสักสองร้อยปี แต่สองร้อยปีที่เพิ่มมานี้ก็สามารถทำอะไรได้มากมายแล้ว”

เฉาสือถอนหายใจ “สุดท้ายก็ยังเป็นผู้ฝึกลมปราณที่มีชีวิตอยู่ได้นานกว่า”

เผยเปยไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธในเรื่องนี้ นางถามว่า “เกี่ยวกับเฉินผิงอัน เจ้ายังมีความคิดเห็นอะไรอีกหรือไม่?”

เฉาสือส่ายหน้า “ไม่มีแล้ว”

เผยเปยกำชับ “ก่อนจะเลื่อนสู่ขอบเขตเจ็ด เจ้าสามารถออกจากราชวงศ์ต้าตวนไปอยู่ที่อื่นได้ แต่ห้ามไปเยือนทวีปอื่นเด็ดขาด”

“ข้าทราบแล้ว”

เฉาสือรู้สึกว่ายังไงก็ได้ เพราะศัตรูที่แท้จริงบนวิถีวรยุทธ์ของเขาก็มีแค่ตัวเขาเองเท่านั้น

เทพีแห่งการต่อสู้ร่างสูงใหญ่จากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางหลุดหัวเราะอย่างอดไม่ได้ นางยื่นมือมาลูบศีรษะของเฉาสือ

เฉาสือกล่าวอย่างอ่อนใจ “อาจารย์ ท่านอย่าเอาแต่มองข้าเป็นเด็กสิ”

ก่อนที่จะลงจากหัวกำแพง เผยเปยหันกลับไปมองกระท่อมหลังนั้นแล้วถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมคลี่ยิ้ม

คิดๆ ดูแล้ว ฝึกยุทธ์เต็มตัวที่อยู่รุ่นเดียวกับเฉาสือก็น่าสงสารไม่น้อยเลย

ผู้ที่เคารพเลื่อมใสเขาก็เหมือนคนที่ยืนมองภูเขาสูง และได้แต่แหงนมองอยู่อย่างนั้นไปชั่วชีวิต

คนที่อิจฉาริษยาเขา รู้สึกได้แค่ว่าฝีมือห่างชั้นกันไกลจนมองไม่เห็นฝุ่น คนที่เคียดแค้นเขา มองเขาเป็นศัตรูก็ได้แต่คันยิบๆ อยู่ในหัวใจ

เผยเปยคาดหวังอย่างยิ่งที่จะได้เห็นยอดเขาสูงสุดในลำดับสุดท้ายของลูกศิษย์ตัวเอง

เพราะถึงอย่างไรวรยุทธ์ก็ไร้ที่สอง!

……

เฉินผิงอันอยู่บนหัวกำแพงเมืองมาเกือบสิบวันแล้ว วันนี้หนิงเหยามาหาอีกครั้ง บอกว่าที่บ้านมีแขกคนสำคัญมาเยี่ยมเยียน จำเป็นต้องให้นางออกหน้า

เฉินผิงอันจึงเดินนิ่งเลียบหัวกำแพงเมืองต่อไปอีกครั้ง เดินออกไปได้ประมาณสิบกว่าลี้ก็สังเกตเห็นว่าเบื้องหน้ามีแม่นางน้อยสวมชุดสีดำตัวโคร่งคนหนึ่งยืนอยู่ นางมัดผมแกละดูซุกซุน ร่างส่ายโงนเงนราวกับว่านาทีถัดมาอาจจะร่วงลงไปจากหัวกำแพง คล้ายว่ากำลังงีบหลับ? ทำเอาเฉินผิงอันที่มองเห็นอกสั่นขวัญแขวน ต้องอดทนที่จะไม่ไปช่วยจับประคองแม่นางน้อยผู้ประมาทเลินเล่อคนนั้น เพราะการเดินทางไกลสองครั้งทำให้เฉินผิงอันเติบโตขึ้นไม่น้อย เขารู้มานานแล้วว่าแคว้นไฉ่อี ภูเขาห้อยหัว รวมไปถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่แห่งนี้ ทั้งสามสถานที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

ดังนั้นเฉินผิงอันจึงร้องเรียกหนึ่งที แสร้งทำเป็นเอ่ยสอบถามโดยใช้ภาษาถิ่นของกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่หนิงเหยาสอนให้ซึ่งพูดไม่คล่องนัก “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้เฒ่าที่อาศัยอยู่ในกระท่อมคือใคร?”

แม่นางน้อยไม่ได้สนใจเฉินผิงอัน ยังคงโล้ชิงช้าอยู่บนหัวกำแพงเมือง

เฉินผิงอันหยุดเดินในระยะห่างที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสม มองประเมินนางก็เห็นว่าบนใบหน้าอ่อนเยาว์ยังมีขี้มูกยืด นางกำลังหลับอยู่จริงๆ

ประมาทยิ่งนัก

เฉินผิงอันรู้สึกว่านางน่าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง

วินาทีนั้นเด็กหญิงผมแกละที่ยืนไม่มั่นคงก็ร่วงดิ่งลงไปข้างล่าง

เฉินผิงอันเตรียมจะพุ่งตัวออกไปคว้าข้อเท้าของแม่นางน้อยตามจิตใต้สำนึก

แต่กลับมีฝ่ามือข้างหนึ่งยื่นมากดไหล่ของเฉินผิงอันจนเขากระดุกกระดิกไม่ได้ พอหันหน้ากลับไปมองก็เห็นว่าทางฝั่งซ้ายมือมีผู้เฒ่าผมขาวหน้าตาใจดีคนหนึ่งยืนอยู่ ผู้เฒ่าที่ร่างสูงเพรียว ปักปิ่นหยกสีขาวไว้บนมวยผมพูดกับเฉินผิงอันด้วยรอยยิ้มว่า “ไอ้หนู ฟังจากน้ำเสียงของเจ้าแล้ว น่าจะเป็นคนต่างถิ่นกระมัง? หวังดีคือเรื่องที่ดี แต่เมื่ออยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ต้องจำไว้เรื่องหนึ่งว่า อย่าสร้างปัญหาให้คนอื่น และยิ่งไม่ควรสร้างปัญหาให้ตัวเอง”

ผู้เฒ่าชี้ไปยังทิศทางที่แม่นางน้อย ‘ร่วงหล่น’ “และใต้เท้าอิ่นกวานท่านนี้ก็คงไม่ต้องการให้เจ้าช่วยเหลือ นางคือเซียนกระบี่ที่สังหารเผ่าปีศาจห้าขอบเขตกลางไปมากที่สุดตลอดเวลาหนึ่งพันปีมานี้ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ หากจะพูดถึงคนที่เผ่าปีศาจเคียดแค้นมากที่สุด ใต้เท้าอิ่นกวานก็สามารถอยู่ในลำดับต้นๆ ได้เลย หากเจ้ากล้าแตะต้องแม้แต่ปลายชายเสื้อของนาง เกรงว่าคงต้องตายเป็นแน่ เว้นเสียจากว่าเซียนกระบี่ใหญ่ผู้เฒ่าจะยอมลงมือช่วยเหลือ”

เฉินผิงอันกุมหมัดขอบคุณ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!