กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 279

กระบี่จงมา – บทที่ 279.1 วรยุทธ์ไร้ที่สอง หมัดสูงเหนือนอกฟ้า
บทที่ 279.1 วรยุทธ์ไร้ที่สอง หมัดสูงเหนือนอกฟ้า
โดย
ProjectZyphon
หลังจากสู้กันจบในครั้งสุดท้าย เฉาสือก็บอกลาจากไปพร้อมกับอาจารย์ของเขา อาจารย์และลูกศิษย์สองคนนี้น่าจะออกจากกำแพงเมืองปราณกระบี่กลับไปยังต้าตวนแผ่นดินกลาง

ก่อนจะจากไปเฉาสือพูดกับเฉินผิงอันว่า “เฉินผิงอัน ก่อนเจ้าจะกลับภูเขาห้อยหัว ช่วยดูแลกระท่อมหลังเล็กแทนข้าได้หรือไม่?”

เฉินผิงอันเช็ดคราบเหงื่อบนหน้าผาก ยิ้มตอบว่า “ไม่มีปัญหา”

นี่คือความหวังดีที่เฉาสือมีให้

เด็กหนุ่มชุดขาวและเทพีแห่งการต่อสู้ที่เดินอยู่บนทางเดินม้า ยิ่งเดินก็ยิ่งห่างไปไกลมากขึ้นทุกที

เซียนกระบี่ผู้เฒ่าเอ่ยเตือนเฉินผิงอันว่า “ข้าจะถอนฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้ออกแล้ว”

เฉินผิงอันพยักหน้าแสดงให้รู้ว่าตัวเองไม่มีปัญหา

เซียนกระบี่ผู้เฒ่าถอนตราผนึกของฟ้าดินแห่งนั้นออกอย่างง่ายดาย ปราณกระบี่พลันไหลกรากเข้ามา ตอนนี้จิตวิญญาณของเฉินผิงอันกำลังสั่นสะเทือน บาดเจ็บไม่น้อย ได้แต่ใช้ท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูต้านรับเอาไว้

หนึ่งชั่วยามให้หลังเฉินผิงอันถึงจะขยับเดินได้ เขากับหนิงเหยาเดินมาใกล้กำแพงที่หันหน้าไปทางฝั่งทิศใต้ นางถามว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “บาดเจ็บแค่นี้ไม่นับเป็นอะไรได้”

หนิงเหยาขมวดคิ้ว ชี้ไปที่หัวใจของตัวเอง “ข้าหมายถึงตรงนี้”

มองตามนิ้วมือเรียวยาวราวต้นหอมของเด็กสาวไป สายตาของเฉินผิงอันจ้องนิ่งอยู่ตรงนั้นเป็นนาน

ผลคือถูกหนิงเหยาตบป้าบเข้าที่ศีรษะ

เฉินผิงอันเกาหัว รีบพูดเหมือนคนวัวหายแล้วล้อมคอก “ทางใจยิ่งไม่เป็นอะไรเลย”

ศีรษะของบุรุษ เอวของสตรี อย่างแรกห้ามตบ อย่างหลังห้ามจับ

แต่เฉินผิงอันหรือจะกล้าพูดประโยคแบบนี้ออกไป

หนิงเหยาเอนหลังพิงผนังกำแพง ถามอย่างเป็นกังวล “ไม่เป็นอะไรจริงๆ นะ?”

ภายในหนึ่งวัน เฉินผิงอันแพ้ถึงสามครั้ง แพ้แบบที่แพ้ไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

ครั้งแรกเฉินผิงอันประลองศิลปะการต่อสู้ด้วยวิชาหมัดมวยกับเฉาสือ ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ใจกันดีมาก ต่างก็ใช้วิธีที่บริสุทธิ์ แต่การออกหมัดแต่ละครั้งของเฉินผิงอันเหมือนจะช้ากว่าเฉาสือไปเสี้ยวหนึ่งพอดี

ไม่ใช่ว่าวิชาหมัดของเฉินผิงอันไม่ได้มาตรฐาน ตรงกันข้ามกันเลยด้วยซ้ำ กระบวนท่าหมัดอย่างม้าเหล็กทะลวงขบวนรบ ท่าไอเมฆเหนือบึงใหญ่ที่ผู้เฒ่าแซ่ชุยถ่ายทอดให้ ขนาดเทพีแห่งการต่อสู้ที่มองดูอยู่ด้านข้างก็ยังพยักหน้าอยู่หลายครั้ง

ทางฝั่งของเฉาสือกลับดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด แต่ละท่วงท่าเต็มไปด้วยความมั่นใจเหมือนรู้ล่วงหน้า ชิงความได้เปรียบตัดหน้าศัตรูจนดูเหมือนว่าเท้าและหมัดของเฉินผิงอันไปถึงจุดที่เขาต้องการอย่างพอดิบพอดี

เฉินผิงอันจึงต่อยไม่โดนเฉาสือแม้แต่หมัดเดียว

ในขณะที่เซียนกระบี่ผู้เฒ่าและหนิงเหยาต่างก็รู้สึกว่าต่อสู้ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว คราวนี้กลับกลายเป็นเทพีแห่งการต่อสู้ที่เสนอความคิดเห็นด้วยรอยยิ้มบางๆ บ้างว่า ลองสู้กันอีกสักตั้ง อีกทั้งยังให้เฉินผิงอันปล่อยฝีไม้ลายมืออย่างเต็มที่ ไม่ต้องใช้แค่วิชาหมัดอย่างเดียวเท่านั้น

การต่อสู้ครั้งที่สอง เฉินผิงอันใช้กระบี่บินสืออู่และชูอีมาช่วยเสริม และยังใช้ยันต์อีกหลายชนิด

แต่ก็ยังช้ากว่าการเคลื่อนไหวร่างกายของเฉาสือไปนิดหนึ่ง ไม่มากไม่น้อย ยังคงห่างแค่เสี้ยวเดียวพอดี

คราวนี้แม้แต่หนิงเหยาก็ยังรู้สึกจนใจแทนเฉินผิงอัน

เหมือนกับการเล่นหมากล้อม เป็นนักเล่นระดับแคว้นขั้นเก้าเหมือนกัน แต่ก็มีแข็งแกร่งเก้าและอ่อนด้อยเก้า ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หากนักเล่นแข็งแกร่งเก้านี้สามารถเล่นแค่ครึ่งตาก็ชนะไปเสียทุกครั้ง ถ้าอย่างนั้นความแตกต่างของฝีมือทั้งสองฝ่ายก็ไม่ใช่แค่มากในระดับทั่วไปแล้ว

การต่อสู้ครั้งสุดท้าย เฉินผิงอันเป็นคนเสนอ เฉาสือก็ยอมรับ

ครั้งที่สามนี้เฉินผิงอันเริ่มเปลี่ยนไป

เขาไม่เหมือนกำลังประมือกับเฉาสือ แต่เหมือนแข่งขันกับตัวเองมากกว่า เขาฝืนเปลี่ยนกระบวนท่าของวิชาหมัดที่ถูกกำหนดมาแน่นอนแล้วอย่างต่อเนื่อง ลองจินตนาการดู กระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าก็ดี หรือกระบวนท่าม้าเหล็กทะลวงขบวนรบก็ช่าง ล้วนเป็น ‘วิชาเทพเซียน’ ที่ผ่านการหล่อหลอมขัดเกลามานับพันนับหมื่นครั้งจากผู้เฒ่าแซ่ชุย เฉินผิงอันใช้วิธีการเช่นนี้จึงมองออกว่าตัวเขาเริ่มเสียหลักเองแล้ว

ดังนั้นเมื่อเทียบกับการออกหมัดของเฉินผิงอันแล้ว การออกหมัดของเฉาสือจึงไม่ได้เร็วกว่าแค่เสี้ยวเดียวอีกต่อไป หลายครั้งที่ก่อนเฉินผิงอันจะออกหมัด หรือไม่ก็ระหว่างที่เฉินผิงอันออกหมัด เฉาสือจะต่อยปณิธานหมัดของเฉินผิงอันให้พังทลายลงกลางคัน เรียกได้ว่าแพ้อเนจอนาถยิ่งกว่าสองครั้งก่อนหน้านี้เสียอีก

แต่คนสามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่อให้เป็นหนิงเหยาที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิถีวรยุทธ์ สุดท้ายก็ยังมองออกว่าการเปลี่ยนแปลงวิธีการกะทันหันของเฉินผิงอันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ความต่างหลักๆ นั้นยังคงอยู่ที่รากฐานของขอบเขตสี่

หลังจากต่อสู้กันไปสามครั้ง เฉาสือก็ชูนิ้วโป้งให้เฉินผิงอัน พูดแค่สี่คำว่า พยายามต่อไป

หากไม่ใช่เฉาสือ แล้วก็ไม่ใช่เฉินผิงอัน เกรงว่าทุกคนคงรู้สึกว่าคำพูดของเฉาสือเป็นการท้าทาย เป็นการอวดเบ่งบารมี หรือไม่ก็กำลังเหยียดหยามผู้แพ้

แต่จิตใจของเฉาสือนิ่งสงบ จิตใจเฉินผิงอันก็หนักแน่นมั่นคง จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้

เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสี่เหมือนกัน ตอนนี้เฉินผิงอันคือผู้ที่พ่ายแพ้เฉาสืออย่างแท้จริง

ดังนั้นหนิงเหยาที่ ‘จิตแห่งกระบี่ใสสะอาด ฉายประกายเฉียบคม’ ถึงได้ถามเช่นนี้ นางกลัวว่าเฉินผิงอันจะแพ้เป็นครั้งที่สี่

แพ้ในการแข่งขันทางจิตใจที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

หากจิตแห่งวิถีวรยุทธ์ถูกเฉาสือบดขยี้จนย่อยยับ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าว่าแต่ขอบเขตปลายทางบนวิถีวรยุทธ์เลย แม้แต่ขอบเขตเจ็ดก็คงยากสำหรับชีวิตนี้ของเฉินผิงอันแล้ว

ยังดีที่เฉินผิงอันบอกว่าไม่เป็นไร

หนิงเหยาเชื่อเขา

เฉินผิงอันไม่กลัวตาย นางรู้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ถ้ำสวรรค์หลีจูแล้ว เขาเกือบจะตายด้วยน้ำมือของวานรย้ายภูเขา เกือบจะแลกชีวิตกับหม่าขู่เสวียนเพื่อนาง

แต่ไม่กลัวตาย ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กลัวแพ้

ตอนที่ยากจนข้นแค้น คนเท้าเปล่าไม่กลัวที่จะต้องสวมรองเท้า ทว่าก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่โรงเตี๊ยมกว้านเชวี่ยภูเขาห้อยหัว ได้เห็นสมบัติที่วางเต็มโต๊ะ หนิงเหยาถึงเพิ่งรู้ว่าที่แท้เฉินผิงอันมีเงินมากแล้ว และยิ่งมีหวังบนวิถีวรยุทธ์

ดังนั้นหนิงเหยาจึงกังวลว่าเฉินผิงอันจะยึดติดดึงดัน

โชคดีที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น

คนทั้งสองนั่งเคียงไหล่กันอยู่บนหัวกำแพงเมืองที่หันหน้าไปทางทิศใต้

หนิงเหยาวางกระบี่สองเล่มหนึ่งใหม่หนึ่งเก่าทับซ้อนกันไว้บนหัวเข่า เฉินผิงอันยังคงสะพายกล่องกระบี่ที่เหลือแค่กระบี่ไม้ไหวเล่มเดียว

อันที่จริงนางรู้สึกว่าชื่อกระบี่กำจัดปีศาจนี้ค่อนข้างจะเชย แต่พอคิดถึงว่าเฉินผิงอันยังแบกปราบมารอยู่บนหลังจึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขาอีก

เฉินผิงอันใช้สองหมัดค้ำไว้บนหัวเข่า เอนตัวไปด้านหน้า ห่างออกไปพันลี้ก็คือฐานทัพใหญ่ของเผ่าปีศาจที่มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนฝูงมดฝูงผึ้งมารวมตัวกัน ได้ยินหนิงเหยาเล่าว่าทุกครั้งที่ทัพใหญ่ของเผ่าปีศาจบุกมาโจมตีกำแพงเมืองปราณกระบี่ ในหุบเขาแคบๆ แห่งนี้จะอัดแน่นไปด้วยเผ่าปีศาจ แต่เหนือศีรษะของพวกมันก็เต็มไปด้วยกระบี่บินเช่นกัน

เวลาอยู่กับหนิงเหยา เฉินผิงอันนึกอยากพูดอะไรก็พูดตามใจตัวเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!