กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 284

กระบี่จงมา – บทที่ 284.3 ควันธูปหมุนเป็นเกลียวอ้อยอิ่ง
บทที่ 284.3 ควันธูปหมุนเป็นเกลียวอ้อยอิ่ง
โดย
ProjectZyphon
ภูเขาเจินอู่

ในฐานะหนึ่งในสองปฐมสำนักของสำนักการทหารแจกันสมบัติทวีป เมื่อเทียบกับศาลลมหิมะที่มีจอมยุทธ์พเนจรมากกว่าแล้ว เขาเจินอู่มีผู้ฝึกตนที่เข้าร่วมกองทัพเยอะอย่างถึงที่สุด

หนึ่งปีที่ผ่านมาผู้ฝึกตนด้านล่างภูเขามีมากขึ้นเรื่อยๆ ครึ่งหนึ่งเดินทางไปยังต้าหลีที่อยู่ทางทิศเหนือ ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งไล่ตามโชควาสนาของตัวเอโดยเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อแคว้นต่างๆ ที่อยู่แถบภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป

ช่วงที่ผ่านมาภูเขาเจินอู่ที่ค่อนข้างเงียบสงบจึงเริ่มครึกครื้น

สมาชิกใหม่นิสัยกำเริบเสิบสานที่เพิ่งขึ้นเขามาได้ไม่กี่ปีอย่างหม่าขู่เสวียนได้ก่อเรื่องใหญ่เทียมฟ้าขึ้นอีกครั้ง เขาลงมือสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตชมมหาสมุทรคนหนึ่ง รายละเอียดและสาเหตุเป็นอย่างไร ทางภูเขาเจินอู่ไม่ได้ป่าวประกาศแก่ภายนอก รู้แค่ว่าไม่ได้ลงมือเพราะเป็นศัตรูคู่แค้น ผู้ฝึกตนเฒ่าขอบเขตเจ็ดคนนั้นไม่เคยไปมาหาสู่กับหม่าขู่เสวียน ต่อให้เกิดความขัดแย้งกัน อย่างมากก็แค่ด่ากันเท่านั้น ย่อมต้องเป็นหม่าขู่เสวียนที่จิตใจอำมหิตจงใจสังหารเขาอย่างแน่นอน

ต่อให้บุรพาจารย์สองท่านจะช่วยพูดขอร้อง แต่สุดท้ายหม่าขู่เสวียนก็ยังถูกจับขังในตำหนักเสินอู่ด้านหลังภูเขา ห้ามออกไปไหนเป็นระยะเวลาหนึ่งปี

ในตำหนักเสินอู่บูชาบรรพจารย์หลายรุ่นของภูเขาเจินอู่และองค์เทพไร้นามหลายสิบองค์ ว่ากันว่าในประวัติศาสตร์เคยมีหายนะใหญ่ที่เกี่ยวพันกับทั้งสำนัก ช่วงเวลาที่เผชิญกับวิกฤตคับขัน เจ้าสำนักภูเขาเจินอู่ในยุคสมัยนั้นใช้เวทลับที่ไม่อาจแพร่งพรายอัญเชิญองค์เทพร่างทองที่เสพสุขควันธูปอยู่ในตำหนักใหญ่มานานหลายพันปี ให้มาช่วยกันลงเขาไปสังหารศัตรูด้วยพลังอำนาจอันน่าครั่นคร้าม สุดท้ายกำจัดตระกูลเซียนสิบกว่าแห่งได้ในรวดเดียว

แต่การถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนักเสินอู่ย่อมไม่ใช่เรื่องที่สุขสบายแน่นอน มีเพียงผู้ฝึกตนของภูเขาเจินอู่ที่ทำความผิดมหันต์เท่านั้นถึงจะถูกกักขังอยู่ที่นี่ สุดท้ายไม่มีใครสามารถเดินออกไปจากที่นี่โดยที่ยังมีชีวิตอยู่สักคน ว่ากันว่าองค์เทพทั้งหลายที่ตั้งบูชาไว้ในตำหนักเสินอู่จะ ‘ฟื้นตื่น’ ขึ้นมาในวันถือศีลกินเจของยุคบรรพกาลซึ่งขาดการสืบทอดไปแล้ว เพื่อสอบถาม ฟาดโบย หรือแม้แต่กลืนกินดวงวิญญาณของผู้ฝึกตน

จวนเทพเซียนแห่งหนึ่งบนภูเขาเจินอู่ซึ่งมีปราณแห่งเซียนล้อมวน บุรพาจารย์สำนักการทหารคนหนึ่งที่มีวัยวุฒิสูงมากระเบิดอารมณ์เต็มที่ “ลงโทษหม่าขู่เสวียนเช่นนี้ไม่เข้มงวดไปหน่อยหรือ?!”

คนที่อยู่ตรงข้ามคือคนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา นิ้วมือเรียวบางขาวนวลเหมือนมือของสตรี เขากำลังนั่งเล่นหมากล้อมอยู่กับตัวเอง เผชิญหน้ากับการซักไซ้ที่แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าไร้มารยาทของศิษย์น้องคนนี้ บุรุษไม่สะทกสะท้าน ถึงขั้นไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความสักคำ

ผู้เฒ่าฟาดฝ่ามือตบลงบนโต๊ะ “หม่าขู่เสวียนคนนี้คือผู้มีพรสวรรค์ที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต เป็นคนมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง หากเจ้าทำลายเขา ข้าจะไม่จบเรื่องกับเจ้าง่ายๆ แน่!”

บุรุษเพิ่งจะคีบตัวหมากขึ้นมาเม็ดหนึ่ง ได้ยินประโยคนี้ก็ปล่อยมันกลับล่องไปในโถเก็บเม็ดหมาก ขมวดคิ้วกล่าวว่า “อันที่จริงโศกนาฎกรรมที่พรรคหรือตระกูลซึ่งในชื่อได้ใช้คำว่าสำนัก (จง) ถูกทำลายด้วยน้ำมือของผู้มีพรสวรรค์ มีไม่มากนัก”

ผู้เฒ่าหัวเราะหยัน “แต่สำนักที่ลุกผงาดเจริญรุ่งเรือง หมดสิ้นข้อเสียด้วยฝีมือของคนคนเดียวกลับมีมากกว่า!”

บุรุษส่ายหน้ากล่าวว่า “การฝึกตนต้องให้ความสำคัญกับสองคำว่าถูกผิดก่อน หาไม่แล้วหากต้องทำลายกฎที่บรรพบุรุษหลายท่านตั้งเอาไว้เพียงเพื่อคนหนึ่งคนหรือสองคน หวังให้ได้รับความเจริญรุ่งเรืองในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ไม่ต่างจากการสร้างหอเรือนกลางอากาศ อีกอย่างตอนนี้โชคชะตาของภูเขาเจินอู่เป็นไปเองตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยเหลือ ศิษย์น้องหลิว ข้าขอแนะนำเจ้าสักคำ เจ้าให้ความสำคัญกับหม่าขู่เสวียน ต่อให้จะยินดีมอบสมบัติอาคมทุกชิ้นให้แก่เขา หรือถึงขั้นแอบช่วยอย่างลับๆ ให้เขาได้รับโชควาสนาครั้งนั้น แต่ถึงอย่างไรแล้วนี่ก็เป็นเรื่องของเจ้าคนเดียว ข้าจะไม่ยื่นมือเข้าแทรก เพราะนี่ไม่ได้ผิดต่อกฎของภูเขาเจินอู่เรา”

ผู้เฒ่ามอง ‘คนหนุ่ม’ ที่สีหน้าเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ บุรพาจารย์สำนักการทหารที่เดิมทีใส่อารมณ์หัวฟัดหัวเหวี่ยงก็เริ่มร้อนตัว แค่นเสียงเย็นกล่าวว่า “หม่าขู่เสวียนมีค่ามากพอให้ภูเขาเจินอู่ละเมิดกฎเกณฑ์บางอย่างเพื่อเขา ศาลลมหิมะมีเว่ยจิ้นแห่งหอเทพเซียน พวกเรามีใคร?”

บุรุษยิ้มบางๆ กล่าวว่า “มีข้าไงล่ะ”

ประโยคนี้ทำเอาผู้เฒ่าสะอึกอึ้ง นานพักใหญ่ก็ยังพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ดูเหมือนบุรุษจะรู้สึกได้ว่าบรรยากาศแข็งทื่อเกินไป ในที่สุดก็เค้นรอยยิ้มออกมา “เอาละ ลูกหลานย่อมต้องมีวาสนาของลูกหลาน แล้วนับประสาอะไรกับที่หม่าขู่เสวียนไม่ใช่ลูกหลานของเจ้า จะร้อนใจไปทำไม เพื่อกิจการใหญ่ของสำนัก? พอเถอะน่า เจ้านิสัยเป็นอย่างไรข้ายังไม่รู้อีกหรือ? พูดไปพูดมาก็ไม่ใช่เพื่อให้หม่าขู่เสวียนไปช่วยแก้แค้นศาลลมหิมะแทนเจ้าในวันหน้าหรือไง?”

บุรพาจารย์สำนักการทหารที่ชื่อเสียงด้านความฉุนเฉียวอารมณ์ร้ายเป็นที่เลื่องลือกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ความตั้งใจเดิมเป็นอย่างนี้ก็จริง แต่อยู่ด้วยกันนานวันเข้า ยิ่งนานข้าก็ยิ่งถูกชะตากับหม่าขู่เสวียน ลูกหลานที่ไม่เอาถ่านของบ้านข้า จะคนเดียวหรือหมื่นคนก็สู้หม่าขู่เสวียนไม่ได้เลยสักคน”

บุรุษพยักหน้ารับคล้อยตามผู้เฒ่าอย่างที่หาได้ยาก “อืม ลูกกระต่ายลูกตะพาบกลุ่มนั้นของบ้านเจ้า ปีนั้นเจ้าไม่ควรให้กำเนิดพวกเขามาเลยจริงๆ แต่จะว่าไปแล้วก็ต้องโทษตัวเจ้าเองที่ควบคุมนกเขาในกางเกงตัวเองไม่อยู่”

ผู้เฒ่ากล่าวอย่างขุ่นเคือง “เจ้าเป็นถึงเจ้าสำนักภูเขาเจินอู่ พูดจาแบบนี้ไม่อายปากตัวเองบ้างหรือไง?!”

บุรุษคลี่ยิ้ม เอ่ยสัพยอกว่า “ได้ยินว่าช่วงนี้สายรัดกางเกงของเจ้าผูกไม่แน่นอีกแล้วรึ? ถึงได้หาอนุภรรยาที่เป็นคนธรรมดาหน้าตางดงามมาอีกคนหนึ่ง?”

ไฟโทสะของผู้เฒ่าลดฮวบลงทันที พูดเสียงเบาว่า “ข้าชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆ น่ารักไร้เดียงสา เทพธิดาเย่อหยิ่งทั้งหลายบนภูเขาเห็นแล้วเอียน”

บุรุษกล่าวอย่างอ่อนใจว่า “แค่เจ้าชอบก็พอ”

ผู้เฒ่าพลันเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมาในใจ “ภูเขาเจินอู่ต้องเปลี่ยนขนบธรรมเนียมแล้วจริงๆ โดยเฉพาะพวกลูกศิษย์ที่รับมาในช่วงร้อยปีล่าสุดที่สภาพจิตใจย่ำแย่สุดขีด แค่หม่าขู่เสวียนคนเดียวก็ทำให้จิตแห่งมหามรรคาของพวกเขาปั่นป่วนวุ่นวายเหมือนไก่บินหมาวิ่งเตลิด แต่ละคนพูดเสียดสีเย้ยหยันลับหลังหนักยิ่งกว่าพวกผู้หญิงปากตลาดเสียอีก!”

บุรุษโบกมือ “ไม่ใช่ว่าจิตแห่งมหามรรคาปั่นป่วน เดิมทีจิตแห่งมรรคาของคนพวกนี้ก็แย่แบบนั้นอยู่แล้ว”

ผู้เฒ่าถามอย่างสงสัย “แล้วเจ้าไม่คิดจะสนใจสักหน่อยรึ?”

บุรุษถามกลับ “ถ้าอย่างนั้นข้าต้องสนเรื่องกินดื่มขี้เยี่ยวของพวกเขา สนเรื่องสายรัดกางเกงของเจ้าด้วยหรือเปล่า?”

ผู้เฒ่ามองค้อน

“วางใจเถอะ หม่าขู่เสวียนไม่ตายหรอก”

บุรุษโบกมือแล้วเริ่มเล่นหมากล้อมอีกครั้ง

บุรพาจารย์สำนักการทหารหัวเราะฮ่าๆ พลันลุกขึ้นยืน “ศิษย์พี่ท่านนี่ก็จริงๆ เลยนะ ถ้าพูดประโยคนี้ตั้งแต่แรก ข้าจะต้องมาบ่นให้ท่านฟังเป็นครึ่งๆ วันทำไมกัน!”

บุรุษกล่าวโดยไม่เงยหน้า “สายรัดกางเกงของเจ้าหลวมแล้ว”

ผู้เฒ่าหัวเราะหึหึ “ศิษย์พี่ชอบล้อเล่นแบบนี้เสมอ…”

ร้องโอ๊ะหนึ่งครั้ง แล้วผู้เฒ่าก็รีบร่ายเวทอย่างลนลาน ก่อนจะหายตัววับไป

ที่แท้ระหว่างที่บุรุษโบกมือก็ทำให้สายรัดกางเกงของเซียนพสุธาก่อกำเนิดคนหนึ่งแตกสลายโดยที่ฝ่ายหลังไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

หากเขามีใจคิดสังหารคนเล่า?

ในสายตาของคนแจกันสมบัติทวีป ภูเขาเจินอู่แข็งแกร่งในเรื่องของอิทธิพลที่มีต่อราชวงศ์ในโลกมนุษย์ หากพูดถึงตบะและพลังการต่อสู้ส่วนบุคคล เทพเซียนผู้เฒ่าสำนักการทหารหลายคนของศาลลมหิมะถือว่าแข็งแกร่งกว่าภูเขาห้อยหัวมากนัก

เคยมีคนกล่าวหยอกเย้าไว้ว่า ปฐมสำนักของสำนักการทหารทั้งสองแห่ง หากต่างฝ่ายต่างส่งคนสิบคนมาเข่นฆ่ากันเอง ศาลลมหิมะที่มีผู้แข็งแกร่งมากมายเหมือนต้นไม้ในป่าคงอัดให้ภูเขาเจินอู่ที่มีประสบการณ์ทางโลกอย่างลึกซึ้งร้องเรียกหาบรรพบุรุษอย่างแน่นอน

บุรุษวางตำราหมากล้อมเล่มเก่าที่ท่องขึ้นใจมานานแล้วเล่มนั้นลง ชื่อตำราคือ ‘รวมกวานจื่อ’ ในตำราบันทึกช่วงเล่นกวานจื่อ (คำศัพท์ในวงการหมากล้อม ระหว่างที่แข่งขันกันบนกระดาน ต่างฝ่ายต่างยึดฐานที่มั่นของตัวเองได้แล้ว ยังไม่มีการวางเม็ดหมากลงไปบนที่ว่างรอยต่อของกันและกัน หากวางเม็ดหมากลงไปในเวลานี้จะเรียกว่ากวานจื่อ) ที่มีชื่อเสียงมากมายในประวัติศาสตร์ กระดานที่บุรุษกำลังเล่นอยู่ตอนนี้มีชื่อเรียกว่ากระดานเมฆหลากสี สองฝ่ายที่ประชันฝีมือกัน คนหนึ่งคือเจ้านครจักรพรรดิขาว อีกคนหนึ่งคืออดีตลูกศิษย์คนแรกของเหวินเซิ่ง

บุรุษถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที

ในตำหนักเสินอู่ด้านหลังภูเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!